นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ กรรมการผู้จัดการบริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (LPN) เปิดเผยว่าในไตรมาสแรก ปี 2555 บริษัทได้ตั้งเป้ายอดขายไว้ประมาณ 4,000 ล้านบาท จากการเปิดขายโครงการลุมพินี วิลล์ นาเกลือ-วงศ์อมาตย์ ลุมพินี เมกะซิตี้-บางนา และ ลุมพินี วิลล์ สุขุมวิท 109-แบริ่ง รวมถึงโครงการอื่นๆ ที่กำลังเปิดขาย
แม้เพิ่งก้าวเข้าสู่ศักราชใหม่ได้ไม่นาน แต่ก็มีแนวโน้มว่าตลาดอาคารชุดพักอาศัยเป็นไปในทิศทางที่ดี และมีการเติบโตที่สูงขึ้น โดยเฉพาะทำเลย่านบางนา และ สุขุมวิท 109 ที่มีศักยภาพเหมาะที่จะพัฒนาที่พักอาศัยระดับคุณภาพ เนื่องจากแวดล้อมไปด้วยแหล่งช้อปปิ้งสำหรับคนเมือง และมีการเดินทางที่สะดวกสบาย ใกล้จุดขึ้นลงทางด่วน สามารถเดินทางไปสุวรรณภูมิได้อย่างรวดเร็ว
"หลังเผชิญภัยธรรมชาติไปเมื่อปีที่ผ่านมา เชื่อว่ามีผลให้ผู้ที่ต้องการหาที่อยู่อาศัยส่วนใหญ่ตัดสินใจซื้อห้องชุดพักอาศัยเพิ่มจำนวนมากขึ้น โดยแนวโน้มของการตัดสินใจซื้อจะเน้นหนักที่โครงการระดับกลาง-ล่าง ซึ่งหมายถึงราคาต้องเหมาะสม (Affordable House) กับรายได้ของลูกค้า เพราะส่วนใหญ่ต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง (Real Demand) และพื้นที่พัฒนาโครงการก็ควรอยู่ในย่านที่พ้นจากระดับน้ำท่วม ซึ่งทำให้การเปิดตัวโครงการลุมพินี เมกะซิตี้-บางนา และ ลุมพินี วิลล์ สุขุมวิท 109-แบริ่ง ได้รับการตอบรับที่ดี และสามารถดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาจองซื้อได้เป็นจำนวนมาก บริษัทจึงเร่งดำเนินการพัฒนาทั้งสองโครงการให้ลูกค้าสามารถเข้าอยู่ได้ในต้นปี 2556 นี้"
นายโอภาส กล่าวเพิ่มเติมว่าด้วยเพราะทั้งสองทำเลนั้นมีศักยภาพที่ดี มีการคมนาคมที่สะดวกสบาย โอบล้อมด้วยแหล่งสาธารณูปโภคที่มีความหลากหลายในพื้นที่ อาทิ ห้างเซ็นทรัลบางนา ศูนย์การค้าปลีก-เฟอร์นิเจอร์ขนาดใหญ่ IKEA และ เมกา บางนา ซึ่งเชื่อว่าราคาของที่ดินต้องขยับสูงขึ้นอย่างแน่นอน
ขณะเดียวกันปัจจัยด้านราคา และรูปแบบห้องชุดพักอาศัยก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ทั้งสองโครงการ ลุมพินี เมกะซิตี้-บางนา และ ลุมพินี วิลล์ สุขุมวิท 109-แบริ่ง ได้รับการตอบรับที่ดีจากราคาเริ่มต้นที่ไม่ถึงล้าน ทั้งที่อยู่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้า BTS และรูปแบบห้องชุดพักอาศัยที่เหมาะสมในพื้นที่ใช้สอยที่ได้สัดส่วน
"สำหรับแผนการดำเนินงานหลังจากนี้ บริษัทจะมีการขยายโครงการต่อทันทีในย่านอ่อนนุช (สุขุมวิท77) ประมาณต้นเดือนมีนาคม 2555 นี้ ซึ่งคาดว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีเหมือนกับทุกโครงการของ LPN ที่เปิดขาย เพราะทำเลดังกล่าวมีระดับความต้องการที่อยู่อาศัยของลูกค้าเป็นจำนวนมาก ทั้งยังภาพรวมของตลาดที่อยู่อาศัยในปัจจุบันเองก็มีแนวโน้มที่ดีขึ้นด้วยการสนับสนุนนโยบายส่งเสริมด้านอสังหาริมทรัพย์ของรัฐบาล" นายโอภาส กล่าวในที่สุด
ที่มา: มติชน
"หลังเผชิญภัยธรรมชาติไปเมื่อปีที่ผ่านมา เชื่อว่ามีผลให้ผู้ที่ต้องการหาที่อยู่อาศัยส่วนใหญ่ตัดสินใจซื้อห้องชุดพักอาศัยเพิ่มจำนวนมากขึ้น โดยแนวโน้มของการตัดสินใจซื้อจะเน้นหนักที่โครงการระดับกลาง-ล่าง ซึ่งหมายถึงราคาต้องเหมาะสม (Affordable House) กับรายได้ของลูกค้า เพราะส่วนใหญ่ต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง (Real Demand) และพื้นที่พัฒนาโครงการก็ควรอยู่ในย่านที่พ้นจากระดับน้ำท่วม ซึ่งทำให้การเปิดตัวโครงการลุมพินี เมกะซิตี้-บางนา และ ลุมพินี วิลล์ สุขุมวิท 109-แบริ่ง ได้รับการตอบรับที่ดี และสามารถดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาจองซื้อได้เป็นจำนวนมาก บริษัทจึงเร่งดำเนินการพัฒนาทั้งสองโครงการให้ลูกค้าสามารถเข้าอยู่ได้ในต้นปี 2556 นี้"
นายโอภาส กล่าวเพิ่มเติมว่าด้วยเพราะทั้งสองทำเลนั้นมีศักยภาพที่ดี มีการคมนาคมที่สะดวกสบาย โอบล้อมด้วยแหล่งสาธารณูปโภคที่มีความหลากหลายในพื้นที่ อาทิ ห้างเซ็นทรัลบางนา ศูนย์การค้าปลีก-เฟอร์นิเจอร์ขนาดใหญ่ IKEA และ เมกา บางนา ซึ่งเชื่อว่าราคาของที่ดินต้องขยับสูงขึ้นอย่างแน่นอน
ขณะเดียวกันปัจจัยด้านราคา และรูปแบบห้องชุดพักอาศัยก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ทั้งสองโครงการ ลุมพินี เมกะซิตี้-บางนา และ ลุมพินี วิลล์ สุขุมวิท 109-แบริ่ง ได้รับการตอบรับที่ดีจากราคาเริ่มต้นที่ไม่ถึงล้าน ทั้งที่อยู่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้า BTS และรูปแบบห้องชุดพักอาศัยที่เหมาะสมในพื้นที่ใช้สอยที่ได้สัดส่วน
"สำหรับแผนการดำเนินงานหลังจากนี้ บริษัทจะมีการขยายโครงการต่อทันทีในย่านอ่อนนุช (สุขุมวิท77) ประมาณต้นเดือนมีนาคม 2555 นี้ ซึ่งคาดว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีเหมือนกับทุกโครงการของ LPN ที่เปิดขาย เพราะทำเลดังกล่าวมีระดับความต้องการที่อยู่อาศัยของลูกค้าเป็นจำนวนมาก ทั้งยังภาพรวมของตลาดที่อยู่อาศัยในปัจจุบันเองก็มีแนวโน้มที่ดีขึ้นด้วยการสนับสนุนนโยบายส่งเสริมด้านอสังหาริมทรัพย์ของรัฐบาล" นายโอภาส กล่าวในที่สุด
ที่มา: มติชน