REIC เปิดผลสำรวจดัชนีราคาบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ และคอนโดมิเนียม เผยบ้านเดี่ยวปรับสูงขึ้น1.03% ขณะที่ทาวน์เฮาส์ ปรับสูงขึ้น 0.98% ด้านนายกสมาคมบ้านจัดสรรชี้ราคาบ้านปรับขึ้นไม่มาก สวนทางต้นทุนที่ปรับสูงขึ้น ทั้งวัสดุก่อสร้าง แรงงานและค่าขนส่ง
สัมมา คีตสิน ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (REIC ) เปิดเผยว่า ได้จัดทำดัชนีราคาบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ และคอนโดมิเนียม โดยใช้ข้อมูลราคาขายของโครงการบ้านจัดสรรใหม่ที่อยู่ระหว่างการขาย ในกรุงเทพมหานคร และ 3 จังหวัดใหญ่รอบปริมณฑล คือ นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ
โดยผลการสำรวจดัชนีราคาในช่วงครึ่งแรกของปี 2554 ปรากฏผล ดังนี้ดัชนีราคาบ้านเดี่ยว ในเขตกรุงเทพมหานครและ 3 จังหวัดปริมณฑล มีค่าดัชนีเท่ากับ 103.82 ปรับเพิ่มขึ้น 1.03% เมื่อเทียบกับค่าดัชนี 102.76 ในช่วงครึ่งหลังของปี 2553 และปรับเพิ่มขึ้น 1.79% เมื่อเทียบกับค่าดัชนี 101.99 ในช่วงเดียวกันของปีก่อน ถือว่าปรับเพิ่มขึ้นไม่มาก
เมื่อแยกตามพื้นที่ พบว่า ดัชนีราคาบ้านเดี่ยวในพื้นที่กรุงเทพฯ จังหวัดเดียว ปรับเพิ่มขึ้น 1.60%เปรียบเทียบปีต่อปี ในขณะที่ดัชนีราคาบ้านเดี่ยวใน 3 จังหวัดปริมณฑลปรับเพิ่มขึ้น 1.96% หรือราคาบ้านเดี่ยวในปริมณฑลปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าในกรุงเทพฯ เพียงเล็กน้อย
ดัชนีราคาทาวน์เฮาส์ ในเขตกรุงเทพมหานคร และ 3 จังหวัดปริมณฑล มีค่าดัชนีเท่ากับ 106.90ปรับเพิ่มขึ้น 0.98% เมื่อเทียบกับค่าดัชนี 105.87 ในช่วงครึ่งหลังของปี 2553 ถือว่าปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่ปรับเพิ่มขึ้นมากถึง 3.55% เมื่อเทียบกับค่าดัชนี 103.24 ในช่วงเดียวกันของปีก่อน แสดงว่าในช่วงระหว่างปีที่แล้วราคาทาวน์เฮาส์ได้ปรับเพิ่มขึ้นตาม
เมื่อแยกตามพื้นที่ พบว่า ดัชนีราคาทาวน์เฮาส์ในพื้นที่กรุงเทพฯ จังหวัดเดียว ปรับเพิ่มขึ้นมากถึง4.74% เปรียบเทียบปีต่อปี ในขณะที่ดัชนีราคาทาวน์เฮาส์ใน 3 จังหวัดปริมณฑลปรับเพิ่มขึ้น 2.79% หรือราคาทาวน์เฮาส์ในกรุงเทพฯ ปรับขึ้นมากกว่าราคาทาวน์เฮาส์ในปริมณฑลมาก
ด้านอิสระ บุญยัง นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน กล่าวว่า ปัจจุบันตลาดอสังหาริมทรัพย์มีการแข่งขันสูง ส่งผลให้ราคาไม่ปรับเพิ่มขึ้นมากนัก แม้ว่าต้นทุนต่างๆ จะปรับตัวสูงขึ้นก็ตาม ทั้งนี้ จากต้นทุนที่ปรับสูงขึ้น ราคาบ้านเดี่ยวควรจะปรับเพิ่มขึ้น 3-4% ส่วนราคาทาวน์เฮาส์จะเพิ่มขึ้น7% ซึ่งคาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังเชื่อว่าราคาจะปรับเพิ่มสูงขึ้นตามต้นทุนค่าก่อสร้างและราคาที่ดินมีแนวโน้มปรับสูงขึ้นอีก
สำหรับในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา มีการโอนกรรมสิทธิ์ลดลงมากถึง 39% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมียอดโอนกรรมสิทธิ์เพียง 43,274 หน่วย แบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 16,670 หน่วย ลดลง45% ทาวน์เฮาส์ 13,833 หน่วย ลดลง31% บ้านเดี่ยว 8,016 หน่วย ลดลง 35% และอาคารพาณิชย์ 3,494หน่วย ลดลง 47% ยอดโอนกรรมสิทธิ์ที่ลดลงเป็นผลจากในปีนี้ไม่มีมาตรการภาษีกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ เหมือนกับช่วงปีที่ผ่านมาซึ่งเฉพาะเดือนมี.ค.2553 เดือนเดียวมียอดโอนกรรมสิทธิ์มากกว่า 30,000 หน่วย
ที่มา : หนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายสัปดาห์
สัมมา คีตสิน ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (REIC ) เปิดเผยว่า ได้จัดทำดัชนีราคาบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ และคอนโดมิเนียม โดยใช้ข้อมูลราคาขายของโครงการบ้านจัดสรรใหม่ที่อยู่ระหว่างการขาย ในกรุงเทพมหานคร และ 3 จังหวัดใหญ่รอบปริมณฑล คือ นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ
โดยผลการสำรวจดัชนีราคาในช่วงครึ่งแรกของปี 2554 ปรากฏผล ดังนี้ดัชนีราคาบ้านเดี่ยว ในเขตกรุงเทพมหานครและ 3 จังหวัดปริมณฑล มีค่าดัชนีเท่ากับ 103.82 ปรับเพิ่มขึ้น 1.03% เมื่อเทียบกับค่าดัชนี 102.76 ในช่วงครึ่งหลังของปี 2553 และปรับเพิ่มขึ้น 1.79% เมื่อเทียบกับค่าดัชนี 101.99 ในช่วงเดียวกันของปีก่อน ถือว่าปรับเพิ่มขึ้นไม่มาก
เมื่อแยกตามพื้นที่ พบว่า ดัชนีราคาบ้านเดี่ยวในพื้นที่กรุงเทพฯ จังหวัดเดียว ปรับเพิ่มขึ้น 1.60%เปรียบเทียบปีต่อปี ในขณะที่ดัชนีราคาบ้านเดี่ยวใน 3 จังหวัดปริมณฑลปรับเพิ่มขึ้น 1.96% หรือราคาบ้านเดี่ยวในปริมณฑลปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าในกรุงเทพฯ เพียงเล็กน้อย
ดัชนีราคาทาวน์เฮาส์ ในเขตกรุงเทพมหานคร และ 3 จังหวัดปริมณฑล มีค่าดัชนีเท่ากับ 106.90ปรับเพิ่มขึ้น 0.98% เมื่อเทียบกับค่าดัชนี 105.87 ในช่วงครึ่งหลังของปี 2553 ถือว่าปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่ปรับเพิ่มขึ้นมากถึง 3.55% เมื่อเทียบกับค่าดัชนี 103.24 ในช่วงเดียวกันของปีก่อน แสดงว่าในช่วงระหว่างปีที่แล้วราคาทาวน์เฮาส์ได้ปรับเพิ่มขึ้นตาม
เมื่อแยกตามพื้นที่ พบว่า ดัชนีราคาทาวน์เฮาส์ในพื้นที่กรุงเทพฯ จังหวัดเดียว ปรับเพิ่มขึ้นมากถึง4.74% เปรียบเทียบปีต่อปี ในขณะที่ดัชนีราคาทาวน์เฮาส์ใน 3 จังหวัดปริมณฑลปรับเพิ่มขึ้น 2.79% หรือราคาทาวน์เฮาส์ในกรุงเทพฯ ปรับขึ้นมากกว่าราคาทาวน์เฮาส์ในปริมณฑลมาก
ด้านอิสระ บุญยัง นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน กล่าวว่า ปัจจุบันตลาดอสังหาริมทรัพย์มีการแข่งขันสูง ส่งผลให้ราคาไม่ปรับเพิ่มขึ้นมากนัก แม้ว่าต้นทุนต่างๆ จะปรับตัวสูงขึ้นก็ตาม ทั้งนี้ จากต้นทุนที่ปรับสูงขึ้น ราคาบ้านเดี่ยวควรจะปรับเพิ่มขึ้น 3-4% ส่วนราคาทาวน์เฮาส์จะเพิ่มขึ้น7% ซึ่งคาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังเชื่อว่าราคาจะปรับเพิ่มสูงขึ้นตามต้นทุนค่าก่อสร้างและราคาที่ดินมีแนวโน้มปรับสูงขึ้นอีก
สำหรับในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา มีการโอนกรรมสิทธิ์ลดลงมากถึง 39% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมียอดโอนกรรมสิทธิ์เพียง 43,274 หน่วย แบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 16,670 หน่วย ลดลง45% ทาวน์เฮาส์ 13,833 หน่วย ลดลง31% บ้านเดี่ยว 8,016 หน่วย ลดลง 35% และอาคารพาณิชย์ 3,494หน่วย ลดลง 47% ยอดโอนกรรมสิทธิ์ที่ลดลงเป็นผลจากในปีนี้ไม่มีมาตรการภาษีกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ เหมือนกับช่วงปีที่ผ่านมาซึ่งเฉพาะเดือนมี.ค.2553 เดือนเดียวมียอดโอนกรรมสิทธิ์มากกว่า 30,000 หน่วย
ที่มา : หนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายสัปดาห์