กทม.ปล่อยผี สร้างตึกสูงทำเลรอบรัฐสภาแห่งใหม่ย่านเกียกกาย อ้างคลอด "ข้อบัญญัติ กทม." ไม่ทันกับการรองรับประกาศกระทรวงควบคุมตึกสูงของกระทรวงมหาดไทยที่จะหมดอายุ 28 มกราคม 2555 นี้ เผยช่วงสุญญากาศที่ไม่มีกฎหมายคุมอาจจะยาวถึง 1 ปี มีผลให้ระยะถอยร่นจากริมเจ้าพระยา 15 เมตร สามารถพัฒนาโครงการแนวสูงได้ไม่จำกัด
นายอุดม พัวสกุล อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ขณะนี้กรมกำลังประสานไปยังสำนักผังเมือง กรุงเทพมหานคร (กทม.) เพื่อดำเนินการออกข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่องคุมความสูงบริเวณโดยรอบอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ย่านเกียกกาย ในพื้นที่ 3 เขต ประกอบด้วยเขตบางซื่อ ดุสิต และบางพลัด กำหนดพื้นที่ควบคุม 2 บริเวณ คือโดยรอบนอกเขตที่ดินของรัฐสภาแห่งใหม่ รัศมีระยะ 300 เมตร และ 500 เมตร
ก่อนหน้านี้ กรมได้ออกประกาศกระทรวงมหาดไทยไปแล้วเมื่อวันที่ 28 มกราคม 2554 และกำลังจะหมดอายุวันที่ 28 มกราคม 2555 เนื่องจากประกาศกระทรวงมหาดไทยจะมีอายุเพียง 1 ปีหากครบกำหนดจะต้องเป็นกฎกระทรวงหรือข้อบัญญัติต่อไป ขณะนี้รอดู กทม.จะออกข้อบัญญัติทันหรือไม่ เนื่องจากไม่อยากปล่อยให้เป็นช่วงสุญญากาศในการบังคับใช้กฎหมาย
นางสมจิต ปิยะศิลป์ ผู้อำนวยการสำนักควบคุมและตรวจสอบอาคาร (สนอ.) กล่าวว่า มีความเป็นไปได้สูงที่จะต้องขอให้กทม.ออกเป็นข้อบัญญัติแทน เพราะการออกกฎกระทรวงเป็นเรื่องใหญ่ และตามกฎหมายไม่สามารถต่อหรือขยายอายุประกาศกระทรวงมหาดไทยออกไปได้อีก หากกทม.ออกข้อบัญญัติไม่ทัน ทำให้เป็นช่วงนาทีทองสำหรับผู้ประกอบการพัฒนาที่ดินที่จะขึ้นตึกสูงได้
"เสนอเรื่องไปกระทรวงมหาดไทยแล้วขอออกประกาศกระทรวงซ้ำอีกครั้ง แตมหาดไทยไม่อนุมัติ จะออกต้องเป็นกฎกระทรวงหรือให้ท้องถิ่นคือ กทม.ออกเป็นข้อบัญญัติ ให้กทม.ออกข้อบัญญัติ น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด อยู่ที่ กทม.ว่าจะทำทันเวลาหรือไม่"
ม.ร.ว.เปรมศิริ เกษมสันต์ ผู้อำนวยการสำนักผังเมืองกทม.กล่าวเรื่องเดียวกันนี้ว่า กทม.ไม่สามารถออกข้อบัญญัตคุมความสูงโดยรอบบริเวณอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ที่ย่านเกียกกายได้ทันวันที่ 28 มกราคมนี้ เพราะทาง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม.มีนโยบายให้สำนักผังเมืองจัดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนในพื้นที่ิด้วย เพราะไม่อยากให้ประชาชนมองกทม.เข้าไปลิดรอนสิทธิการพัฒนาในพื้นที่ดังกล่าวมากจนเกินไป
"นั่นหมายความว่า การใช้ประโยชน์ในที่ดินย่านเกียกกายต้องปล่อยให้เป็นช่วงสุญญากาศไปก่อน จนกว่า กทม.จะออกเป็นข้อบัญญัติได้ คาดว่าจะใช้ระยะเวลาพอสมควร อาจจะนานถึง 1 ปี ต้องผ่านอีกหลายขั้นตอน "
ผู้อำนวยการสำนักผังเมืองกล่าวต่อว่า ในช่วงที่ กทม.ไม่สามารถออกข้อบัญญัติคุมการก่อสร้างได้ทัน ดังนั้น ผู้ที่มาขออนุญาตก่อสร้างในช่วงนี้ หากที่ดินอยู่นอกเขตคุมระยะถอยร่นริมแม่น้ำเจ้าพระยาในรัศมี 15 เมตร จึงจะสามารถพัฒนาตึกสูงได้ และในผังเมืองรวมกรุงเทพฯฉบับปัจจุบันกำหนดให้บริเวณนี้เป็นพื้นที่สีน้ำตาล หรือ ย.8 สามารถเปิดการพัฒนาได้หลายประเภท ทั้งที่อยู่อาศัย พาณิชยกรรม เป็นต้น
ผู้สื่อข่าว "ประชาชาติธุรกิจ" สอบถามไปยังนายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เกี่ยวกับเรื่องนี้ได้รับคำตอบว่า จนถึงขณะนี้ บริษัทยังไม่มีแผนการ พัฒนาที่ดินย่านเกียกกาย บนเนื้อที่ 6 ไร่ ติดถนนประชาราษฎร์สาย 1 ใกล้กับอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ หลังจากได้ชะลอการพัฒนาโครงการออกไปไม่มีกำหนดเมื่อต้นปี 2554 ที่ผ่านมา
"ถึงจะเป็นช่วงสุญญากาศ เพราะ กทม.ออกข้อบัญญัติไม่ทัน เราก็ไม่มีแผนจะพัฒนาตอนนี้ รอความชัดเจนจากรัฐในการออกระเบียบต่าง ๆ ไม่อยากให้มองว่าเอกชนฉกฉวยโอกาสในช่วงนี้ เพราะยังไงรัฐน่าจะยืนเจตนารมณ์เหมือนเดิมที่จะคุมการก่อสร้างโดยรอบนี้ มันได้ไม่คุ้มเสีย กลายเป็นการเสียหายครั้งที่ 2 ซึ่งครั้งแรก เราพัฒนา เพราะไม่มีกฎหมายอะไรเลย" นายประเสริฐกล่าวย้ำ
อนึ่ง เมื่อต้นปี 2554 บริษัทพฤกษาฯได้เปิดขายโครงการเดอะทรี เกียกกาย บนเนื้อที่ 6 ไร่ ถนนประชาราษฎร์สาย 1 รูปแบบเดิมออกแบบเป็นอาคารชุดพักอาศัยสูง 32 ชั้น 1 อาคาร และสูง 34 ชั้น 1 อาคาร จำนวน 1,047 ยูนิต ราคาขายเริ่ม 1.25 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 1,600 ล้านบาท
ต่อมาได้มีการประกาศคุมกำเนิดการพัฒนาอาคารแนวสูงโดยกรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย มีผลทำให้โครงการเดอะทรี เกียกกาย ซึ่งมียอดจองซื้อหมดทุกยูนิต จะต้องคืนเงินจองให้กับลูกค้า โดยที่ดินแปลงดังกล่าวต้องหยุดการพัฒนาโดยปริยาย รอจนกว่าจะมีความชัดเจนในเรื่องกฎหมาย ว่าจะสามารถพัฒนาโครงการได้ที่ระดับความสูงเท่าใด
ที่มา ประชาชาติธุรกิจ
นายอุดม พัวสกุล อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ขณะนี้กรมกำลังประสานไปยังสำนักผังเมือง กรุงเทพมหานคร (กทม.) เพื่อดำเนินการออกข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่องคุมความสูงบริเวณโดยรอบอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ย่านเกียกกาย ในพื้นที่ 3 เขต ประกอบด้วยเขตบางซื่อ ดุสิต และบางพลัด กำหนดพื้นที่ควบคุม 2 บริเวณ คือโดยรอบนอกเขตที่ดินของรัฐสภาแห่งใหม่ รัศมีระยะ 300 เมตร และ 500 เมตร
ก่อนหน้านี้ กรมได้ออกประกาศกระทรวงมหาดไทยไปแล้วเมื่อวันที่ 28 มกราคม 2554 และกำลังจะหมดอายุวันที่ 28 มกราคม 2555 เนื่องจากประกาศกระทรวงมหาดไทยจะมีอายุเพียง 1 ปีหากครบกำหนดจะต้องเป็นกฎกระทรวงหรือข้อบัญญัติต่อไป ขณะนี้รอดู กทม.จะออกข้อบัญญัติทันหรือไม่ เนื่องจากไม่อยากปล่อยให้เป็นช่วงสุญญากาศในการบังคับใช้กฎหมาย
นางสมจิต ปิยะศิลป์ ผู้อำนวยการสำนักควบคุมและตรวจสอบอาคาร (สนอ.) กล่าวว่า มีความเป็นไปได้สูงที่จะต้องขอให้กทม.ออกเป็นข้อบัญญัติแทน เพราะการออกกฎกระทรวงเป็นเรื่องใหญ่ และตามกฎหมายไม่สามารถต่อหรือขยายอายุประกาศกระทรวงมหาดไทยออกไปได้อีก หากกทม.ออกข้อบัญญัติไม่ทัน ทำให้เป็นช่วงนาทีทองสำหรับผู้ประกอบการพัฒนาที่ดินที่จะขึ้นตึกสูงได้
"เสนอเรื่องไปกระทรวงมหาดไทยแล้วขอออกประกาศกระทรวงซ้ำอีกครั้ง แตมหาดไทยไม่อนุมัติ จะออกต้องเป็นกฎกระทรวงหรือให้ท้องถิ่นคือ กทม.ออกเป็นข้อบัญญัติ ให้กทม.ออกข้อบัญญัติ น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด อยู่ที่ กทม.ว่าจะทำทันเวลาหรือไม่"
ม.ร.ว.เปรมศิริ เกษมสันต์ ผู้อำนวยการสำนักผังเมืองกทม.กล่าวเรื่องเดียวกันนี้ว่า กทม.ไม่สามารถออกข้อบัญญัตคุมความสูงโดยรอบบริเวณอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ที่ย่านเกียกกายได้ทันวันที่ 28 มกราคมนี้ เพราะทาง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม.มีนโยบายให้สำนักผังเมืองจัดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนในพื้นที่ิด้วย เพราะไม่อยากให้ประชาชนมองกทม.เข้าไปลิดรอนสิทธิการพัฒนาในพื้นที่ดังกล่าวมากจนเกินไป
"นั่นหมายความว่า การใช้ประโยชน์ในที่ดินย่านเกียกกายต้องปล่อยให้เป็นช่วงสุญญากาศไปก่อน จนกว่า กทม.จะออกเป็นข้อบัญญัติได้ คาดว่าจะใช้ระยะเวลาพอสมควร อาจจะนานถึง 1 ปี ต้องผ่านอีกหลายขั้นตอน "
ผู้อำนวยการสำนักผังเมืองกล่าวต่อว่า ในช่วงที่ กทม.ไม่สามารถออกข้อบัญญัติคุมการก่อสร้างได้ทัน ดังนั้น ผู้ที่มาขออนุญาตก่อสร้างในช่วงนี้ หากที่ดินอยู่นอกเขตคุมระยะถอยร่นริมแม่น้ำเจ้าพระยาในรัศมี 15 เมตร จึงจะสามารถพัฒนาตึกสูงได้ และในผังเมืองรวมกรุงเทพฯฉบับปัจจุบันกำหนดให้บริเวณนี้เป็นพื้นที่สีน้ำตาล หรือ ย.8 สามารถเปิดการพัฒนาได้หลายประเภท ทั้งที่อยู่อาศัย พาณิชยกรรม เป็นต้น
ผู้สื่อข่าว "ประชาชาติธุรกิจ" สอบถามไปยังนายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เกี่ยวกับเรื่องนี้ได้รับคำตอบว่า จนถึงขณะนี้ บริษัทยังไม่มีแผนการ พัฒนาที่ดินย่านเกียกกาย บนเนื้อที่ 6 ไร่ ติดถนนประชาราษฎร์สาย 1 ใกล้กับอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ หลังจากได้ชะลอการพัฒนาโครงการออกไปไม่มีกำหนดเมื่อต้นปี 2554 ที่ผ่านมา
"ถึงจะเป็นช่วงสุญญากาศ เพราะ กทม.ออกข้อบัญญัติไม่ทัน เราก็ไม่มีแผนจะพัฒนาตอนนี้ รอความชัดเจนจากรัฐในการออกระเบียบต่าง ๆ ไม่อยากให้มองว่าเอกชนฉกฉวยโอกาสในช่วงนี้ เพราะยังไงรัฐน่าจะยืนเจตนารมณ์เหมือนเดิมที่จะคุมการก่อสร้างโดยรอบนี้ มันได้ไม่คุ้มเสีย กลายเป็นการเสียหายครั้งที่ 2 ซึ่งครั้งแรก เราพัฒนา เพราะไม่มีกฎหมายอะไรเลย" นายประเสริฐกล่าวย้ำ
อนึ่ง เมื่อต้นปี 2554 บริษัทพฤกษาฯได้เปิดขายโครงการเดอะทรี เกียกกาย บนเนื้อที่ 6 ไร่ ถนนประชาราษฎร์สาย 1 รูปแบบเดิมออกแบบเป็นอาคารชุดพักอาศัยสูง 32 ชั้น 1 อาคาร และสูง 34 ชั้น 1 อาคาร จำนวน 1,047 ยูนิต ราคาขายเริ่ม 1.25 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 1,600 ล้านบาท
ต่อมาได้มีการประกาศคุมกำเนิดการพัฒนาอาคารแนวสูงโดยกรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย มีผลทำให้โครงการเดอะทรี เกียกกาย ซึ่งมียอดจองซื้อหมดทุกยูนิต จะต้องคืนเงินจองให้กับลูกค้า โดยที่ดินแปลงดังกล่าวต้องหยุดการพัฒนาโดยปริยาย รอจนกว่าจะมีความชัดเจนในเรื่องกฎหมาย ว่าจะสามารถพัฒนาโครงการได้ที่ระดับความสูงเท่าใด
ที่มา ประชาชาติธุรกิจ