หลังจากผ่านพ้นศักราชใหม่มาเพียงไม่นานผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นบริษัทมหาชน หลายค่ายทยอยประกาศแผนลงทุนปี2555 และอีกหลายค่ายรอจ่อคิวเปิดตัวโฉมหน้าโครงการใหม่ในปีนี้ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับทั้งนักลงทุนและภาพรวมตลาด อีกทั้งยังเป็นการสะท้อนความมั่นใจต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ของกลุ่มผู้ประกอบการด้วย
หากวิเคราะห์จากดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการที่ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ได้สำรวจเมื่อไตรมาส 4/2554 ที่ผ่านมา พบว่าดัชนีความเชื่อมั่นหล่นมาอยู่ที่ 37.2 จากค่ากลางดัชนีอยู่ที่ 50.0 ซึ่งนับเป็นค่าดัชนีความเชื่อมั่นที่ตกต่ำที่สุดในรอบ 3 ปี นับจากวิกฤตเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา หรือแฮมเบอร์เกอร์ ไครซิส ที่เกิดขึ้นในช่วงปลายปี 2551
ในช่วงเวลาดังกล่าวผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ทั้งบริษัทในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และที่อยู่นอกตลาดหลักทรัพย์ฯล้วนมองใกล้เคียงกัน โดยฝั่งบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ฯ มีค่าดัชนีอยู่ที่ 36.6 ต่ำกว่าบริษัทนอกตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่มีความเชื่อมั่นอยู่ที่ 37.8
ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นในอีก 6 เดือนข้างหน้าที่มองจากไตรมาส 4 ปีที่แล้ว ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ล้วนมองเชิงบวก สะท้อนได้จากดัชนีความเชื่อมั่นขยับมาอยู่ที่ 60.8 แม้จะต่ำกว่าความคาดหวังในช่วงไตรมาส 3 ที่มองไปถึงไตรมาส 4 ก็ตาม แต่ถือเป็นแนวโน้มที่ดีว่า ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ล้วนมีความมั่นใจต่อตลาดใน 6 เดือนแรกของปีนี้ โดยเฉพาะผู้ประกอบการรายใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นเป็น 65.5 ส่วนบริษัทนอกตลาดหลักทรัพย์ฯ ความเชื่อมั่นขยับขึ้นมาเพียง 56.2
คาดบิ๊กอสังหาฯ เร่งเข็นแนวสูง
สัมมา คีตสิน ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่า ประเมินจากตัวเลขดัชนีความมั่นใจ ผู้ประกอบการมองตลาดเป็นบวกมาก แต่คงต้องจับตาแผนการลงทุนของทุกค่ายก่อนจึงจะวิเคราะห์ได้ชัดเจนว่า ทิศทางปี 2555 ของค่ายใหญ่เป็นเช่นไร ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะสะท้อนภาพของตลาดได้เป็นอย่างดี
ศูนย์ข้อมูลฯ ได้ประเมินสถานการณ์ในเบื้องต้นว่า ช่วงตอนต้นของปีนี้ค่ายใหญ่คงเลือกเปิดตัวคอนโดมิเนียมใหม่ก่อน รองรับกับความต้องการของตลาดที่หันมาสนใจคอนโดมิเนียมในเมืองมากขึ้น หลังวิกฤตน้ำท่วมกระทบบ้านแนวราบอย่างหนัก ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นโครงการที่เลื่อนการเปิดตัวมาจากปลายปีที่แล้วมาเร่งเปิดตัวในไตรมาสแรกของปีแทน
ด้านภาพรวมการเปิดตัวโครงการใหม่นี้มีแนวโน้มลดลง โดยจะเห็นว่ารายใหญ่บางรายประกาศแล้วว่าจะลดการเปิดตัวโครงการใหม่ลงไป โดยเฉพาะบ้านแนวราบ คงต้องรอดูสถานการณ์รอบด้านเป็นหลัก หรืออาจจะต้องรอให้หน้าฝนผ่านไปก่อน จึงคาดว่าจำนวนยูนิตเปิดใหม่จะอยู่ที่ 9 หมื่นหน่วย แบ่งเป็น แนวราบ 4 หมื่นหน่วย และคอนโดมิเนียม 5 หมื่นหน่วย
สำหรับตัวเลขบ้านแนวราบที่เห็นว่ายังคงใกล้เคียงกับแนวสูง ศูนย์ข้อมูลฯ ระบุว่า เป็นผลจากการที่แนวราบจะเติบโตจากทำเลอื่นๆที่ไม่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม หรือได้รับผลกระทบน้อย ซึ่งจะฟื้นตัวได้เร็วกว่าที่น้ำท่วมหนัก คงใช้เวลาฟื้นตัวนาน ส่วนยอดการโอนกรรมสิทธิ์ทั้งปีคาดว่าจะอยู่ที่ 1.5 แสนหน่วยขยับขึ้นจากปีที่แล้วที่คาดว่ายอดโอนอยู่ที่ 1.4 แสนหน่วย
ค่ายใหญ่เมินน้องน้ำ พร้อมลุยต่อ
ตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นที่มีต่อต้นปีแรกของปีนี้สอดคล้องกับการประกาศแผนการลงทุนปี 2555 ของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์หลายค่ายที่เริ่มทยอยเปิดตัว ไม่ว่าจะเป็น ศุภาลัยพร้อมเปิดตัวโครงการใหม่ต่อเนื่อง 19 โครงการรวมมูลค่ากว่า 2 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น แนวราบในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล และต่างจังหวัด 13 โครงการ คอนโดมิเนียม 6 โครงการ เน้นบุกหนักต่างจังหวัด เปิดตลาดต่างประเทศ เช่นเดียวกับกลุ่มแสนสิริ ที่ขยายตลาดต่างจังหวัด และหวังรายได้ปีนี้จะต้องเติบโตจากปีที่ผ่านมา 40%
ส่วนรายใหญ่อย่างกลุ่มควอลิตี เฮ้าส์ ในเครือพี่ใหญ่ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ไม่กลัวปัญหาน้ำท่วมรอบใหม่ พร้อมลุยต่อ 23 โครงการใหม่รวมมูลค่า 2.1 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นแนวราบ18 โครงการ และแนวสูง 6 โครงการ พร้อมเร่งขยายสู่ตลาดใหม่ๆ เช่น บุกตลาดบ้านระดับกลางล่าง เปิดตลาดต่างจังหวัดที่เพิ่งเข้าไปลงทุนในปีที่ผ่านมา เช่น ชลบุรี ระยอง ชะอำมากขึ้น เป็นต้น
ขณะที่ยักษ์ใหญ่อย่าง พฤกษา ที่บอบช้ำจากน้ำท่วมครั้งที่ผ่านมาพอสมควร ประกอบกับหลายปัจจัยลบ จึงตัดสินใจลดจำนวนโครงการใหม่ลงเหลือเพียง 49 โครงการ จากเดิมจะเปิดโครงการใหม่มากถึงเกือบ 70 โครงการ แม้จะลดจำนวนโครงการใหม่ลง แต่ 49 โครงการใหม่ก็ยังถือว่าเป็นการเปิดตัวโครงการใหม่มากที่สุดในตลาด และมีมูลค่าสูงกว่า 3.4 หมื่นล้านบาทเน้นพัฒนาโครงการชั้นในเมือง และขยายออกต่างจังหวัด
ส่วนบิ๊กในตลาดคอนโดมิเนียมอย่างบริษัทแอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ ก็ยังเชื่อมั่นในศักยภาพของตลาดแนวสูง โดยเตรียมเปิด คอนโดมิเนียมใหม่อีก 10 โครงการ มูลค่ากว่า 1.5 หมื่นล้านบาท และเปิดตัวโครงการทาวน์เฮาส์ในนามบริษัท พรสันติ ซึ่งเป็นบริษัทลูกอีกอย่างน้อย 2 โครงการ
รอลุ้นเวทีมหกรรมปลุกกำลังซื้อ
มานพ พงศทัต อาจารย์ประจำภาควิชาเคหการ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ทิศทางของผู้ประกอบการรายใหญ่ในปีนี้ยังมีภาพที่ไม่ชัดเจนนัก คงต้องรอให้ผ่านไตรมาสแรกของปีนี้ไปก่อน แต่หากมองเพียงผิวเผิน คนหันมาซื้อคอนโดมิเนียมมากขึ้น เพราะยังขยาดกับน้ำท่วมบ้านในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ซึ่งผู้ประกอบการทุกรายต้องปรับยุทธศาสตร์ใหม่หมด ต้องออกไปหาตลาดต่างประเทศ ตลาดต่างจังหวัด เมืองชายทะเลชะลอการซื้อที่ดินที่น้ำท่วม รอดูว่ารัฐบาลจะทำอย่างไร
ถ้ายังไม่มีมาตรการที่ชัดเจนก็ยังไม่มีความเชื่อมั่น และนักลงทุนก็จะต้องประเมินว่าจะป้องกันตัวเองอย่างไรหากเกิดอุทกภัยครั้งใหม่ขึ้น ส่วนฟากผู้บริโภคคาดว่างานมหกรรมบ้านและคอนโดที่จะมีขึ้นในช่วงต้นเดือน มี.ค.นี้ จะเป็นเวทีที่สะท้อนกำลังซื้อและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี โดยจะเห็นชัดเลยว่าที่อยู่อาศัยแบบใดเป็นพระเอกของตลาดในปีนี้คนจะยังซื้อบ้านอยู่หรือไม่
แม้ภาวะตลาดจะยังไม่เอื้ออำนวย แต่ด้วยความกดดันจากหลายด้าน โดยเฉพาะในแง่ของผลการดำเนินการ การสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน จะทำให้บรรดาบิ๊กๆ อสังหาฯ จำเป็นที่จะต้องเดินหน้าลุยเพื่อสร้างพื้นที่ปลอดภัยให้กับตัวเอง การแข่งขันกับรายใหญ่ด้วยกันเองก็จะยิ่งเข้มข้นขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย
ที่มา: หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์
หากวิเคราะห์จากดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการที่ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ได้สำรวจเมื่อไตรมาส 4/2554 ที่ผ่านมา พบว่าดัชนีความเชื่อมั่นหล่นมาอยู่ที่ 37.2 จากค่ากลางดัชนีอยู่ที่ 50.0 ซึ่งนับเป็นค่าดัชนีความเชื่อมั่นที่ตกต่ำที่สุดในรอบ 3 ปี นับจากวิกฤตเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา หรือแฮมเบอร์เกอร์ ไครซิส ที่เกิดขึ้นในช่วงปลายปี 2551
ในช่วงเวลาดังกล่าวผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ทั้งบริษัทในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และที่อยู่นอกตลาดหลักทรัพย์ฯล้วนมองใกล้เคียงกัน โดยฝั่งบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ฯ มีค่าดัชนีอยู่ที่ 36.6 ต่ำกว่าบริษัทนอกตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่มีความเชื่อมั่นอยู่ที่ 37.8
ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นในอีก 6 เดือนข้างหน้าที่มองจากไตรมาส 4 ปีที่แล้ว ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ล้วนมองเชิงบวก สะท้อนได้จากดัชนีความเชื่อมั่นขยับมาอยู่ที่ 60.8 แม้จะต่ำกว่าความคาดหวังในช่วงไตรมาส 3 ที่มองไปถึงไตรมาส 4 ก็ตาม แต่ถือเป็นแนวโน้มที่ดีว่า ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ล้วนมีความมั่นใจต่อตลาดใน 6 เดือนแรกของปีนี้ โดยเฉพาะผู้ประกอบการรายใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นเป็น 65.5 ส่วนบริษัทนอกตลาดหลักทรัพย์ฯ ความเชื่อมั่นขยับขึ้นมาเพียง 56.2
คาดบิ๊กอสังหาฯ เร่งเข็นแนวสูง
สัมมา คีตสิน ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่า ประเมินจากตัวเลขดัชนีความมั่นใจ ผู้ประกอบการมองตลาดเป็นบวกมาก แต่คงต้องจับตาแผนการลงทุนของทุกค่ายก่อนจึงจะวิเคราะห์ได้ชัดเจนว่า ทิศทางปี 2555 ของค่ายใหญ่เป็นเช่นไร ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะสะท้อนภาพของตลาดได้เป็นอย่างดี
ศูนย์ข้อมูลฯ ได้ประเมินสถานการณ์ในเบื้องต้นว่า ช่วงตอนต้นของปีนี้ค่ายใหญ่คงเลือกเปิดตัวคอนโดมิเนียมใหม่ก่อน รองรับกับความต้องการของตลาดที่หันมาสนใจคอนโดมิเนียมในเมืองมากขึ้น หลังวิกฤตน้ำท่วมกระทบบ้านแนวราบอย่างหนัก ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นโครงการที่เลื่อนการเปิดตัวมาจากปลายปีที่แล้วมาเร่งเปิดตัวในไตรมาสแรกของปีแทน
ด้านภาพรวมการเปิดตัวโครงการใหม่นี้มีแนวโน้มลดลง โดยจะเห็นว่ารายใหญ่บางรายประกาศแล้วว่าจะลดการเปิดตัวโครงการใหม่ลงไป โดยเฉพาะบ้านแนวราบ คงต้องรอดูสถานการณ์รอบด้านเป็นหลัก หรืออาจจะต้องรอให้หน้าฝนผ่านไปก่อน จึงคาดว่าจำนวนยูนิตเปิดใหม่จะอยู่ที่ 9 หมื่นหน่วย แบ่งเป็น แนวราบ 4 หมื่นหน่วย และคอนโดมิเนียม 5 หมื่นหน่วย
สำหรับตัวเลขบ้านแนวราบที่เห็นว่ายังคงใกล้เคียงกับแนวสูง ศูนย์ข้อมูลฯ ระบุว่า เป็นผลจากการที่แนวราบจะเติบโตจากทำเลอื่นๆที่ไม่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม หรือได้รับผลกระทบน้อย ซึ่งจะฟื้นตัวได้เร็วกว่าที่น้ำท่วมหนัก คงใช้เวลาฟื้นตัวนาน ส่วนยอดการโอนกรรมสิทธิ์ทั้งปีคาดว่าจะอยู่ที่ 1.5 แสนหน่วยขยับขึ้นจากปีที่แล้วที่คาดว่ายอดโอนอยู่ที่ 1.4 แสนหน่วย
ค่ายใหญ่เมินน้องน้ำ พร้อมลุยต่อ
ตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นที่มีต่อต้นปีแรกของปีนี้สอดคล้องกับการประกาศแผนการลงทุนปี 2555 ของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์หลายค่ายที่เริ่มทยอยเปิดตัว ไม่ว่าจะเป็น ศุภาลัยพร้อมเปิดตัวโครงการใหม่ต่อเนื่อง 19 โครงการรวมมูลค่ากว่า 2 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น แนวราบในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล และต่างจังหวัด 13 โครงการ คอนโดมิเนียม 6 โครงการ เน้นบุกหนักต่างจังหวัด เปิดตลาดต่างประเทศ เช่นเดียวกับกลุ่มแสนสิริ ที่ขยายตลาดต่างจังหวัด และหวังรายได้ปีนี้จะต้องเติบโตจากปีที่ผ่านมา 40%
ส่วนรายใหญ่อย่างกลุ่มควอลิตี เฮ้าส์ ในเครือพี่ใหญ่ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ไม่กลัวปัญหาน้ำท่วมรอบใหม่ พร้อมลุยต่อ 23 โครงการใหม่รวมมูลค่า 2.1 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นแนวราบ18 โครงการ และแนวสูง 6 โครงการ พร้อมเร่งขยายสู่ตลาดใหม่ๆ เช่น บุกตลาดบ้านระดับกลางล่าง เปิดตลาดต่างจังหวัดที่เพิ่งเข้าไปลงทุนในปีที่ผ่านมา เช่น ชลบุรี ระยอง ชะอำมากขึ้น เป็นต้น
ขณะที่ยักษ์ใหญ่อย่าง พฤกษา ที่บอบช้ำจากน้ำท่วมครั้งที่ผ่านมาพอสมควร ประกอบกับหลายปัจจัยลบ จึงตัดสินใจลดจำนวนโครงการใหม่ลงเหลือเพียง 49 โครงการ จากเดิมจะเปิดโครงการใหม่มากถึงเกือบ 70 โครงการ แม้จะลดจำนวนโครงการใหม่ลง แต่ 49 โครงการใหม่ก็ยังถือว่าเป็นการเปิดตัวโครงการใหม่มากที่สุดในตลาด และมีมูลค่าสูงกว่า 3.4 หมื่นล้านบาทเน้นพัฒนาโครงการชั้นในเมือง และขยายออกต่างจังหวัด
ส่วนบิ๊กในตลาดคอนโดมิเนียมอย่างบริษัทแอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ ก็ยังเชื่อมั่นในศักยภาพของตลาดแนวสูง โดยเตรียมเปิด คอนโดมิเนียมใหม่อีก 10 โครงการ มูลค่ากว่า 1.5 หมื่นล้านบาท และเปิดตัวโครงการทาวน์เฮาส์ในนามบริษัท พรสันติ ซึ่งเป็นบริษัทลูกอีกอย่างน้อย 2 โครงการ
รอลุ้นเวทีมหกรรมปลุกกำลังซื้อ
มานพ พงศทัต อาจารย์ประจำภาควิชาเคหการ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ทิศทางของผู้ประกอบการรายใหญ่ในปีนี้ยังมีภาพที่ไม่ชัดเจนนัก คงต้องรอให้ผ่านไตรมาสแรกของปีนี้ไปก่อน แต่หากมองเพียงผิวเผิน คนหันมาซื้อคอนโดมิเนียมมากขึ้น เพราะยังขยาดกับน้ำท่วมบ้านในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ซึ่งผู้ประกอบการทุกรายต้องปรับยุทธศาสตร์ใหม่หมด ต้องออกไปหาตลาดต่างประเทศ ตลาดต่างจังหวัด เมืองชายทะเลชะลอการซื้อที่ดินที่น้ำท่วม รอดูว่ารัฐบาลจะทำอย่างไร
ถ้ายังไม่มีมาตรการที่ชัดเจนก็ยังไม่มีความเชื่อมั่น และนักลงทุนก็จะต้องประเมินว่าจะป้องกันตัวเองอย่างไรหากเกิดอุทกภัยครั้งใหม่ขึ้น ส่วนฟากผู้บริโภคคาดว่างานมหกรรมบ้านและคอนโดที่จะมีขึ้นในช่วงต้นเดือน มี.ค.นี้ จะเป็นเวทีที่สะท้อนกำลังซื้อและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี โดยจะเห็นชัดเลยว่าที่อยู่อาศัยแบบใดเป็นพระเอกของตลาดในปีนี้คนจะยังซื้อบ้านอยู่หรือไม่
แม้ภาวะตลาดจะยังไม่เอื้ออำนวย แต่ด้วยความกดดันจากหลายด้าน โดยเฉพาะในแง่ของผลการดำเนินการ การสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน จะทำให้บรรดาบิ๊กๆ อสังหาฯ จำเป็นที่จะต้องเดินหน้าลุยเพื่อสร้างพื้นที่ปลอดภัยให้กับตัวเอง การแข่งขันกับรายใหญ่ด้วยกันเองก็จะยิ่งเข้มข้นขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย
ที่มา: หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์