LPN พร้อมบุกตลาดแนวราบ ส่งบริษัทลูก "พรสันติ" นำร่องเปิดทาวน์เฮาส์ 2 โครงการ มูลค่า 800 ล้านบาทในไตรมาสนี้ ประเดิมโครงการแรก "ลุมพินี ทาวน์ เพลส รัชโยธิน-เสนาฯ" ขาย 28 ม.ค.นี้ ส่งซิกกำไรปีนี้เด้ง รับเป้ารายได้โต 10%
นางสมศรี เตชะไกรศรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท พรสันติ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ LPN ถือหุ้นอยู่ 100% เปิดเผยว่า ในไตรมาสแรกของปีนี้ บริษัทมีแผนที่จะเปิดขายโครงการทาวน์เฮาส์ จำนวน 2 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 800 ล้านบาท
โดยในวันที่ 28 มกราคม 2555 จะเปิดตัวโครงการแรก คือ ลุมพินี ทาวน์ เพลส รัชโยธิน-เสนาฯ มูลค่าโครงการประมาณ 400 ล้านบาท เป็นทาวน์เฮาส์ 3 ชั้น หน้ากว้าง 5.5 เมตร พื้นที่ใช้สอยประมาณ 200 ตารางเมตร บนพื้นที่โครงการประมาณ 6 ไร่ เศษ จำนวน 71 หลัง ซึ่งมีระดับราคาขายยูนิตละ 4.49 ล้านบาทขึ้นไป จับกลุ่มลูกค้าครอบครัวที่อยู่ในละแวกนั้น โดยเมื่อวันที่ 20 มกราคมที่ผ่านมา ได้มีการเปิดตัวอย่างไม่เป็นทางการ (ซอฟท์ลอนซ์) พบว่า มีลูกค้าให้ความสนใจที่จะจองเข้ามาจำนวนมาก
ส่วนโครงการที่สอง คือ โครงการลุมพินี ทาวน์ เรสซิเดนซ์ ลาดพร้าว 21 มูลค่าโครงการเกือบ 400 ล้านบาท ซึ่งเป็นทาวน์เฮาส์ 3 ชั้น จำนวน 46 หลัง ระดับราคาขายยูนิตละ 9 ล้านบาทขึ้นไป คาดว่าจะเปิดขายอย่างเป็นทางการปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2555
บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) คาดการณ์ว่า การเปิดโครงการทาวน์เฮาส์ 2 โครงการของ LPN ที่จะเปิดในเดือนมกราคมนี้ คือ ลุมพินี ทาวน์เพลส รัชโยธิน-เสนา และลาดพร้าว 21 ซึ่งเป็นทำเลอยู่ในเมือง น่าจะได้รับความสนใจจากลูกค้า และจะเริ่มโอนได้ 50% ในปีนี้
ขณะที่ประมาณการกำไรปกติของ LPN ในปีนี้ เป็น 2,149 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.5% จากปี 2554 โดยปรับรายได้จากการโอนเพิ่มเป็น 13,877 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 14.6% จากปี 2554 แนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมายปีนี้ที่ 14.60 บาท อิง P/E 10 เท่า
ด้านนายโอภาส ศรีพยัคฆ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ LPN กล่าวว่า กำไรสุทธิในปีนี้ยังจะเติบโตต่อเนื่องจากปี 2554 เนื่องจากบริษัทมีรายได้จากการโอนคอนโดมิเนียมเพิ่มขึ้น โดยปีนี้ตั้งเป้าหมายรายได้อยู่ที่ 13,200 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% จากปี 2554 ที่คาดมีรายได้ 12,000 ล้านบาท โดยขณะนี้บริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) ที่คาดว่าจะรับรู้รายได้ในปีนี้แล้วกว่า 11,500 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 90% ของเป้าหมายรายได้ทั้งปีนี้แล้ว
ส่วนยอดขาย (พรีเซล) ในปีนี้ บริษัทตั้งเป้าหมายไว้ที่ 16,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% จากปี 2554 ที่มียอดขายอยู่ที่ 14,200 ล้านบาท โดยในปีนี้บริษัทมีแผนจะเปิดโครงการใหม่ประมาณ 10 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 15,000-16,000 ล้านบาท เพื่อรองรับการเติบโตของรายได้ที่สม่ำเสมอในอนาคต และสอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ ในปีนี้บริษัทคาดว่าจะใช้เงินลงทุนเพื่อซื้อที่ดิน 2,500 ล้านบาท เพื่อรองรับโครงการในอนาคต และคาดว่าจะมีการปรับขึ้นราคาขายที่อยู่อาศัย ในอัตราต่ำกว่าต้นทุนที่ปรับขึ้น 5-10% ซึ่งเป็นต้นทุนราคาวัสดุก่อสร้าง และค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำ เนื่องจากไม่ต้องการให้กระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค
อย่างไรก็ตาม แม้จะมองตลาดคอนโดมิเนียมยังเติบโตมากขึ้น หลังสถานการณ์น้ำท่วมแต่การแข่งขันยังคงรุนแรง และมีผู้ประกอบการเข้ามามากขึ้น โดยในปีก่อน LPN มีส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เก็ตแชร์) ในแง่ของยอดขาย 15-30% ในตลาดคอนโดมิเนียม ส่วนปีนี้บริษัทยังมุ่งเจาะตลาดระดับราคา 1-2 ล้านบาทต่อยูนิต เนื่องจากตลาดมีขนาดใหญ่ กำลังซื้อมาก โดยประเมินว่าการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท จะมีผลดีกับลูกค้ากลุ่มหลักของบริษัทที่จะทำให้มีกำลังซื้อดีขึ้น รวมทั้งแนวโน้มราคาพลังงานที่สูงขึ้น จะทำให้ผู้บริโภคสนใจซื้อคอนโดมิเนียมในทำเลที่ใกล้ระบบสาธารณูปโภค และการเดินทางมากขึ้น
ที่มา : ข่าวหุ้น
นางสมศรี เตชะไกรศรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท พรสันติ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ LPN ถือหุ้นอยู่ 100% เปิดเผยว่า ในไตรมาสแรกของปีนี้ บริษัทมีแผนที่จะเปิดขายโครงการทาวน์เฮาส์ จำนวน 2 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 800 ล้านบาท
โดยในวันที่ 28 มกราคม 2555 จะเปิดตัวโครงการแรก คือ ลุมพินี ทาวน์ เพลส รัชโยธิน-เสนาฯ มูลค่าโครงการประมาณ 400 ล้านบาท เป็นทาวน์เฮาส์ 3 ชั้น หน้ากว้าง 5.5 เมตร พื้นที่ใช้สอยประมาณ 200 ตารางเมตร บนพื้นที่โครงการประมาณ 6 ไร่ เศษ จำนวน 71 หลัง ซึ่งมีระดับราคาขายยูนิตละ 4.49 ล้านบาทขึ้นไป จับกลุ่มลูกค้าครอบครัวที่อยู่ในละแวกนั้น โดยเมื่อวันที่ 20 มกราคมที่ผ่านมา ได้มีการเปิดตัวอย่างไม่เป็นทางการ (ซอฟท์ลอนซ์) พบว่า มีลูกค้าให้ความสนใจที่จะจองเข้ามาจำนวนมาก
ส่วนโครงการที่สอง คือ โครงการลุมพินี ทาวน์ เรสซิเดนซ์ ลาดพร้าว 21 มูลค่าโครงการเกือบ 400 ล้านบาท ซึ่งเป็นทาวน์เฮาส์ 3 ชั้น จำนวน 46 หลัง ระดับราคาขายยูนิตละ 9 ล้านบาทขึ้นไป คาดว่าจะเปิดขายอย่างเป็นทางการปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2555
บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) คาดการณ์ว่า การเปิดโครงการทาวน์เฮาส์ 2 โครงการของ LPN ที่จะเปิดในเดือนมกราคมนี้ คือ ลุมพินี ทาวน์เพลส รัชโยธิน-เสนา และลาดพร้าว 21 ซึ่งเป็นทำเลอยู่ในเมือง น่าจะได้รับความสนใจจากลูกค้า และจะเริ่มโอนได้ 50% ในปีนี้
ขณะที่ประมาณการกำไรปกติของ LPN ในปีนี้ เป็น 2,149 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.5% จากปี 2554 โดยปรับรายได้จากการโอนเพิ่มเป็น 13,877 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 14.6% จากปี 2554 แนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมายปีนี้ที่ 14.60 บาท อิง P/E 10 เท่า
ด้านนายโอภาส ศรีพยัคฆ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ LPN กล่าวว่า กำไรสุทธิในปีนี้ยังจะเติบโตต่อเนื่องจากปี 2554 เนื่องจากบริษัทมีรายได้จากการโอนคอนโดมิเนียมเพิ่มขึ้น โดยปีนี้ตั้งเป้าหมายรายได้อยู่ที่ 13,200 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% จากปี 2554 ที่คาดมีรายได้ 12,000 ล้านบาท โดยขณะนี้บริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) ที่คาดว่าจะรับรู้รายได้ในปีนี้แล้วกว่า 11,500 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 90% ของเป้าหมายรายได้ทั้งปีนี้แล้ว
ส่วนยอดขาย (พรีเซล) ในปีนี้ บริษัทตั้งเป้าหมายไว้ที่ 16,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% จากปี 2554 ที่มียอดขายอยู่ที่ 14,200 ล้านบาท โดยในปีนี้บริษัทมีแผนจะเปิดโครงการใหม่ประมาณ 10 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 15,000-16,000 ล้านบาท เพื่อรองรับการเติบโตของรายได้ที่สม่ำเสมอในอนาคต และสอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ ในปีนี้บริษัทคาดว่าจะใช้เงินลงทุนเพื่อซื้อที่ดิน 2,500 ล้านบาท เพื่อรองรับโครงการในอนาคต และคาดว่าจะมีการปรับขึ้นราคาขายที่อยู่อาศัย ในอัตราต่ำกว่าต้นทุนที่ปรับขึ้น 5-10% ซึ่งเป็นต้นทุนราคาวัสดุก่อสร้าง และค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำ เนื่องจากไม่ต้องการให้กระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค
อย่างไรก็ตาม แม้จะมองตลาดคอนโดมิเนียมยังเติบโตมากขึ้น หลังสถานการณ์น้ำท่วมแต่การแข่งขันยังคงรุนแรง และมีผู้ประกอบการเข้ามามากขึ้น โดยในปีก่อน LPN มีส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เก็ตแชร์) ในแง่ของยอดขาย 15-30% ในตลาดคอนโดมิเนียม ส่วนปีนี้บริษัทยังมุ่งเจาะตลาดระดับราคา 1-2 ล้านบาทต่อยูนิต เนื่องจากตลาดมีขนาดใหญ่ กำลังซื้อมาก โดยประเมินว่าการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท จะมีผลดีกับลูกค้ากลุ่มหลักของบริษัทที่จะทำให้มีกำลังซื้อดีขึ้น รวมทั้งแนวโน้มราคาพลังงานที่สูงขึ้น จะทำให้ผู้บริโภคสนใจซื้อคอนโดมิเนียมในทำเลที่ใกล้ระบบสาธารณูปโภค และการเดินทางมากขึ้น
ที่มา : ข่าวหุ้น