"แสนสิริ" มั่นใจตลาดคอนโดปีนี้สดใส ลุยผุดเพิ่ม 19 โครงการ มูลค่ากว่า 1.9 หมื่นล้านบาท ทั้งในกรุงเทพฯ-ต่างจังหวัด เล็งขึ้นราคาขายคอนโดใหม่ 8-10% รับต้นทุนก่อสร้างที่เพิ่มขึ้น ครึ่งปีหลังเตรียมออกหุ้นกู้ 3,000 ล้านบาท
นายอุทัย อุทัยแสงสุข รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานพัฒนาธุรกิจและพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI เปิดเผยว่า บริษัทจะทยอยปรับราคาขายคอนโดมิเนียมโครงการใหม่อีก 8-10% ตามต้นทุนการก่อสร้างที่เพิ่มขึ้น เป็นผลจากการปรับขึ้นค่าแรงงานขั้นต่ำเป็น 300 บาท/วัน และราคาวัสดุก่อสร้างสูงขึ้น
สำหรับในปีนี้บริษัทมีแผนจะพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในต่างจังหวัดตามหัวเมืองมากขึ้น ซึ่งปีนี้จะมีการเปิดคอนโดมิเนียมต่างจังหวัด 5-6 โครงการ เช่น ที่ พัทยา ขอนแก่น เชียงใหม่ และหาดใหญ่ มูลค่ารวม 2 พันล้านบาท มากกว่าปีก่อน ส่วนใหญ่เป็นคอนโดมิเนียมระดับกลาง เนื่องจากพบว่าความต้องการของผู้บริโภคมีเพิ่มขึ้นจากผลกระทบน้ำท่วม รวมถึงการเติบโตของกำลังซื้อต่างจังหวัดมีอยู่สูง
โดยขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการ คาดว่าจะทยอยสรุปได้ภายในปีนี้ จากทั้งหมดในปีนี้ที่บริษัทมีแผนจะเปิดโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ 19 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 19,000 ล้านบาท ครอบคลุมทุกระดับราคาทั้งใน กทม. ชานเมือง และต่างจังหวัด โดยปีนี้บริษัทตั้งงบลงทุนรวมเพื่อจัดซื้อที่ดิน 5 พันล้านบาท โดยในจำนวนดังกล่าว 3 พันล้านบาทจะเป็นที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม จากปีก่อนที่ใช้ไป 1 พันล้านบาท
ทั้งนี้ ตั้งแต่ต้นปีจนถึงวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2555 บริษัทมียอดขายโครงคอนโดมิเนียมแล้ว 3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน และคาดการณ์การจัดงาน แสนสิริ ไลฟ์ คัมส์ โฮม จะสร้างยอดขายได้อีก 2.5 พันล้านบาท จึงเชื่อมั่นว่ายอดขายคอนโดมิเนียมในไตรมาสที่ 1/55 ของบริษัทจะแตะ 7 พันล้านบาท ส่งผลให้ยอดขายรวมไตรมาสที่ 1/55 สูงถึง 1 หมื่นล้านบาทตามที่ตั้งเป้าไว้ได้อย่างแน่นอน และปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) โครงการคอนโดมิเนียมอยู่ที่ 2.2-2.3 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะทยอยโอนและรับรู้รายได้ในปีนี้ 1.3 หมื่นล้านบาท
นายอุทัย กล่าวถึงภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมในประเทศในปีนี้ว่า ยังมีการเติบโตในทุกเซ็กเมนต์ โดยเริ่มจากคอนโดมิเนียมระดับพรีเมียม (ระดับราคา 100,000-199,999 บาทต่อ ตร.ม.) พบว่าซัพพลายคอนโดมิเนียมหายากมากขึ้น เพราะปัญหาการขาดแคลนที่ดินย่านกลางเมือง จนทำให้ดีมานด์มากกว่าซัพพลายในระดับที่เห็นได้อย่างชัดเจน ทำให้คอนโดในระดับบน (ระดับราคา 70,000-99,000 บาทต่อ ตร.ม.) ที่ไม่ไกลจากรถไฟฟ้าจะเริ่มเข้ามาดูดซับความต้องการดังกล่าวทดแทน เพราะปัจจุบันระบบขนส่งมวลชนมีการพัฒนาขึ้นมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งการต่อขยายของรถไฟฟ้าสายต่างๆ
ส่วนคอนโดมิเนียมระดับกลาง (ระดับราคาไม่เกิน 69,999 บาทต่อ ตร.ม.) มีการเติบโตชัดเจนที่สุดในปีที่ผ่านมา มีโครงการใหม่ๆ นำเสนอสู่ตลาดให้ลูกค้าได้เลือกจำนวนมาก และมีแนวโน้มจะเติบโตแบบก้าวกระโดดเนื่องจากการเปลี่ยน พฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมายที่หันมานิยมอยู่อาศัยในคอนโดมิเนียมมากขึ้นกว่าอดีตที่นิยมซื้อบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์
นอกจากนี้ แหล่งข่าว SIRI กล่าวว่า บริษัทเตรียมเสนอขายหุ้นกู้วงเงิน 3 พันล้านบาท ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ เพื่อนำไปชำระคืนหนี้ (รีไฟแนนซ์) หุ้นกู้เดิมที่จะครบกำหนดในเดือนเมษายน 2555 และยืนยันว่าบริษัทยังไม่มีความจำเป็นในการเพิ่มทุน เนื่องจากยังมีใบสำคัญแสดงสิทธิ์ซื้อหุ้นสามัญ (วอร์แรนต์) รอใช้สิทธิแปลงสภาพเป็นหุ้นสามัญจำนวนมาก ซึ่งจะส่งผลให้อัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) ของบริษัทลดเหลือ 1-1.2 เท่า จากปัจจุบันอยู่ที่ 1.6 เท่า
ที่มา: หนังสือพิมพ์ข่าวหุ้น
นายอุทัย อุทัยแสงสุข รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานพัฒนาธุรกิจและพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI เปิดเผยว่า บริษัทจะทยอยปรับราคาขายคอนโดมิเนียมโครงการใหม่อีก 8-10% ตามต้นทุนการก่อสร้างที่เพิ่มขึ้น เป็นผลจากการปรับขึ้นค่าแรงงานขั้นต่ำเป็น 300 บาท/วัน และราคาวัสดุก่อสร้างสูงขึ้น
สำหรับในปีนี้บริษัทมีแผนจะพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในต่างจังหวัดตามหัวเมืองมากขึ้น ซึ่งปีนี้จะมีการเปิดคอนโดมิเนียมต่างจังหวัด 5-6 โครงการ เช่น ที่ พัทยา ขอนแก่น เชียงใหม่ และหาดใหญ่ มูลค่ารวม 2 พันล้านบาท มากกว่าปีก่อน ส่วนใหญ่เป็นคอนโดมิเนียมระดับกลาง เนื่องจากพบว่าความต้องการของผู้บริโภคมีเพิ่มขึ้นจากผลกระทบน้ำท่วม รวมถึงการเติบโตของกำลังซื้อต่างจังหวัดมีอยู่สูง
โดยขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการ คาดว่าจะทยอยสรุปได้ภายในปีนี้ จากทั้งหมดในปีนี้ที่บริษัทมีแผนจะเปิดโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ 19 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 19,000 ล้านบาท ครอบคลุมทุกระดับราคาทั้งใน กทม. ชานเมือง และต่างจังหวัด โดยปีนี้บริษัทตั้งงบลงทุนรวมเพื่อจัดซื้อที่ดิน 5 พันล้านบาท โดยในจำนวนดังกล่าว 3 พันล้านบาทจะเป็นที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม จากปีก่อนที่ใช้ไป 1 พันล้านบาท
ทั้งนี้ ตั้งแต่ต้นปีจนถึงวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2555 บริษัทมียอดขายโครงคอนโดมิเนียมแล้ว 3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน และคาดการณ์การจัดงาน แสนสิริ ไลฟ์ คัมส์ โฮม จะสร้างยอดขายได้อีก 2.5 พันล้านบาท จึงเชื่อมั่นว่ายอดขายคอนโดมิเนียมในไตรมาสที่ 1/55 ของบริษัทจะแตะ 7 พันล้านบาท ส่งผลให้ยอดขายรวมไตรมาสที่ 1/55 สูงถึง 1 หมื่นล้านบาทตามที่ตั้งเป้าไว้ได้อย่างแน่นอน และปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) โครงการคอนโดมิเนียมอยู่ที่ 2.2-2.3 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะทยอยโอนและรับรู้รายได้ในปีนี้ 1.3 หมื่นล้านบาท
นายอุทัย กล่าวถึงภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมในประเทศในปีนี้ว่า ยังมีการเติบโตในทุกเซ็กเมนต์ โดยเริ่มจากคอนโดมิเนียมระดับพรีเมียม (ระดับราคา 100,000-199,999 บาทต่อ ตร.ม.) พบว่าซัพพลายคอนโดมิเนียมหายากมากขึ้น เพราะปัญหาการขาดแคลนที่ดินย่านกลางเมือง จนทำให้ดีมานด์มากกว่าซัพพลายในระดับที่เห็นได้อย่างชัดเจน ทำให้คอนโดในระดับบน (ระดับราคา 70,000-99,000 บาทต่อ ตร.ม.) ที่ไม่ไกลจากรถไฟฟ้าจะเริ่มเข้ามาดูดซับความต้องการดังกล่าวทดแทน เพราะปัจจุบันระบบขนส่งมวลชนมีการพัฒนาขึ้นมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งการต่อขยายของรถไฟฟ้าสายต่างๆ
ส่วนคอนโดมิเนียมระดับกลาง (ระดับราคาไม่เกิน 69,999 บาทต่อ ตร.ม.) มีการเติบโตชัดเจนที่สุดในปีที่ผ่านมา มีโครงการใหม่ๆ นำเสนอสู่ตลาดให้ลูกค้าได้เลือกจำนวนมาก และมีแนวโน้มจะเติบโตแบบก้าวกระโดดเนื่องจากการเปลี่ยน พฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมายที่หันมานิยมอยู่อาศัยในคอนโดมิเนียมมากขึ้นกว่าอดีตที่นิยมซื้อบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์
นอกจากนี้ แหล่งข่าว SIRI กล่าวว่า บริษัทเตรียมเสนอขายหุ้นกู้วงเงิน 3 พันล้านบาท ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ เพื่อนำไปชำระคืนหนี้ (รีไฟแนนซ์) หุ้นกู้เดิมที่จะครบกำหนดในเดือนเมษายน 2555 และยืนยันว่าบริษัทยังไม่มีความจำเป็นในการเพิ่มทุน เนื่องจากยังมีใบสำคัญแสดงสิทธิ์ซื้อหุ้นสามัญ (วอร์แรนต์) รอใช้สิทธิแปลงสภาพเป็นหุ้นสามัญจำนวนมาก ซึ่งจะส่งผลให้อัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) ของบริษัทลดเหลือ 1-1.2 เท่า จากปัจจุบันอยู่ที่ 1.6 เท่า
ที่มา: หนังสือพิมพ์ข่าวหุ้น