แบงก์เอกชน-แบงก์รัฐรอดูท่าทีไม่รีบลดดอกเบี้ย "ออมสิน" ระบุไม่ขอเป็นผู้นำ เชื่อ กนง.ยังต้องลดดอกเบี้ยอีก ด้านไทยพาณิชย์วัดใจตลาด รับเงินไหลเข้าแบงก์รัฐมากขึ้น เหตุให้ดอกเบี้ยฝากสูงกว่า
นายเลอศักดิ์ จุลเทศ ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ธนาคารกำลังพิจารณาปรับลดดอกเบี้ยทั้งเงินกู้และเงินฝาก หลังจากที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ลดดอกเบี้ยลง 0.25% แต่ขอรอดูธนาคารพาณิชย์อื่นๆ ก่อนว่าจะปรับลดลงเท่าใด เนื่องจากออมสินเป็นธนาคารรัฐ จึงไม่มีนโยบายเป็นผู้นำการลดดอกเบี้ย โดยเฉพาะดอกเบี้ยเงินฝากจะพยายามลดให้ช้าที่สุด เพราะจะทำให้ประชาชนเสียประโยชน์ อย่างไรก็ตาม เห็นว่าแนวโน้มดอกเบี้ย กนง.ยังคงเป็นขาลง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งปีนี้น่าจะปรับลดลงได้อีก
ทั้งนี้ ยอมรับว่าช่วงที่ผ่านมามีเงินฝากไหลเข้ามามากขึ้น นอกจากการให้ดอกเบี้ยที่สูงแล้ว ยังเป็นผลมาจากกรณีที่สถาบันคุ้มครองเงินฝาก (สคฝ.) จะลดวงเงินคุ้มครองลงเหลือ 1 ล้านบาทในเดือนสิงหาคมนี้ จากปัจจุบันมียอดเงินฝากรวม 1.5 ล้านล้านบาท จึงต้องมีการบริหารต้นทุนเงินฝากและหารายได้จ่ายดอกเบี้ยดังกล่าว โดยส่วนใหญ่ 80% เป็นการปล่อยสินเชื่อและ 20% เป็นการบริหารพอร์ตลงทุนและสินเชื่อที่ปล่อยสัดส่วน 90% เป็นรายย่อยมีรายใหญ่เพียง 10% หรือประมาณ 2.6 หมื่นล้านบาท จากสินเชื่อคงค้างรวม 1.35 ล้านล้านบาท
ด้านนางกรรณิกา ชลิตอาภรณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ธนาคารกำลังพิจารณาเรื่องอัตราดอกเบี้ย หลังจากที่ กนง. ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% โดยต้องมีการพิจารณาอัตราดอกเบี้ยของธนาคารรัฐประกอบด้วย นอกเหนือจากธนาคารพาณิชย์เอกชน เนื่องจากขณะนี้มีเงินฝากจำนวนมากไหลเข้าไปฝากกับธนาคารรัฐ เพราะให้อัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากของธนาคารเอกชน
ขณะเดียวกันการที่ พ.ร.ก.แก้ปัญหาหนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน จะกำหนดให้ธนาคารพาณิชย์เพิ่มเงินนำส่งเข้าสถาบันคุ้มครองเงินฝากจะยิ่งทำให้เกิดความแตกต่างของต้นทุนระหว่างธนาคารพาณิชย์เอกชนกับธนาคารรัฐมากขึ้น ระบบการเงินก็จะผันผวนมากขึ้น และจะทำให้ระบบสถาบันการเงินอ่อนแอลงในระยะยาว เพราะเงินฝากก็จะไหลไปยังธนาคารรัฐ สุดท้ายธนาคารเอกชนก็จะมีเงินฝากในการปล่อยสินเชื่อต่ำลง ดังนั้นเห็นว่าหากจะมีการนำส่งเงินเพิ่มขึ้นควรจะดำเนินการทั้งธนาคารเอกชนและธนาคารรัฐอย่างเท่าเทียมกันเพื่อความเสมอภาค
ที่มา: หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
นายเลอศักดิ์ จุลเทศ ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ธนาคารกำลังพิจารณาปรับลดดอกเบี้ยทั้งเงินกู้และเงินฝาก หลังจากที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ลดดอกเบี้ยลง 0.25% แต่ขอรอดูธนาคารพาณิชย์อื่นๆ ก่อนว่าจะปรับลดลงเท่าใด เนื่องจากออมสินเป็นธนาคารรัฐ จึงไม่มีนโยบายเป็นผู้นำการลดดอกเบี้ย โดยเฉพาะดอกเบี้ยเงินฝากจะพยายามลดให้ช้าที่สุด เพราะจะทำให้ประชาชนเสียประโยชน์ อย่างไรก็ตาม เห็นว่าแนวโน้มดอกเบี้ย กนง.ยังคงเป็นขาลง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งปีนี้น่าจะปรับลดลงได้อีก
ทั้งนี้ ยอมรับว่าช่วงที่ผ่านมามีเงินฝากไหลเข้ามามากขึ้น นอกจากการให้ดอกเบี้ยที่สูงแล้ว ยังเป็นผลมาจากกรณีที่สถาบันคุ้มครองเงินฝาก (สคฝ.) จะลดวงเงินคุ้มครองลงเหลือ 1 ล้านบาทในเดือนสิงหาคมนี้ จากปัจจุบันมียอดเงินฝากรวม 1.5 ล้านล้านบาท จึงต้องมีการบริหารต้นทุนเงินฝากและหารายได้จ่ายดอกเบี้ยดังกล่าว โดยส่วนใหญ่ 80% เป็นการปล่อยสินเชื่อและ 20% เป็นการบริหารพอร์ตลงทุนและสินเชื่อที่ปล่อยสัดส่วน 90% เป็นรายย่อยมีรายใหญ่เพียง 10% หรือประมาณ 2.6 หมื่นล้านบาท จากสินเชื่อคงค้างรวม 1.35 ล้านล้านบาท
ด้านนางกรรณิกา ชลิตอาภรณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ธนาคารกำลังพิจารณาเรื่องอัตราดอกเบี้ย หลังจากที่ กนง. ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% โดยต้องมีการพิจารณาอัตราดอกเบี้ยของธนาคารรัฐประกอบด้วย นอกเหนือจากธนาคารพาณิชย์เอกชน เนื่องจากขณะนี้มีเงินฝากจำนวนมากไหลเข้าไปฝากกับธนาคารรัฐ เพราะให้อัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากของธนาคารเอกชน
ขณะเดียวกันการที่ พ.ร.ก.แก้ปัญหาหนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน จะกำหนดให้ธนาคารพาณิชย์เพิ่มเงินนำส่งเข้าสถาบันคุ้มครองเงินฝากจะยิ่งทำให้เกิดความแตกต่างของต้นทุนระหว่างธนาคารพาณิชย์เอกชนกับธนาคารรัฐมากขึ้น ระบบการเงินก็จะผันผวนมากขึ้น และจะทำให้ระบบสถาบันการเงินอ่อนแอลงในระยะยาว เพราะเงินฝากก็จะไหลไปยังธนาคารรัฐ สุดท้ายธนาคารเอกชนก็จะมีเงินฝากในการปล่อยสินเชื่อต่ำลง ดังนั้นเห็นว่าหากจะมีการนำส่งเงินเพิ่มขึ้นควรจะดำเนินการทั้งธนาคารเอกชนและธนาคารรัฐอย่างเท่าเทียมกันเพื่อความเสมอภาค
ที่มา: หนังสือพิมพ์คมชัดลึก