PS ตั้งเป้ารายได้ปีนี้เพียง 2.6 หมื่นล้านบาท โตแค่ 12% จากปีก่อน ส่วนกำไรปีนี้ส่งซิกโตไม่ต่ำกว่า 20% รับอานิสงส์ภาษีนิติบุคคลลดเหลือ 23% จาก 30% เล็งเปิด 49โครงการใหม่มูลค่า 3.4 หมื่นล้าน วางเป้าปั๊มยอดขาย 2.9 หมื่นล้านบาท
นายสมบูรณ์ วศินชัชวาล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานวางแผนการเงิน บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ PS กล่าวว่า บริษัทคาดกำไรสุทธิปี 2555 จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% จากปี 2554 เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายน้อยลงจากปี 2554 ที่ส่วนใหญ่เป็นผลกระทบจากภาวะน้ำท่วม ขณะที่รายจ่ายด้านภาษีเงินได้นิติบุคคลในปี 2555 จะลดลงเหลือ 23% จาก 30% ในปี2554 โดยคาดว่าอัตราการกำไรสุทธิ (Net Margin) ในปี 2555 จะอยู่ที่ 15-16% ดีกว่าปี 2554 ที่อยู่ที่ประมาณ 12% ส่วนอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Margin) ในปี 2555 จะใกล้เคียงปี 2554 ที่ 35-36%
ขณะที่ในปี 2555 บริษัทตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 2.6 หมื่นล้านบาท เติบโต 12% จากปี 2554 ที่คาดทำได้ 2.3 หมื่นล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 3.2 หมื่นล้านบาท เนื่องจากในปี 2555 บริษัทจะรับรู้รายได้จากยอดขายรอโอน (Backlog) จำนวน 1.95 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็น 75% ของ Backlog ที่มีอยู่ทั้งหมด ณ สิ้นปี 2554 ที่ 3.2 หมื่นล้านบาท และตั้งเป้ายอดจอง (พรีเซล) ในปี 2555 อยู่ที่ 2.9 หมื่นล้านบาท เติบโต 15% จากปี 2554 ที่มียอดขายอยู่ที่ 2.55 หมื่นล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทมีแผนจะออกหุ้นกู้วงเงิน 3,000-5,000 ล้านบาท อายุ 3-5 ปี เสนอขายในไตรมาสที่ 2/55 ซึ่งเลื่อนมาจากไตรมาสที่ 4/54 หลังเกิดเหตุน้ำท่วมใหญ่ โดยจะเน้นเสนอขายหุ้นกู้ให้กับนักลงทุนสถาบันและลูกค้าธนาคารที่มีเงินฝาก 25 ล้านบาทขึ้นไป ทั้งนี้ บริษัทจะนำไปใช้รีไฟแนนซ์หนี้ระยะสั้น และไถ่ถอนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดในเดือนกรกฎาคม 2555 อย่างไรก็ดี การออกหุ้นกู้ดังกล่าวจะไม่กระทบอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ที่อยู่ในระดับ 1.6 เท่า
นายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ PS กล่าวว่า ในปี 2555 บริษัทมีแผนเปิดโครงการใหม่ทั้งหมด 49 โครงการ มูลค่ารวม 3.4 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นทาวน์เฮาส์ 28 โครงการ บ้านเดี่ยว 15 โครงการ และคอนโดมิเนียม 4 โครงการ รวมทั้งยังมีโครงการต่างประเทศเพิ่มอีก 2 โครงการ โดยปัจจุบันมีที่ดินแล้ว 28 โครงการ ทั้งนี้ บริษัทตั้งงบลงทุนไว้ 2.4 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นงบก่อสร้าง 1.8 หมื่นล้านบาท และงบซื้อที่ดิน 6,000 ล้านบาท
สำหรับโครงการในต่างประเทศบริษัทมีแผนพัฒนา 3 โครงการ ได้แก่ โครงการในเมืองมุมไบ ที่อินเดีย มูลค่าลงทุน 150 ล้านบาท ซึ่งมีมูลค่าโครงการ 1,600ล้านบาท จะเปิดตัวในช่วงครึ่งหลังปี 2555 เลื่อนจากเดิมต้นปี 2555, โครงการในเมืองเชนไนที่อินเดีย เลื่อนเปิดไปปี 2556 จากเดิมปี 2555 มูลค่าลงทุน 300 ล้านบาท และโครงการที่เมืองไหฟงของเวียดนาม จะเปิดตัวในไตรมาสที่ 2/55 จากเดิมจะเปิดต้นปี 2555 มีเงินลงทุน 240-250 ล้านบาท
ส่วนโครงการคอนโดมิเนียมที่มัลดีฟส์นั้น บริษัทได้หยุดการลงทุนในเฟสที่ 2 เนื่องจากพบว่าขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 60 ล้านบาท ซึ่งสาเหตุหลักที่ชะลอโครงการในต่างประเทศ เพราะบริษัทต้องการนำเม็ดเงินลงทุนมาพัฒนาโครงการในประเทศก่อน ดังนั้น บริษัทมี 2 โครงการในต่างประเทศที่อยู่ระหว่างการพัฒนา ได้แก่ โครงการในบังกะลอร์ ประเทศอินเดีย เป็นโครงการบ้านเดี่ยว และทาวน์เฮาส์ และโครงการคอนโดมิเนียมที่มัลดีฟส์ เฟส 1 ที่ได้มีการพัฒนาโครงการแล้ว 6 อาคาร จากทั้งหมด 9 อาคาร
นายทองมา กล่าวต่อว่า บริษัทมีการปรับเปลี่ยนในการพัฒนาโครงการ โดยหันมาพัฒนาโครงการในเขตกรุงเทพฯชั้นในมากขึ้น ได้แก่ ทำเลแจ้งวัฒนะ และพัฒนาการ เป็นต้น เพื่อรองรับความต้องการลูกค้าที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะที่อยู่อาศัยที่อยู่ติดแนวรถไฟฟ้า
พร้อมทั้งนำเทคโนโลยีการก่อสร้างภายใต้กระบวนการ Real Estate Manufactoring (REM) ซึ่งถือเป็นระบบการผลิตบ้านคล้ายการผลิตอุตสาหกรรมโรงงานขนาดใหญ่ เช่น การผลิตรถยนต์ ซึ่งจะทำให้การสร้างบ้านของบริษัทมีประสิทธิภาพและคุณภาพดีกว่าการก่อสร้างแบบเดิม โดยจะเริ่มใช้ในการก่อสร้างบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ และยังมีการพัฒนาออกแบบบ้านใหม่และเพิ่มระบบป้องกันน้ำท่วม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เป้าหมายรายได้ของ PS ในปี 2555 ต่ำกว่าเป้าหมายของบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI ที่ปี 2555 ตั้งเป้าหมายรายได้รวมอยู่ที่ 28,000 ล้านบาท เติบโต 40% จากปี 2554 โดยขณะนี้บริษัทมียอดขายที่รอโอน (Backlog) สูงที่สุดในตลาดที่ 35,000 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ในปี 2555 ที่ 15,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 54% ของเป้าหมายทั้งปีแล้ว และเหลือเพียงแค่ 46% เท่านั้นที่ต้องทำเพิ่ม จึงมั่นใจว่าจะทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้แน่นอน โดย SIRI วางแผนที่จะเปิดโครงการใหม่ จำนวน 44 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 46,000 ล้านบาท ในปี 2555
ที่มา: ข่าวหุ้น
นายสมบูรณ์ วศินชัชวาล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานวางแผนการเงิน บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ PS กล่าวว่า บริษัทคาดกำไรสุทธิปี 2555 จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% จากปี 2554 เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายน้อยลงจากปี 2554 ที่ส่วนใหญ่เป็นผลกระทบจากภาวะน้ำท่วม ขณะที่รายจ่ายด้านภาษีเงินได้นิติบุคคลในปี 2555 จะลดลงเหลือ 23% จาก 30% ในปี2554 โดยคาดว่าอัตราการกำไรสุทธิ (Net Margin) ในปี 2555 จะอยู่ที่ 15-16% ดีกว่าปี 2554 ที่อยู่ที่ประมาณ 12% ส่วนอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Margin) ในปี 2555 จะใกล้เคียงปี 2554 ที่ 35-36%
ขณะที่ในปี 2555 บริษัทตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 2.6 หมื่นล้านบาท เติบโต 12% จากปี 2554 ที่คาดทำได้ 2.3 หมื่นล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 3.2 หมื่นล้านบาท เนื่องจากในปี 2555 บริษัทจะรับรู้รายได้จากยอดขายรอโอน (Backlog) จำนวน 1.95 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็น 75% ของ Backlog ที่มีอยู่ทั้งหมด ณ สิ้นปี 2554 ที่ 3.2 หมื่นล้านบาท และตั้งเป้ายอดจอง (พรีเซล) ในปี 2555 อยู่ที่ 2.9 หมื่นล้านบาท เติบโต 15% จากปี 2554 ที่มียอดขายอยู่ที่ 2.55 หมื่นล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทมีแผนจะออกหุ้นกู้วงเงิน 3,000-5,000 ล้านบาท อายุ 3-5 ปี เสนอขายในไตรมาสที่ 2/55 ซึ่งเลื่อนมาจากไตรมาสที่ 4/54 หลังเกิดเหตุน้ำท่วมใหญ่ โดยจะเน้นเสนอขายหุ้นกู้ให้กับนักลงทุนสถาบันและลูกค้าธนาคารที่มีเงินฝาก 25 ล้านบาทขึ้นไป ทั้งนี้ บริษัทจะนำไปใช้รีไฟแนนซ์หนี้ระยะสั้น และไถ่ถอนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดในเดือนกรกฎาคม 2555 อย่างไรก็ดี การออกหุ้นกู้ดังกล่าวจะไม่กระทบอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ที่อยู่ในระดับ 1.6 เท่า
นายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ PS กล่าวว่า ในปี 2555 บริษัทมีแผนเปิดโครงการใหม่ทั้งหมด 49 โครงการ มูลค่ารวม 3.4 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นทาวน์เฮาส์ 28 โครงการ บ้านเดี่ยว 15 โครงการ และคอนโดมิเนียม 4 โครงการ รวมทั้งยังมีโครงการต่างประเทศเพิ่มอีก 2 โครงการ โดยปัจจุบันมีที่ดินแล้ว 28 โครงการ ทั้งนี้ บริษัทตั้งงบลงทุนไว้ 2.4 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นงบก่อสร้าง 1.8 หมื่นล้านบาท และงบซื้อที่ดิน 6,000 ล้านบาท
สำหรับโครงการในต่างประเทศบริษัทมีแผนพัฒนา 3 โครงการ ได้แก่ โครงการในเมืองมุมไบ ที่อินเดีย มูลค่าลงทุน 150 ล้านบาท ซึ่งมีมูลค่าโครงการ 1,600ล้านบาท จะเปิดตัวในช่วงครึ่งหลังปี 2555 เลื่อนจากเดิมต้นปี 2555, โครงการในเมืองเชนไนที่อินเดีย เลื่อนเปิดไปปี 2556 จากเดิมปี 2555 มูลค่าลงทุน 300 ล้านบาท และโครงการที่เมืองไหฟงของเวียดนาม จะเปิดตัวในไตรมาสที่ 2/55 จากเดิมจะเปิดต้นปี 2555 มีเงินลงทุน 240-250 ล้านบาท
ส่วนโครงการคอนโดมิเนียมที่มัลดีฟส์นั้น บริษัทได้หยุดการลงทุนในเฟสที่ 2 เนื่องจากพบว่าขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 60 ล้านบาท ซึ่งสาเหตุหลักที่ชะลอโครงการในต่างประเทศ เพราะบริษัทต้องการนำเม็ดเงินลงทุนมาพัฒนาโครงการในประเทศก่อน ดังนั้น บริษัทมี 2 โครงการในต่างประเทศที่อยู่ระหว่างการพัฒนา ได้แก่ โครงการในบังกะลอร์ ประเทศอินเดีย เป็นโครงการบ้านเดี่ยว และทาวน์เฮาส์ และโครงการคอนโดมิเนียมที่มัลดีฟส์ เฟส 1 ที่ได้มีการพัฒนาโครงการแล้ว 6 อาคาร จากทั้งหมด 9 อาคาร
นายทองมา กล่าวต่อว่า บริษัทมีการปรับเปลี่ยนในการพัฒนาโครงการ โดยหันมาพัฒนาโครงการในเขตกรุงเทพฯชั้นในมากขึ้น ได้แก่ ทำเลแจ้งวัฒนะ และพัฒนาการ เป็นต้น เพื่อรองรับความต้องการลูกค้าที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะที่อยู่อาศัยที่อยู่ติดแนวรถไฟฟ้า
พร้อมทั้งนำเทคโนโลยีการก่อสร้างภายใต้กระบวนการ Real Estate Manufactoring (REM) ซึ่งถือเป็นระบบการผลิตบ้านคล้ายการผลิตอุตสาหกรรมโรงงานขนาดใหญ่ เช่น การผลิตรถยนต์ ซึ่งจะทำให้การสร้างบ้านของบริษัทมีประสิทธิภาพและคุณภาพดีกว่าการก่อสร้างแบบเดิม โดยจะเริ่มใช้ในการก่อสร้างบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ และยังมีการพัฒนาออกแบบบ้านใหม่และเพิ่มระบบป้องกันน้ำท่วม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เป้าหมายรายได้ของ PS ในปี 2555 ต่ำกว่าเป้าหมายของบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI ที่ปี 2555 ตั้งเป้าหมายรายได้รวมอยู่ที่ 28,000 ล้านบาท เติบโต 40% จากปี 2554 โดยขณะนี้บริษัทมียอดขายที่รอโอน (Backlog) สูงที่สุดในตลาดที่ 35,000 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ในปี 2555 ที่ 15,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 54% ของเป้าหมายทั้งปีแล้ว และเหลือเพียงแค่ 46% เท่านั้นที่ต้องทำเพิ่ม จึงมั่นใจว่าจะทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้แน่นอน โดย SIRI วางแผนที่จะเปิดโครงการใหม่ จำนวน 44 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 46,000 ล้านบาท ในปี 2555
ที่มา: ข่าวหุ้น