เสนา ดีเวลลอปเม้นท์ ชูพัทยาเป็น รังสิตแห่งใหม่ ชี้ผู้ประกอบการเล็ก-ใหญ่แห่บุกลงทุน กระจายความเสี่ยง หันรุกธุรกิจรีเทล โรงแรม สนามกอล์ฟ
น.ส.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการบริหาร บริษัท เสนา ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ผู้ประกอบการทั้งรายเล็กและรายใหญ่ กระจายการลงทุนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ออกสู่ทำเลหัวเมืองสำคัญในต่างจังหวัดมากขึ้น โดยเฉพาะพัทยา ที่ปัจจุบันมีผู้ประกอบการรายใหญ่ทุกรายเข้าไปลงทุนพัฒนาโครงการแล้ว เนื่องจากเป็นทำเลที่มีศักยภาพ การคมนาคมสะดวก เชื่อว่าในอนาคตพื้นที่พัทยาเปรียบเสมือน นิว รังสิต ที่ผู้ประกอบการทุกรายเข้าไปพัฒนาโครงการ
เสนาฯ ก็เช่นกัน จากปกติเคยทำโครงการแต่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ปีนี้ได้ขยายการลงทุนไปยังพัทยา โดยสนใจสนลงทุนทั้งธุรกิจบ้านจัดสรร สนามกอล์ฟ โรงแรม อีกทั้งยังกระจายความเสี่ยงธุรกิจอสังหาฯ ด้วยการขยายตัวสู่กลุ่มรีเทลในปีนี้ด้วยเช่นกัน น.ส.เกษรา กล่าว
สำหรับภาพรวมธุรกิจอสังหาฯ ในปีนี้ เชื่อว่ายังอยู่ในภาวะซบเซาโดยเฉพาะในไตรมาสแรก พบว่าคอนโดมิเนียมยังพอมียอดขายบ้าง แต่บ้านแนวราบแทบจะไม่มีการซื้อขาย เนื่องจากผู้บริโภคยังเป็นห่วงการเกิดน้ำท่วมซ้ำอีกในปีนี้ ซึ่งหากเกิดขึ้นจริงผู้บริโภคคงหมดความมั่นใจในการซื้อบ้านใหม่ทุกทำเล
ขณะที่แผนธุรกิจของบริษัทปีนี้จะเปิดโครงการใหม่ทั้งหมด 6 โครงการ ประกอบด้วยโครงการแนวราบ 2 โครงการ คอนโดมิเนียม 2 โครงการ และธุรกิจค้าปลีก อีก 2 โครงการ ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 1,800 ล้านบาท และตั้งเป้ายอดโอนไว้ที่ 1,500 ล้านบาท เท่ากับปีที่แล้ว
อย่างไรก็ตามเหตุการณ์น้ำท่วมที่ผ่านมา ทำให้บริษัทเห็นความสำคัญของสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เพราะแม้ย่านรามอินทรา ซึ่งเป็นเขตเมืองยังเกิดน้ำท่วม ดังนั้นภาคเอกชนไม่ว่าจะรายเล็กหรือรายใหญ่ ไม่สามารถรอภาครัฐให้เข้ามาบริหารมาตรการป้องกันน้ำได้เพียงอย่างเดียว ทุกบริษัทควรเข้าไปมีส่วนร่วมในการป้องกัน บริษัทจึงพัฒนาโครงการใหม่ในปีนี้ด้วยคอนเซปต์ Green Giving เพื่อกระตุ้นให้ผู้บริโภคร่วมกันตระหนักถึงความสำคัญของสิ่งแวดล้อม
ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ
น.ส.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการบริหาร บริษัท เสนา ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ผู้ประกอบการทั้งรายเล็กและรายใหญ่ กระจายการลงทุนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ออกสู่ทำเลหัวเมืองสำคัญในต่างจังหวัดมากขึ้น โดยเฉพาะพัทยา ที่ปัจจุบันมีผู้ประกอบการรายใหญ่ทุกรายเข้าไปลงทุนพัฒนาโครงการแล้ว เนื่องจากเป็นทำเลที่มีศักยภาพ การคมนาคมสะดวก เชื่อว่าในอนาคตพื้นที่พัทยาเปรียบเสมือน นิว รังสิต ที่ผู้ประกอบการทุกรายเข้าไปพัฒนาโครงการ
เสนาฯ ก็เช่นกัน จากปกติเคยทำโครงการแต่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ปีนี้ได้ขยายการลงทุนไปยังพัทยา โดยสนใจสนลงทุนทั้งธุรกิจบ้านจัดสรร สนามกอล์ฟ โรงแรม อีกทั้งยังกระจายความเสี่ยงธุรกิจอสังหาฯ ด้วยการขยายตัวสู่กลุ่มรีเทลในปีนี้ด้วยเช่นกัน น.ส.เกษรา กล่าว
สำหรับภาพรวมธุรกิจอสังหาฯ ในปีนี้ เชื่อว่ายังอยู่ในภาวะซบเซาโดยเฉพาะในไตรมาสแรก พบว่าคอนโดมิเนียมยังพอมียอดขายบ้าง แต่บ้านแนวราบแทบจะไม่มีการซื้อขาย เนื่องจากผู้บริโภคยังเป็นห่วงการเกิดน้ำท่วมซ้ำอีกในปีนี้ ซึ่งหากเกิดขึ้นจริงผู้บริโภคคงหมดความมั่นใจในการซื้อบ้านใหม่ทุกทำเล
ขณะที่แผนธุรกิจของบริษัทปีนี้จะเปิดโครงการใหม่ทั้งหมด 6 โครงการ ประกอบด้วยโครงการแนวราบ 2 โครงการ คอนโดมิเนียม 2 โครงการ และธุรกิจค้าปลีก อีก 2 โครงการ ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 1,800 ล้านบาท และตั้งเป้ายอดโอนไว้ที่ 1,500 ล้านบาท เท่ากับปีที่แล้ว
อย่างไรก็ตามเหตุการณ์น้ำท่วมที่ผ่านมา ทำให้บริษัทเห็นความสำคัญของสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เพราะแม้ย่านรามอินทรา ซึ่งเป็นเขตเมืองยังเกิดน้ำท่วม ดังนั้นภาคเอกชนไม่ว่าจะรายเล็กหรือรายใหญ่ ไม่สามารถรอภาครัฐให้เข้ามาบริหารมาตรการป้องกันน้ำได้เพียงอย่างเดียว ทุกบริษัทควรเข้าไปมีส่วนร่วมในการป้องกัน บริษัทจึงพัฒนาโครงการใหม่ในปีนี้ด้วยคอนเซปต์ Green Giving เพื่อกระตุ้นให้ผู้บริโภคร่วมกันตระหนักถึงความสำคัญของสิ่งแวดล้อม
ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ