ปี 2555 ช่วงเวลาของการหวนคืนตลาดคอนโดมิเนียมที่ก่อนหน้านี้ถูกกระแสแนวราบบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ตีขนาบจนยอดแผ่ว แต่วิกฤติน้ำท่วมใหญ่ที่ผ่านมา ส่งผลให้คนหันมาซื้อคอนโดฯ เพิ่มขึ้น เพื่อเป็นแหล่งหลบภัย จากการเก็บข้อมูลและลงพื้นที่สำรวจ ของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) พบว่าปี 55 มีคอนโดฯ เปิดใหม่กว่า 50,000 ยูนิต
นายสัมมา คีตสิน ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยถึงแนวโน้มการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในปี 2555 นี้ว่า ในเบื้องต้นคาด ว่า จะมีผู้ประกอบการพัฒนาโครงการเพิ่มจากปีที่ผ่านมาประมาณ 18-19% หรือมีจำนวนหน่วยเปิดใหม่ประมาณ 50,000 หน่วย จากปีที่ผ่านมาที่มีประมาณ 43,000 หน่วย ราคา 1 ล้านรวมกว่า 2 หมื่นยูนิต 1-2 ล้านรวม 5 หมื่นยูนิตและราคา 2-3 ล้าน 2.7 หมื่นยูนิต ส่วนราคา 5-7 ล้านอยู่ที่ 1.2 หมื่นยูนิต จำนวนหน่วยที่เพิ่มขึ้นในปีนี้เพราะผู้ประกอบการชะลอการเปิดโครงการจากปีที่แล้วบวกกับน้ำท่วมปลายปี 2554 ผู้ประกอบการส่วนใหญ่จึงโหมเปิดโครงการใหม่ๆ กันในปีนี้มากขึ้น และยังมีรายใหม่ที่เคยทำแต่บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์หันมาทำคอนโดฯ ด้วย
“ปัญหาน้ำท่วมเมื่อปลายปี 54 ทำให้ผู้ประกอบการต้องหันไปป้องกัน และแก้ไขปัญหาน้ำท่วม จึงไม่ได้เปิดตัวโครงการใหม่ออกมา ปีนี้จึงคาดว่า จะมีโครงการเปิดใหม่จำนวนมาก ทั้งในกรุงเทพฯ และในจังหวัดท่องเที่ยว ทั้ง ภูเก็ต, ชลบุรี, หาดใหญ่ และเชียงใหม่”
ด้านพฤกษา ซึ่งเป็นเจ้าตลาดคอนโดฯ และเป็นบริษัทที่โครงการประสบปัญหาน้ำท่วมมากที่สุดพร้อมรั้งตำแหน่งเบอร์ 1 เต็มที่นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตลาดคอนโดฯ ในปีนี้อาจจะมีการเปิดตัวใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา จากการที่ผู้ประกอบการชะลอการเปิดตัวในช่วงน้ำท่วมและเลื่อนกำหนดมาเปิดในปีนี้แทน แต่ตลาดราคา 1-2 ล้านเป็น กลุ่มที่คนส่วนใหญ่ต้องการ ในส่วนของบริษัทมีโครงการ ที่เลื่อนเปิดตัวจากปีที่ผ่านมาและโครงการใหม่ที่เปิดในปีนี้เริ่มต้น 4-5 โครงการ
นอกจากนี้ บริษัทรายใหญ่ๆ พร้อมเปิดโครงการใหม่กันอย่างคึกคัก โดยบริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) คาดทำยอดขาย จากโครงการคอนโดฯ ถึง 60% ของยอดขายรวมทั้งปีมูลค่า 18,000 ล้านบาท โดยมีแผนเปิดโครงการรวม 5 แห่งทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด, บริษัท ควอลิตี้ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) มีแผนเปิดคอนโดฯ 5 โครงการ รวมมูลค่า 5,850 ล้านบาท, บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เปิด 10 โครงการมูลค่าประมาณ 15,000 ล้านบาท, บมจ.ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ (LALIN) เปิด 2 โครงการภายใต้แบรนด์ LEVO, บริษัท พระยาพาณิชย์พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด หรือ PPP ในกลุ่มบริษัท เจ้าพระยามหานคร จำกัด (มหาชน) หรือ CMC Group เปิด 4 โครงการ มูลค่ากว่า 3,000 ล้านบาท
นางสาวอนงค์ลักษณ์ แพทยานันท์กรรมการผู้จัดการ บริษัท พระยาพาณิชย์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด หรือ PPP ในกลุ่มบริษัท เจ้าพระยามหานคร จำกัด (มหาชน) หรือ CMC Group เปิดเผยว่า ในปีนี้มีลูกค้าที่เข้ามาซื้อห้องชุดของบริษัทส่วนใหญ่มีบ้านอยู่แล้ว แต่หนีน้ำท่วมมาซื้อคอนโดฯ เป็นที่อยู่หลังที่ 2 ซึ่งห้องชุดขนาดตั้งแต่ 1 ห้องนอนขึ้นไปขายดีมาก ขึ้น ทั้งนี้บริษัทมีโครงการคอนโดมิเนียม เหลือขาย และโครงการเปิดใหม่ทั้งสิ้น 14 โครงการ มียอดโอนภายในปี 2555 ทั้งสิ้น 1,300 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการ อยู่ระหว่างก่อสร้างทั้งหมด
โดย 4 โครงการเปิดใหม่ อยู่ในทำเลสุขุมวิท 2 โครงการ มูลค่าโครงการละ 700 ล้านบาท,โครงการบนถนนนราธิวาส 1 โครงการ มูลค่า 1,000 ล้านบาทและโครงการรัชดา ซอย 20 มูลค่ารวม 300 ล้านบาทและล่าสุดได้จัดแคมเปญ อยู่ฟรี 2 ปี สำหรับลูกค้าที่ซื้อคอนโดฯ พร้อมอยู่ใน 6 โครงการของCMC ส่วนอีก 9 โครงการระหว่าง ก่อสร้างรับส่วนลดกว่า 250,000 บาท แต่อย่างไรก็ตาม การกลับมาเฟื่องฟูของคอนโดมิเนียมในปีนี้ อาจจะมีปัจจัยลบเรื่องอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น แต่ก็คงจะเป็นในระยะสั้น คาดว่าไตรมาส 2 ไปแล้วจะเริ่มหวือหวา มีการซื้อ-ขายที่คึกคักมากขึ้น
ที่มา : หนังสือพิมพ์สยามธุรกิจ
นายสัมมา คีตสิน ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยถึงแนวโน้มการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในปี 2555 นี้ว่า ในเบื้องต้นคาด ว่า จะมีผู้ประกอบการพัฒนาโครงการเพิ่มจากปีที่ผ่านมาประมาณ 18-19% หรือมีจำนวนหน่วยเปิดใหม่ประมาณ 50,000 หน่วย จากปีที่ผ่านมาที่มีประมาณ 43,000 หน่วย ราคา 1 ล้านรวมกว่า 2 หมื่นยูนิต 1-2 ล้านรวม 5 หมื่นยูนิตและราคา 2-3 ล้าน 2.7 หมื่นยูนิต ส่วนราคา 5-7 ล้านอยู่ที่ 1.2 หมื่นยูนิต จำนวนหน่วยที่เพิ่มขึ้นในปีนี้เพราะผู้ประกอบการชะลอการเปิดโครงการจากปีที่แล้วบวกกับน้ำท่วมปลายปี 2554 ผู้ประกอบการส่วนใหญ่จึงโหมเปิดโครงการใหม่ๆ กันในปีนี้มากขึ้น และยังมีรายใหม่ที่เคยทำแต่บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์หันมาทำคอนโดฯ ด้วย
“ปัญหาน้ำท่วมเมื่อปลายปี 54 ทำให้ผู้ประกอบการต้องหันไปป้องกัน และแก้ไขปัญหาน้ำท่วม จึงไม่ได้เปิดตัวโครงการใหม่ออกมา ปีนี้จึงคาดว่า จะมีโครงการเปิดใหม่จำนวนมาก ทั้งในกรุงเทพฯ และในจังหวัดท่องเที่ยว ทั้ง ภูเก็ต, ชลบุรี, หาดใหญ่ และเชียงใหม่”
ด้านพฤกษา ซึ่งเป็นเจ้าตลาดคอนโดฯ และเป็นบริษัทที่โครงการประสบปัญหาน้ำท่วมมากที่สุดพร้อมรั้งตำแหน่งเบอร์ 1 เต็มที่นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตลาดคอนโดฯ ในปีนี้อาจจะมีการเปิดตัวใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา จากการที่ผู้ประกอบการชะลอการเปิดตัวในช่วงน้ำท่วมและเลื่อนกำหนดมาเปิดในปีนี้แทน แต่ตลาดราคา 1-2 ล้านเป็น กลุ่มที่คนส่วนใหญ่ต้องการ ในส่วนของบริษัทมีโครงการ ที่เลื่อนเปิดตัวจากปีที่ผ่านมาและโครงการใหม่ที่เปิดในปีนี้เริ่มต้น 4-5 โครงการ
นอกจากนี้ บริษัทรายใหญ่ๆ พร้อมเปิดโครงการใหม่กันอย่างคึกคัก โดยบริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) คาดทำยอดขาย จากโครงการคอนโดฯ ถึง 60% ของยอดขายรวมทั้งปีมูลค่า 18,000 ล้านบาท โดยมีแผนเปิดโครงการรวม 5 แห่งทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด, บริษัท ควอลิตี้ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) มีแผนเปิดคอนโดฯ 5 โครงการ รวมมูลค่า 5,850 ล้านบาท, บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เปิด 10 โครงการมูลค่าประมาณ 15,000 ล้านบาท, บมจ.ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ (LALIN) เปิด 2 โครงการภายใต้แบรนด์ LEVO, บริษัท พระยาพาณิชย์พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด หรือ PPP ในกลุ่มบริษัท เจ้าพระยามหานคร จำกัด (มหาชน) หรือ CMC Group เปิด 4 โครงการ มูลค่ากว่า 3,000 ล้านบาท
นางสาวอนงค์ลักษณ์ แพทยานันท์กรรมการผู้จัดการ บริษัท พระยาพาณิชย์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด หรือ PPP ในกลุ่มบริษัท เจ้าพระยามหานคร จำกัด (มหาชน) หรือ CMC Group เปิดเผยว่า ในปีนี้มีลูกค้าที่เข้ามาซื้อห้องชุดของบริษัทส่วนใหญ่มีบ้านอยู่แล้ว แต่หนีน้ำท่วมมาซื้อคอนโดฯ เป็นที่อยู่หลังที่ 2 ซึ่งห้องชุดขนาดตั้งแต่ 1 ห้องนอนขึ้นไปขายดีมาก ขึ้น ทั้งนี้บริษัทมีโครงการคอนโดมิเนียม เหลือขาย และโครงการเปิดใหม่ทั้งสิ้น 14 โครงการ มียอดโอนภายในปี 2555 ทั้งสิ้น 1,300 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการ อยู่ระหว่างก่อสร้างทั้งหมด
โดย 4 โครงการเปิดใหม่ อยู่ในทำเลสุขุมวิท 2 โครงการ มูลค่าโครงการละ 700 ล้านบาท,โครงการบนถนนนราธิวาส 1 โครงการ มูลค่า 1,000 ล้านบาทและโครงการรัชดา ซอย 20 มูลค่ารวม 300 ล้านบาทและล่าสุดได้จัดแคมเปญ อยู่ฟรี 2 ปี สำหรับลูกค้าที่ซื้อคอนโดฯ พร้อมอยู่ใน 6 โครงการของCMC ส่วนอีก 9 โครงการระหว่าง ก่อสร้างรับส่วนลดกว่า 250,000 บาท แต่อย่างไรก็ตาม การกลับมาเฟื่องฟูของคอนโดมิเนียมในปีนี้ อาจจะมีปัจจัยลบเรื่องอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น แต่ก็คงจะเป็นในระยะสั้น คาดว่าไตรมาส 2 ไปแล้วจะเริ่มหวือหวา มีการซื้อ-ขายที่คึกคักมากขึ้น
ที่มา : หนังสือพิมพ์สยามธุรกิจ