บอร์ดเร่งรัดก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่บริเวณเกียกกายล้มกระดานชุดเก่า กำหนด เงื่อนไขทีโออาร์ใหม่ ผู้รับเหมาต้องสร้างเสร็จภายใน 900 วัน รับผิดชอบพื้นที่ ครอบคลุม 4 แสน ตร.ม.เพิ่มถนนรอบอาคารเดิมแค่ 3 แสนตร.ม. 1,600 วัน ฟันธง ยืน 4 ยักษ์รับเหมาที่ผ่านพีคิว อิตาเลียนไทย -ซิโน-ไทย -เพาเวอร์ไลน์ - ซินเทค "เจริญ จรรย์โกมล" ชี้ใครสร้างไม่ทันอย่าประมูล เร่งทหารมอบพื้นที่ 5 ธันวาคม 2555 หลังช้ามานาน
ความล่าช้าจากการส่งมอบพื้นที่ บริเวณเกียกกายเขตดุสิต จำนวน 119 ไร่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ทั้งที่แผนเดิม ต้องเปิดประกวดราคาหาผู้รับจ้าง ภายในปลายปี 2555 นี้ และเริ่มก่อสร้างต้นปี 2556 เป็นเวลา 1,600 วัน มูลค่า12,000 ล้านบาท นั้น
ต่อเรื่องนี้ นายเจริญ จรรย์โกมล รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 และในฐานะประธานคณะกรรมการเร่งรัดโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่บริเวณเกียกกายเปิดเผย "ฐานเศรษฐกิจ" ว่าขณะนี้ ได้เร่งรัดให้หน่วยทหารรื้อถอนและส่งมอบพื้นที่ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 5 ธันวาคม 2555 จากเดิม ต้องส่งมอบพื้นที่ภายในเดือนธันวาคม 2554 ซึ่งปัจจุบัน โครงการแฟลตพักอาศัยใกล้แล้วเสร็จ แต่ติดปัญหาช่วงน้ำท่วมใหญ่ปลายปี 2554 ที่ผ่านมา ส่งผลให้ทุกอย่างต้องเลื่อนออกไป
ความล่าช้าจากการส่งมอบพื้นที่ บริเวณเกียกกายเขตดุสิต จำนวน 119 ไร่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ทั้งที่แผนเดิม ต้องเปิดประกวดราคาหาผู้รับจ้าง ภายในปลายปี 2555 นี้ และเริ่มก่อสร้างต้นปี 2556 เป็นเวลา 1,600 วัน มูลค่า12,000 ล้านบาท นั้น
ต่อเรื่องนี้ นายเจริญ จรรย์โกมล รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 และในฐานะประธานคณะกรรมการเร่งรัดโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่บริเวณเกียกกายเปิดเผย "ฐานเศรษฐกิจ" ว่าขณะนี้ ได้เร่งรัดให้หน่วยทหารรื้อถอนและส่งมอบพื้นที่ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 5 ธันวาคม 2555 จากเดิม ต้องส่งมอบพื้นที่ภายในเดือนธันวาคม 2554 ซึ่งปัจจุบัน โครงการแฟลตพักอาศัยใกล้แล้วเสร็จ แต่ติดปัญหาช่วงน้ำท่วมใหญ่ปลายปี 2554 ที่ผ่านมา ส่งผลให้ทุกอย่างต้องเลื่อนออกไป
ขณะเดียวกัน บอร์ดได้ยกร่างทีโออาร์(บันทึกข้อตกลงเบื้องต้น) ใหม่ และยกเลิก ทีโออาร์เดิม โดยกำหนดให้บริษัทผู้รับเหมาที่ ชนะประมูล ต้องก่อสร้างอาคารดังกล่าวให้แล้วเสร็จพร้อมส่งมอบพื้นที่ภายใน 900 วัน มีพื้นที่ที่รับผิดชอบ 400,000 ตารางเมตร โดยเพิ่ม ขึ้นอีก 100,000 ตารางเมตรซึ่งเป็นพื้นที่รอบอาคารสภาเอง อาทิ ถนน ทางเดิน ฯลฯ จากทีโออาร์เดิม กำหนดให้ผู้รับเหมา รับผิดชอบแค่ 300,000 ตารางเมตร เฉพาะตัวอาคาร ส่วนพื้นที่รอบนอกอาคาร ที่เป็นทางเท้า ถนน กลับไม่มีใครพูดถึง รวมทั้งกำหนดระยะเวลาสร้างนานถึง 1,600 วัน มองว่านานเกินไป
ที่สำคัญจะเปิดกว้างให้ผู้รับเหมาเข้าแข่งขันเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ตามที่บอร์ดชุดเดิม ได้ทำพีคิว หรือคัดเลือกคุณสมบัติผู้รับเหมาเบื้องต้น ได้ 4 ราย ประกอบด้วย 1. บริษัท อิตาเลียนไทยดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด(มหาชน) (ITD) 2. บริษัทซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด(มหาชน) (STEC ) 3. บริษัทเพาเวอร์ไลน์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน ) และ 4. บริษัทซินเทค คอนสตรัคชั่น จำกัด(มหาชน) ก็จะยึดบริษัทที่ผ่านดังกล่าวไว้คงเดิมขณะเดียวกันก็เปิดโอกาสให้รายอื่นเข้ามาสมทบ ใครเสนอราคาดีที่สุดก็ได้งานไป ส่วน โครงการก่อสร้างจะเริ่มได้เมื่อไหร่นั้น ปัจจุบันยังติดปัญหาที่โรงเรียนโยธินบูรณะที่สร้างล่าช้าซึ่งจะส่งมอบพื้นที่ได้กลางปี 2557
ด้านนายกฤษดา จันทร์จำรัสแสง เลขาธิการสมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวว่า เห็นด้วยที่เปิดให้ รับเหมาแข่งขันชิงงานก่อสร้างอาคารรัฐสภาใหม่ แต่มองว่า ผู้รับเหมาที่น่าจับตาคือ อิตาเลียนไทยมีศักยภาพมากที่สุด ส่วน ซิโน-ไทย เมื่อไม่มีรัฐบาลชุดที่ผ่านมาอย่างภูมิใจไทย ก็ แทบไม่ได้อะไร ส่วนเพาเวอร์ไลน์ มีปัญหาสภาพคล่อง
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 2,752 28-30 มิถุนายน พ.ศ. 2555
ที่สำคัญจะเปิดกว้างให้ผู้รับเหมาเข้าแข่งขันเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ตามที่บอร์ดชุดเดิม ได้ทำพีคิว หรือคัดเลือกคุณสมบัติผู้รับเหมาเบื้องต้น ได้ 4 ราย ประกอบด้วย 1. บริษัท อิตาเลียนไทยดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด(มหาชน) (ITD) 2. บริษัทซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด(มหาชน) (STEC ) 3. บริษัทเพาเวอร์ไลน์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน ) และ 4. บริษัทซินเทค คอนสตรัคชั่น จำกัด(มหาชน) ก็จะยึดบริษัทที่ผ่านดังกล่าวไว้คงเดิมขณะเดียวกันก็เปิดโอกาสให้รายอื่นเข้ามาสมทบ ใครเสนอราคาดีที่สุดก็ได้งานไป ส่วน โครงการก่อสร้างจะเริ่มได้เมื่อไหร่นั้น ปัจจุบันยังติดปัญหาที่โรงเรียนโยธินบูรณะที่สร้างล่าช้าซึ่งจะส่งมอบพื้นที่ได้กลางปี 2557
ด้านนายกฤษดา จันทร์จำรัสแสง เลขาธิการสมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวว่า เห็นด้วยที่เปิดให้ รับเหมาแข่งขันชิงงานก่อสร้างอาคารรัฐสภาใหม่ แต่มองว่า ผู้รับเหมาที่น่าจับตาคือ อิตาเลียนไทยมีศักยภาพมากที่สุด ส่วน ซิโน-ไทย เมื่อไม่มีรัฐบาลชุดที่ผ่านมาอย่างภูมิใจไทย ก็ แทบไม่ได้อะไร ส่วนเพาเวอร์ไลน์ มีปัญหาสภาพคล่อง
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 2,752 28-30 มิถุนายน พ.ศ. 2555