"แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์" คาดปีนี้กำไร-รายได้เติบโต 10% พร้อมเปิดใหม่ 10 โครงการ มูลค่ารวม 1.5-1.6 หมื่นล้านบาท
นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ หรือ LPN ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยผ่านรอยเตอร์ว่า กำไรสุทธิปีนี้ ยังเติบโตต่อเนื่องจากปีก่อน ตามรายได้ที่คาดโตราว 10% เพราะปีนี้จะรับรู้รายได้ จากการโอนโครงการคอนโดมิเนียมจำนวนมาก
"ปกติบริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโต กำไรสุทธิก็ต้องเติบโตตามอยู่แล้ว ปีก่อนเราก็เป็นแบบนั้น เพราะกำไรสุทธิเป็นไปตามเป้าการเติบโตของรายได้" นายโอภาสกล่าวทั้งนี้ งวด 9 เดือนปี 2554 แอล.พี.เอ็น. มีกำไรสุทธิ 1.86 พันล้านบาท ขณะที่ บล.เอเซีย พลัส คาดปี 2554 แอล.พี.เอ็น. จะมีกำไรสุทธิ 1.99 พันล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 2.13 พันล้านบาทในปีนี้
นายโอภาส กล่าวว่า ปีนี้บริษัทตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ 10% มาอยู่ที่ 1.32 หมื่นล้านบาท จากปีก่อนที่คาดมีรายได้ 1.2 หมื่นล้านบาท โดยรายได้ที่คาดจะเพิ่มขึ้น มาจากการโอนโครงการคอนโดมิเนียม ซึ่งน่าจะมีจำนวนมากในปีนี้ ส่วนคอนโดมิเนียม คาดจะโอนและรับรู้รายได้ในปีนี้ ได้แก่ ลุมพินี คอนโดทาวน์ นิด้า-เสรีไทย ลุมพินี เพลส รัชโยธิน และลุมพินี เพลส พระราม 4-กล้วยน้ำไทย
"แอล.พี.เอ็น.คาดปีนี้ จะมียอดขายรอการโอน เพื่อรับรู้รายได้สูงถึง 1.15 หมื่นล้านบาท ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 90% ของเป้ารายได้ทั้งปีนี้แล้ว ขณะที่ยอดขายปีนี้ คาดไว้ที่ 1.6 หมื่นล้านบาท โตราว 15% จากปีก่อนที่ 1.42 หมื่นล้านบาท การเติบโตดังกล่าวเป็นระดับปกติ และเป็นไปตามนโยบายที่ตั้งเป้า ว่า ทั้งรายได้ และยอดขาย จะเติบโตเฉลี่ยปีละ 10-15%"
ส่วนปี 2554 ทั้งกำไรสุทธิและรายได้ของบริษัท เติบโตตามเป้าที่วางไว้ เพราะไม่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมรุนแรง โดยลูกค้ายังมีการจองซื้อ และโอนโครงการตามเป้าหมาย
นายโอภาส กล่าวว่า ปีนี้บริษัทมีแผนจะเปิดใหม่ 10 โครงการ มูลค่ารวม 1.5-1.6 หมื่นล้านบาท ซึ่งจำนวนโครงการที่เปิดปีนี้ มีความเหมาะสม สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจ และสอดคล้องกับการตั้งเป้าหมายการเติบโตอย่างสม่ำเสมอของรายได้ และคาดปีนี้ จะใช้เงินลงทุนเพื่อซื้อที่ดิน 2.5 พันล้านบาท เพื่อรองรับโครงการในอนาคต รวมทั้งจะปรับขึ้นราคาขายที่อยู่อาศัย ในอัตราต่ำกว่าต้นทุนที่ปรับขึ้น 5-10% ซึ่งเป็นต้นทุนราคาวัสดุก่อสร้าง และค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำ เพราะไม่ต้องการให้กระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค
เขากล่าวว่า แม้ตลาดคอนโดมิเนียมยังเติบโตมากขึ้น หลังสถานการณ์น้ำท่วม แต่การแข่งขันยังรุนแรง และมีผู้ประกอบการเข้ามามากขึ้น โดยปีก่อนแอล.พี.เอ็น.มีส่วนแบ่งการตลาดด้านยอดขาย 15-30% ในตลาดคอนโดมิเนียม ส่วนปีนี้ จะมุ่งเจาะตลาดระดับราคา 1-2 ล้านบาทต่อยูนิต เพราะตลาดมีขนาดใหญ่ กำลังซื้อมาก โดยประเมินการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท จะมีผลดีกับลูกค้ากลุ่มหลัก ที่จะทำให้มีกำลังซื้อดีขึ้น
"ปีนี้ตลาดคอนโดมิเนียมจะกลับมาฟื้นตัว โดยคาดว่าจะมียอดการเปิดตัวโครงการใหม่ราว 6 หมื่นยูนิต เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ 4.5-4.8 หมื่นยูนิต" นายโอภาสกล่าว
เขายังกล่าวว่า บริษัทอยู่ระหว่างการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ ซึ่งจะแล้วเสร็จไตรมาส 2 หรือไตรมาส 3 ปีนี้ เพื่อรองรับการออกหุ้นกู้ในอนาคต คาดจะไม่ออกหุ้นกู้ หากไม่มีการลงทุนขนาดใหญ่ หรือโครงการพิเศษ
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ
นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ หรือ LPN ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยผ่านรอยเตอร์ว่า กำไรสุทธิปีนี้ ยังเติบโตต่อเนื่องจากปีก่อน ตามรายได้ที่คาดโตราว 10% เพราะปีนี้จะรับรู้รายได้ จากการโอนโครงการคอนโดมิเนียมจำนวนมาก
"ปกติบริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโต กำไรสุทธิก็ต้องเติบโตตามอยู่แล้ว ปีก่อนเราก็เป็นแบบนั้น เพราะกำไรสุทธิเป็นไปตามเป้าการเติบโตของรายได้" นายโอภาสกล่าวทั้งนี้ งวด 9 เดือนปี 2554 แอล.พี.เอ็น. มีกำไรสุทธิ 1.86 พันล้านบาท ขณะที่ บล.เอเซีย พลัส คาดปี 2554 แอล.พี.เอ็น. จะมีกำไรสุทธิ 1.99 พันล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 2.13 พันล้านบาทในปีนี้
นายโอภาส กล่าวว่า ปีนี้บริษัทตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ 10% มาอยู่ที่ 1.32 หมื่นล้านบาท จากปีก่อนที่คาดมีรายได้ 1.2 หมื่นล้านบาท โดยรายได้ที่คาดจะเพิ่มขึ้น มาจากการโอนโครงการคอนโดมิเนียม ซึ่งน่าจะมีจำนวนมากในปีนี้ ส่วนคอนโดมิเนียม คาดจะโอนและรับรู้รายได้ในปีนี้ ได้แก่ ลุมพินี คอนโดทาวน์ นิด้า-เสรีไทย ลุมพินี เพลส รัชโยธิน และลุมพินี เพลส พระราม 4-กล้วยน้ำไทย
"แอล.พี.เอ็น.คาดปีนี้ จะมียอดขายรอการโอน เพื่อรับรู้รายได้สูงถึง 1.15 หมื่นล้านบาท ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 90% ของเป้ารายได้ทั้งปีนี้แล้ว ขณะที่ยอดขายปีนี้ คาดไว้ที่ 1.6 หมื่นล้านบาท โตราว 15% จากปีก่อนที่ 1.42 หมื่นล้านบาท การเติบโตดังกล่าวเป็นระดับปกติ และเป็นไปตามนโยบายที่ตั้งเป้า ว่า ทั้งรายได้ และยอดขาย จะเติบโตเฉลี่ยปีละ 10-15%"
ส่วนปี 2554 ทั้งกำไรสุทธิและรายได้ของบริษัท เติบโตตามเป้าที่วางไว้ เพราะไม่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมรุนแรง โดยลูกค้ายังมีการจองซื้อ และโอนโครงการตามเป้าหมาย
นายโอภาส กล่าวว่า ปีนี้บริษัทมีแผนจะเปิดใหม่ 10 โครงการ มูลค่ารวม 1.5-1.6 หมื่นล้านบาท ซึ่งจำนวนโครงการที่เปิดปีนี้ มีความเหมาะสม สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจ และสอดคล้องกับการตั้งเป้าหมายการเติบโตอย่างสม่ำเสมอของรายได้ และคาดปีนี้ จะใช้เงินลงทุนเพื่อซื้อที่ดิน 2.5 พันล้านบาท เพื่อรองรับโครงการในอนาคต รวมทั้งจะปรับขึ้นราคาขายที่อยู่อาศัย ในอัตราต่ำกว่าต้นทุนที่ปรับขึ้น 5-10% ซึ่งเป็นต้นทุนราคาวัสดุก่อสร้าง และค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำ เพราะไม่ต้องการให้กระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค
เขากล่าวว่า แม้ตลาดคอนโดมิเนียมยังเติบโตมากขึ้น หลังสถานการณ์น้ำท่วม แต่การแข่งขันยังรุนแรง และมีผู้ประกอบการเข้ามามากขึ้น โดยปีก่อนแอล.พี.เอ็น.มีส่วนแบ่งการตลาดด้านยอดขาย 15-30% ในตลาดคอนโดมิเนียม ส่วนปีนี้ จะมุ่งเจาะตลาดระดับราคา 1-2 ล้านบาทต่อยูนิต เพราะตลาดมีขนาดใหญ่ กำลังซื้อมาก โดยประเมินการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท จะมีผลดีกับลูกค้ากลุ่มหลัก ที่จะทำให้มีกำลังซื้อดีขึ้น
"ปีนี้ตลาดคอนโดมิเนียมจะกลับมาฟื้นตัว โดยคาดว่าจะมียอดการเปิดตัวโครงการใหม่ราว 6 หมื่นยูนิต เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ 4.5-4.8 หมื่นยูนิต" นายโอภาสกล่าว
เขายังกล่าวว่า บริษัทอยู่ระหว่างการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ ซึ่งจะแล้วเสร็จไตรมาส 2 หรือไตรมาส 3 ปีนี้ เพื่อรองรับการออกหุ้นกู้ในอนาคต คาดจะไม่ออกหุ้นกู้ หากไม่มีการลงทุนขนาดใหญ่ หรือโครงการพิเศษ
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ