ศูนย์ข้อมูลฯ ระบุอสังหาฯ ปี 55 เป็นปีแห่งการปรับพอร์ตการลงทุนของผู้ประกอบการ ทั้งทำเล-สินค้า รองรับความเสี่ยงจากสารพัดปัจจัย เชื่อโครงการเปิดใหม่ทั้งปีลดฮวบหลังรายใหญ่ประกาศลดการผลิต ขณะที่ยอดโอนกรรมสิทธิ์ทั้งปีประมาณ 9 หมื่นยูนิต
นายสัมมา คีตสิน ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารธอส. (REIC) กล่าวว่า ภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี 2555 ในไตรมาสแรกยังเป็นไตรมาสที่ได้รับผลกระทบต่อเนื่องจากเหตุการณ์น้ำท่วม ที่ตลาดยังช็อกกับเหตุการณ์ดังกล่าวกำลังซื้อบางส่วนลดลง รวมถึงขาดความเชื่อมั่น เกรงว่าจะเกิดอุทกภัยซ้ำขึ้นอีกในปีนี้หรือในอนาคต แต่เชื่อว่าหลังไตรมาส1 ผ่านพ้นไปสถานการณ์ต่างๆ จะเริ่มคลี่คลายสภาวะตลาดจะเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ
ขณะที่การเปิดตัวโครงการใหม่ของผู้ประกอบการในปีนี้ จะลดลงจากปี 2554 พิจารณาได้จากการประกาศแผนการดำเนินงานของผู้ประกอบการรายใหญ่หลายรายปรับลดการลงทุนโครงการใหม่ โดยเฉพาะในไตรมาสแรกจะเห็นการเปิดตัวโครงการใหม่ลดลงจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่ที่เปิดตัวในไตรมาสนี้จะเป็นโครงการที่เลื่อนเปิดมาจากช่วงไตรมาส 4 ของปีที่แล้วจากเหตุการณ์น้ำท่วม
นอกจากนี้ ปี 2555 ยังเป็นปีแห่งการปรับพอร์ตการลงทุนของผู้ประกอบการเพื่อลดความเสี่ยงจากการลงทุน โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการที่เน้นพัฒนาสินค้าเพียงประเภทเดียว หรืออยู่ในทำเลเดียว ซึ่งหลังจากนี้จะเริ่มลงทุนแบบกระจายทำเลมากยิ่งขึ้น รวมถึงการเพิ่มสินค้าให้มีความหลากหลาย เช่น ผู้ประกอบการที่เน้นการลงทุนเฉพาะโครงการแนวราบจะพิจารณาการลงทุนโครงการอาคารชุดมากขึ้น
ส่วนราคาที่อยู่อาศัย สำหรับบ้านที่ก่อสร้างไปแล้ว ซึ่งเป็นต้นทุนเก่าผู้ประกอบการจะยังคงยืนราคาขายเดิมเอาไว้ แต่สำหรับบ้านสร้างใหม่ผู้ประกอบการจะปรับขึ้นราคาอย่างน้อย 5-6%ตามต้นทุนก่อสร้างที่ปรับขึ้นจากราคาวัสดุก่อสร้างและค่าแรง อย่างไรก็ตามโครงการที่อยู่ในทำเลน้ำท่วมที่ผ่านมา หรือโครงการในทำเลที่มีการแข่งขันสูง ผู้ประกอบการอาจต้องแบกรับภาระต้นทุนเองด้วยการยืนราคาขายเดิม หรือการจัดโปรโมชันเพื่อกระตุ้นการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค แต่เชื่อว่าจะไม่ปรับลดราคาบ้านลง
สำหรับคาดการณ์จำนวนยอดโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยในปี 2555 คาดว่าจะมีประมาณ 90,000 หน่วย แบ่งเป็นบ้านแนวราบประมาณ 40,000 หน่วย และอีก 50 หน่วยเป็นโครงการอาคารชุด ซึ่งตัวเลขดังกล่าวมากกว่ายอดโอนกรรมสิทธิ์ในปีที่ผ่านมาที่มีตัวเลขประมาณ 83,000 หน่วย แต่ไม่เท่าปี 2553 ที่มีสูงถึง 120,000 หน่วย โดยยอดโอนในปี 2554 จำนวน 83,000 หน่วยนั้นแบ่งออกเป็นที่อยู่อาศัยแนวราบจำนวน 40,000 หน่วย และอาคารชุดจำนวน 43,000 หน่วย ส่วนในปี 2553 ยอดโอนกรรมสิทธิ์ 120,000 หน่วยนั้นแบ่งเป็นที่อยู่อาศัยแนวราบจำนวน 54,000 หน่วย เป็นอาคารชุดจำนวน 66,000 หน่วย
"ปีนี้จะเป็นปีแห่งการก้าวผ่านตัวเลขอสังหาฯจะไม่ดีไปกว่าปี 54 แต่ถ้าไม่มีเหตุการณ์ร้ายแรงเกิดขึ้น ทั้งการเมือง และภัยธรรมชาติปี56 เป็นต้นไปจะมีแนวโน้มที่ดีมากเพราะจะมีการเปิดประชาคมอาเซี่ยน" นายสัมมากล่าว
ที่มา: หนังสือพิมพ์ ASTV ผู้จัดการรายวัน
นายสัมมา คีตสิน ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารธอส. (REIC) กล่าวว่า ภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี 2555 ในไตรมาสแรกยังเป็นไตรมาสที่ได้รับผลกระทบต่อเนื่องจากเหตุการณ์น้ำท่วม ที่ตลาดยังช็อกกับเหตุการณ์ดังกล่าวกำลังซื้อบางส่วนลดลง รวมถึงขาดความเชื่อมั่น เกรงว่าจะเกิดอุทกภัยซ้ำขึ้นอีกในปีนี้หรือในอนาคต แต่เชื่อว่าหลังไตรมาส1 ผ่านพ้นไปสถานการณ์ต่างๆ จะเริ่มคลี่คลายสภาวะตลาดจะเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ
ขณะที่การเปิดตัวโครงการใหม่ของผู้ประกอบการในปีนี้ จะลดลงจากปี 2554 พิจารณาได้จากการประกาศแผนการดำเนินงานของผู้ประกอบการรายใหญ่หลายรายปรับลดการลงทุนโครงการใหม่ โดยเฉพาะในไตรมาสแรกจะเห็นการเปิดตัวโครงการใหม่ลดลงจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่ที่เปิดตัวในไตรมาสนี้จะเป็นโครงการที่เลื่อนเปิดมาจากช่วงไตรมาส 4 ของปีที่แล้วจากเหตุการณ์น้ำท่วม
นอกจากนี้ ปี 2555 ยังเป็นปีแห่งการปรับพอร์ตการลงทุนของผู้ประกอบการเพื่อลดความเสี่ยงจากการลงทุน โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการที่เน้นพัฒนาสินค้าเพียงประเภทเดียว หรืออยู่ในทำเลเดียว ซึ่งหลังจากนี้จะเริ่มลงทุนแบบกระจายทำเลมากยิ่งขึ้น รวมถึงการเพิ่มสินค้าให้มีความหลากหลาย เช่น ผู้ประกอบการที่เน้นการลงทุนเฉพาะโครงการแนวราบจะพิจารณาการลงทุนโครงการอาคารชุดมากขึ้น
ส่วนราคาที่อยู่อาศัย สำหรับบ้านที่ก่อสร้างไปแล้ว ซึ่งเป็นต้นทุนเก่าผู้ประกอบการจะยังคงยืนราคาขายเดิมเอาไว้ แต่สำหรับบ้านสร้างใหม่ผู้ประกอบการจะปรับขึ้นราคาอย่างน้อย 5-6%ตามต้นทุนก่อสร้างที่ปรับขึ้นจากราคาวัสดุก่อสร้างและค่าแรง อย่างไรก็ตามโครงการที่อยู่ในทำเลน้ำท่วมที่ผ่านมา หรือโครงการในทำเลที่มีการแข่งขันสูง ผู้ประกอบการอาจต้องแบกรับภาระต้นทุนเองด้วยการยืนราคาขายเดิม หรือการจัดโปรโมชันเพื่อกระตุ้นการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค แต่เชื่อว่าจะไม่ปรับลดราคาบ้านลง
สำหรับคาดการณ์จำนวนยอดโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยในปี 2555 คาดว่าจะมีประมาณ 90,000 หน่วย แบ่งเป็นบ้านแนวราบประมาณ 40,000 หน่วย และอีก 50 หน่วยเป็นโครงการอาคารชุด ซึ่งตัวเลขดังกล่าวมากกว่ายอดโอนกรรมสิทธิ์ในปีที่ผ่านมาที่มีตัวเลขประมาณ 83,000 หน่วย แต่ไม่เท่าปี 2553 ที่มีสูงถึง 120,000 หน่วย โดยยอดโอนในปี 2554 จำนวน 83,000 หน่วยนั้นแบ่งออกเป็นที่อยู่อาศัยแนวราบจำนวน 40,000 หน่วย และอาคารชุดจำนวน 43,000 หน่วย ส่วนในปี 2553 ยอดโอนกรรมสิทธิ์ 120,000 หน่วยนั้นแบ่งเป็นที่อยู่อาศัยแนวราบจำนวน 54,000 หน่วย เป็นอาคารชุดจำนวน 66,000 หน่วย
"ปีนี้จะเป็นปีแห่งการก้าวผ่านตัวเลขอสังหาฯจะไม่ดีไปกว่าปี 54 แต่ถ้าไม่มีเหตุการณ์ร้ายแรงเกิดขึ้น ทั้งการเมือง และภัยธรรมชาติปี56 เป็นต้นไปจะมีแนวโน้มที่ดีมากเพราะจะมีการเปิดประชาคมอาเซี่ยน" นายสัมมากล่าว
ที่มา: หนังสือพิมพ์ ASTV ผู้จัดการรายวัน