มั่นคงฯ กางแผนปี 55 ลุยเพิ่ม 3 โครงการ 1,900 ล้านบาท ครอบคลุมทุกเซกเมนต์ เป้ารายได้ปีนี้แตะ 3,000 ล้านบาท โต 40% จากปี 54 ชี้ปัจจัยเสี่ยงด้านเศรฐกิจการเมือง ส่งผลกระทบต่อภาพรวมอสังหาฯชะลอตัว
นายชวน ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) หรือ MKเปิดเผยว่า เตรียมพัฒนาโครงการใหม่เพิ่ม 3 โครงการ มูลค่ารวม 1,900 ล้านบาท ได้แก่ โครงการชวนชื่น โมดัส รัตนาธิเบศร์ บ้านเดี่ยว ราคาเริ่มต้น 4 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 400 ล้านบาท, โครงการชวนชื่นจรัญฯ 3 ทาวน์โฮม ราคาเริ่มต้น 4 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท และโครงการทาวน์โฮม และโฮมออฟฟิศ ในย่านวิภาวดี มูลค่าโครงการ 500 ล้านบาท พร้อมด้วยอีก 17 โครงการที่ดำเนินงานอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งมีมูลค่าเหลือขายรวมกว่า 4,000 ล้านบาท โดยปีนี้ตั้งเป้ายอดขายที่ 3,000 ล้านบาท หรือเติบโต 40% จากยอดขายปี 2554
ทั้งนี้ บริษัทยังคงเน้นเรื่องความหลากหลายของผลิตภัณฑ์เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า ทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด คอนโดมิเนียม ทาวน์โฮม และโฮมออฟฟิศ โดยจะเน้นสัดส่วนของบ้านพร้อมอยู่มากขึ้น พร้อมทั้งวางมาตรการ แนวทางป้องกันภัยพิบัติน้ำท่วม ไม่ว่าจะเป็นการเลือกทำเลเพื่อพัฒนาโครงการ การยกระดับที่ดินให้สูงพ้นระดับน้ำ รวมถึงการจัดเตรียมและพัฒนาเรื่องระบบระบายน้ำควบคู่ไปกับคุณภาพในด้านการก่อสร้าง
ขณะที่กลยุทธ์ด้านการตลาดยังคงมุ่งเน้นการใช้ Social Network Marketing เพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภค และเพิ่มช่องทางการสื่อสารทางการตลาด การเผยแพร่ ข้อมูลข่าวสาร และกิจกรรมต่างๆ ให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งจัดโปรโมชั่นใหม่ๆให้กับลูกค้าตลอดปี
สำหรับภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ปีนี้ได้รับผลกระทบจากปัจจัยเสี่ยงรอบด้าน ซึ่งส่งผลทำ ให้ตลาดชะลอตัว อาทิ ปัญหาทางเศรษฐกิจ การเมือง และปัญหาภัยธรรมชาติ รวมถึงต้นทุนวัสดุก่อสร้างที่จะปรับราคาขึ้น และการปรับผังเมืองใหม่ที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาอาคารชุด อย่างไรก็ดี ถึงแม้จะมีปัจจัยเสี่ยงอยู่มาก แต่ยังคงมีปัจจัยบวกที่ช่วยกระตุ้นให้ตลาดกลับมาคึกคัก อาทิ การปล่อยสินเชื่อของธนาคาร การปรับลดอัตราดอกเบี้ย และการเลื่อนการบังคับใช้เกณฑ์การให้สินเชื่อวงเงินกู้ต่อหลักประกัน (LTV)ของบ้านจัดสรรออกไปในปี 2556
ที่มา: หนังสือพิมพ์โลกวันนี้
นายชวน ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) หรือ MKเปิดเผยว่า เตรียมพัฒนาโครงการใหม่เพิ่ม 3 โครงการ มูลค่ารวม 1,900 ล้านบาท ได้แก่ โครงการชวนชื่น โมดัส รัตนาธิเบศร์ บ้านเดี่ยว ราคาเริ่มต้น 4 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 400 ล้านบาท, โครงการชวนชื่นจรัญฯ 3 ทาวน์โฮม ราคาเริ่มต้น 4 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท และโครงการทาวน์โฮม และโฮมออฟฟิศ ในย่านวิภาวดี มูลค่าโครงการ 500 ล้านบาท พร้อมด้วยอีก 17 โครงการที่ดำเนินงานอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งมีมูลค่าเหลือขายรวมกว่า 4,000 ล้านบาท โดยปีนี้ตั้งเป้ายอดขายที่ 3,000 ล้านบาท หรือเติบโต 40% จากยอดขายปี 2554
ทั้งนี้ บริษัทยังคงเน้นเรื่องความหลากหลายของผลิตภัณฑ์เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า ทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด คอนโดมิเนียม ทาวน์โฮม และโฮมออฟฟิศ โดยจะเน้นสัดส่วนของบ้านพร้อมอยู่มากขึ้น พร้อมทั้งวางมาตรการ แนวทางป้องกันภัยพิบัติน้ำท่วม ไม่ว่าจะเป็นการเลือกทำเลเพื่อพัฒนาโครงการ การยกระดับที่ดินให้สูงพ้นระดับน้ำ รวมถึงการจัดเตรียมและพัฒนาเรื่องระบบระบายน้ำควบคู่ไปกับคุณภาพในด้านการก่อสร้าง
ขณะที่กลยุทธ์ด้านการตลาดยังคงมุ่งเน้นการใช้ Social Network Marketing เพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภค และเพิ่มช่องทางการสื่อสารทางการตลาด การเผยแพร่ ข้อมูลข่าวสาร และกิจกรรมต่างๆ ให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งจัดโปรโมชั่นใหม่ๆให้กับลูกค้าตลอดปี
สำหรับภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ปีนี้ได้รับผลกระทบจากปัจจัยเสี่ยงรอบด้าน ซึ่งส่งผลทำ ให้ตลาดชะลอตัว อาทิ ปัญหาทางเศรษฐกิจ การเมือง และปัญหาภัยธรรมชาติ รวมถึงต้นทุนวัสดุก่อสร้างที่จะปรับราคาขึ้น และการปรับผังเมืองใหม่ที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาอาคารชุด อย่างไรก็ดี ถึงแม้จะมีปัจจัยเสี่ยงอยู่มาก แต่ยังคงมีปัจจัยบวกที่ช่วยกระตุ้นให้ตลาดกลับมาคึกคัก อาทิ การปล่อยสินเชื่อของธนาคาร การปรับลดอัตราดอกเบี้ย และการเลื่อนการบังคับใช้เกณฑ์การให้สินเชื่อวงเงินกู้ต่อหลักประกัน (LTV)ของบ้านจัดสรรออกไปในปี 2556
ที่มา: หนังสือพิมพ์โลกวันนี้