นายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า แผนธุรกิจปี 2555 เตรียมเปิด 44 โครงการใหม่ รวมมูลค่า 4.6 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นคอนโดมิเนียมกว่า 10 โครงการ ที่เหลือเป็นบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ ซึ่ง 5-6 โครงการจะเป็นการขยายลงทุนไปยังหัวเมืองสำคัญในต่างจังหวัดเพิ่มขึ้น โดยจะเริ่มทยอยเปิดตัวในครึ่งปีแรกคือ เขาใหญ่ จ.นครราชสีมา,จ.เชียงใหม่ และพัทยา จ.ชลบุรี ในขณะที่จ.ภูเก็ต ซึ่งภายหลังจากบริษัทเพิ่งเข้าไปเปิดโครงการเมื่อปีที่ผ่านมาทำให้พบว่าศักยภาพของภูเก็ตเสมือนเป็นกรุงเทพฯ แห่งที่ 2 ที่บริษัทสามารถเข้าทำตลาดที่อยู่อาศัยครอบคลุมได้ในทุกตลาด ตั้งแต่บ้านเดี่ยวระดับหรูในกลุ่มนาราสิริไปจนถึงคอนโดมิเนียมชายทะเล โดยมุ่งเป้าหมายไปที่ลูกค้าท้องถิ่นและตลาดการศึกษา ซึ่งในปีนี้บริษัทวางเป้าหมายยอดขายทั้งปี 3.2 หมื่นล้านบาท รับรู้รายได้ที่ 2.8 หมื่นล้านบาท เติบโตจากปีที่แล้ว 40%
ขณะที่แผนธุรกิจทั้งหมดจะอยู่ภายใต้การสนับสนุนการเติบโตจากโรงงานผลิตพื้นผนังสำเร็จรูปหรือ พรีคาสท์ ที่อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ที่บริษัทได้ลงทุนไปกว่า 600 ล้านบาท มีกำลังการผลิตบ้านสำเร็จรูปต่อเดือน 150 หลัง หรือสามารถสร้างรายได้ให้บริษัทเฉลี่ยปีละ 7 พันล้านบาท ขณะที่ในปีนี้บริษัทจะต้องลงทุนซื้อที่ดินใหม่และก่อสร้างรวม 2.4 หมื่นล้านบาท สำหรับแนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์จากนี้ไปเชื่อว่าจะเน้นที่คุณภาพเป็นสำคัญ โดยอยู่ภายใต้การแข่งขันระหว่างผู้ประกอบการรายใหญ่เป็นหลัก ซึ่งทิศทางของบริษัทในปีนี้จะรุกทั้งตลาดบ้านหรู ที่ปัจจุบันมีควอลิตี้เฮ้าส์ และเอสซี แอสเสท ทำตลาดอยู่ ขณะที่คอนโดมิเนียมจะลงไปแข่งขันกับตลาดกลาง-ล่าง ที่มีแอล.พี.เอ็น. และ ศุภาลัย เป็นผู้นำตลาด โดยในไตรมาส 1 บริษัทเตรียม 10 โครงการใหม่ที่จะเปิดตัวในงาน แสนสิริ ออฟ ลิฟวิ่ง ที่รอยัล พารากอนฮอลล์ สยามพารากอน และคาดว่าจะผลักดันให้ในไตรมาส 1 ปีนี้ บริษัทจะมียอดขายมากถึง 1 หมื่นล้านบาท พร้อมเตรียมเจรจาผู้เชี่ยวชาญเทคโนโลยีป้องกันน้ำท่วมจากต่างประเทศ เพื่อพัฒนาระบบรั้วป้องกันน้ำท่วมในโครงการ
ที่มา: หนังสือพิมพ์ข่าวสด
ขณะที่แผนธุรกิจทั้งหมดจะอยู่ภายใต้การสนับสนุนการเติบโตจากโรงงานผลิตพื้นผนังสำเร็จรูปหรือ พรีคาสท์ ที่อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ที่บริษัทได้ลงทุนไปกว่า 600 ล้านบาท มีกำลังการผลิตบ้านสำเร็จรูปต่อเดือน 150 หลัง หรือสามารถสร้างรายได้ให้บริษัทเฉลี่ยปีละ 7 พันล้านบาท ขณะที่ในปีนี้บริษัทจะต้องลงทุนซื้อที่ดินใหม่และก่อสร้างรวม 2.4 หมื่นล้านบาท สำหรับแนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์จากนี้ไปเชื่อว่าจะเน้นที่คุณภาพเป็นสำคัญ โดยอยู่ภายใต้การแข่งขันระหว่างผู้ประกอบการรายใหญ่เป็นหลัก ซึ่งทิศทางของบริษัทในปีนี้จะรุกทั้งตลาดบ้านหรู ที่ปัจจุบันมีควอลิตี้เฮ้าส์ และเอสซี แอสเสท ทำตลาดอยู่ ขณะที่คอนโดมิเนียมจะลงไปแข่งขันกับตลาดกลาง-ล่าง ที่มีแอล.พี.เอ็น. และ ศุภาลัย เป็นผู้นำตลาด โดยในไตรมาส 1 บริษัทเตรียม 10 โครงการใหม่ที่จะเปิดตัวในงาน แสนสิริ ออฟ ลิฟวิ่ง ที่รอยัล พารากอนฮอลล์ สยามพารากอน และคาดว่าจะผลักดันให้ในไตรมาส 1 ปีนี้ บริษัทจะมียอดขายมากถึง 1 หมื่นล้านบาท พร้อมเตรียมเจรจาผู้เชี่ยวชาญเทคโนโลยีป้องกันน้ำท่วมจากต่างประเทศ เพื่อพัฒนาระบบรั้วป้องกันน้ำท่วมในโครงการ
ที่มา: หนังสือพิมพ์ข่าวสด