“เครือสหพัฒน์” จับมือ “ชาญอิสสระ” รุกธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เต็มสูบ ทุ่มงบกว่าหมื่นล้านพัฒนาที่ดินชายหาดชะอำกว่า 90 ไร่ ผุด “มิกซ์ยูส คอนโดฯ–โรงแรม–คอมมิวนิตี้มอลล์” ครบสูตร ลุยเฟสแรกขึ้นคอนโดฯหรู 5 แท่ง มูลค่า 1,700 ล้านบาท มุ่งเจาะลูกค้าระดับบน ปีหน้าเตรียมขึ้นเฟส 2 ลุยธุรกิจโรงแรม
นายบุญเกียรติ โชควัฒนา กรรมการผู้อำนวยการ และประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไอ.ซี.ซี.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) เครือสหพัฒน์ เปิดเผยว่า ขณะนี้เครือสหพัฒน์ได้หันมาบุกการลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยแนวทางของบริษัทจะพัฒนาแบบค่อยเป็นค่อยไป เพราะธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าวยังไม่ใช่ธุรกิจหลักของบริษัท
โดยล่าสุด ทางสหพัฒนพิบูล และบริษัท ไอ.ซี.ซี.ได้ร่วมทุนกับบริษัท ชาญอิสสระ ดีเวลล็อปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) จัดตั้งบริษัท ร่วมอิสสระ จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียน 80 ล้านบาท ในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ร่วมที่ชายหาดชะอำโดยเฉพาะ
รุกคอนโด–โรงแรม–คอมมิวนิตี้มอลล์
โดยในเบื้องต้น บริษัทร่วมอิสสระจะนำที่ดินที่ติดหาดจำนวน 13 ไร่ จากที่ดินทั้งผืนกว่า 90 ไร่ มาพัฒนาโครงการรีสอร์ตคอนโดมิเนียมหรูติดทะเลภายใต้แบรนด์ “บ้านทิวทะเล ชะอำ–หัวหิน” จำนวน 270 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,700 ล้านบาทก่อน ซึ่งขณะนี้มียอดขายโครงการไปแล้วกว่า 25% และตามแผนการพัฒนาโครงการนั้นจะทยอยพัฒนาที่ดินทีละเฟสรวม 4-5 เฟส โดยใช้เวลา 6-7 ปี ซึ่งแต่ละเฟสจะขึ้นอยู่กับจังหวะและทิศทางของตลาดด้วย
โดยหลังการพัฒนาโครงการในระยะแรกไปแล้ว โครงการต่อไปจะเป็นการลงทุนในโครงการด้านโรงแรมและคอมมิวนิตี้มอลล์ ด้านติดถนนเพชรเกษมต่อไป
“เชื่อมั่นว่าศักยภาพของทำเลที่ตั้งของที่ดินรวมกว่า 90 ไร่ ด้านหน้าติดถนนเพชรเกษม ด้านหลังติดหาดชะอำ น่าจะทำขึ้นโครงการที่รวมความสะดวกสบายในการใช้ชีวิต ทั้งคอนโดฯ โรงแรม และคอมมิวนิตี้มอลล์”
ส่วนสาเหตุที่ “เครือสหพัฒน์” เลือกกลุ่ม “ชาญอิสสระ” เข้ามาร่วมลงทุนในโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์นั้น นายบุญเกียรติกล่าวว่า เนื่องจากตนกับนายสงกรานต์ อิสสระ มีความสนิทสนมกันมานาน และที่ผ่านมาเห็นว่ากลุ่มชาญอิสสระมีประสบการณ์ด้านการพัฒนาตลาดอสังหาริมทรัพย์มานานและประสบความสำเร็จ จึงตัดสินใจร่วมลงทุนในการพัฒนาที่ดินชายหาดทะเลชะอำดังกล่าว ล่าสุดโครงการบ้านชานทะเลที่ชะอำของกลุ่มชาญอิสสระก็ประสบความสำเร็จ ลูกค้าส่วนใหญ่ก็มั่นใจในความเป็นมืออาชีพและชื่อเสียงของทั้งสองบริษัท
ดังนั้น จึงมั่นใจว่าโครงการ “บ้านทิวทะเล” จะประสบความสำเร็จอย่างมาก ส่วนการแบ่งความรับผิดชอบนั้น ทางกลุ่ม “ชาญอิสสระ” จะเป็นผู้ดำเนินการบริหารโครงการทั้งหมด ส่วนตนจะดูเรื่องที่ดิน
เจาะตลาดลูกค้าระดับบน
ด้านนายสงกรานต์ อิสสระ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาญอิสสระ ดีเวลล็อปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้มีการวางแผนพัฒนาทั้ง 90 ไร่ บนหาดชะอำไว้แล้ว มูลค่าโครงการไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท แบ่งการพัฒนาออกเป็น 4-5 เฟส โดยทำเลด้านติดทะเลจะพัฒนาเป็นคอนโดมิเนียมและโรงแรม ส่วนที่ติดถนนเพชรเกษมจะพัฒนาเป็นคอมมิวนิตี้มอลล์ โดยเฟสแรกจะพัฒนาเป็นคอนโดฯติดริมทะเล 13 ไร่รวม 5 อาคาร ด้านหน้าเป็นอาคารสูง 4 ชั้น 4 อาคาร และอาคารสูง 15 ชั้น 1 อาคาร ทางด้านหลัง โดยมุ่งเจาะกลุ่มลูกค้าบีบวกถึงเอเป็นหลัก
ทั้งนี้ โครงการบ้านทิวทะเลมีขนาดห้องให้เลือก 3 แบบ คือ 1 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอย 42.66 ตารางเมตร ราคา 2.9-3.8 ล้านบาท หรือเฉลี่ย 73,000-90,000 บาทต่อตารางเมตร ขนาด 2 ห้องนอน ราคา 6.2-9.8 ล้านบาท และขนาด 3 ห้องนอน ราคา 11-13 ล้านบาท ส่วนห้องติดทะเลมีขนาด 155-175 ตารางเมตร ราคาขาย 24-28 ล้านบาท หรือเฉลี่ย 150,000-170,000 บาทต่อตารางเมตร ซึ่งมีเพียง 18 ยูนิต ปัจจุบันลูกค้าจองแล้ว 8 ยูนิต
ส่วนพื้นที่ที่เหลือจะพัฒนาเป็น “รีสอร์ต คอนโดฯ” เพราะตอนนี้ตลาดชะอำ-หัวหินรูปแบบนี้กำลังมาแรง หลังจากที่ดินบริเวณหัวหินปรับราคาขึ้นมามากและพัฒนาจนเต็มพื้นที่แล้ว ตลาดอสังหาริมทรัพย์จึงขยายตัวมายังชะอำมากขึ้น คาดว่าโครงการบ้านทิวทะเลจะปิดการขายได้เร็วขึ้น “แม้ทำเลใกล้ๆจะมีคอนโดฯเปิดขายกันมาก แต่บ้านทิวทะเลมีจุดขายต่างจากโครงการอื่นๆ คือ ฟากหนึ่งติดชายหาดทะเลชะอำ ขณะที่อีกฟากฝั่งหนึ่งติดถนนใหญ่ถนนเพชรเกษม ทำให้เรามั่นใจว่าโครงการจะได้รับความมั่นใจจากลูกค้าอย่างแน่นอน”
นายสงกรานต์กล่าวต่อว่า ในส่วนการลงทุนในเฟส 2 นั้น ทางบริษัทร่วมทุนร่วมอิสสระจะพัฒนาเป็นโรงแรม โดยคาดว่าจะเริ่มโครงการได้ประมาณปลายปี 2555 เนื่องจากต้องรอประเมินผลจากโครงการบ้านทิวทะเลก่อนว่าจะประสบความสำเร็จมากน้อยแค่ไหน.
ที่มา: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
นายบุญเกียรติ โชควัฒนา กรรมการผู้อำนวยการ และประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไอ.ซี.ซี.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) เครือสหพัฒน์ เปิดเผยว่า ขณะนี้เครือสหพัฒน์ได้หันมาบุกการลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยแนวทางของบริษัทจะพัฒนาแบบค่อยเป็นค่อยไป เพราะธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าวยังไม่ใช่ธุรกิจหลักของบริษัท
โดยล่าสุด ทางสหพัฒนพิบูล และบริษัท ไอ.ซี.ซี.ได้ร่วมทุนกับบริษัท ชาญอิสสระ ดีเวลล็อปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) จัดตั้งบริษัท ร่วมอิสสระ จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียน 80 ล้านบาท ในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ร่วมที่ชายหาดชะอำโดยเฉพาะ
รุกคอนโด–โรงแรม–คอมมิวนิตี้มอลล์
โดยในเบื้องต้น บริษัทร่วมอิสสระจะนำที่ดินที่ติดหาดจำนวน 13 ไร่ จากที่ดินทั้งผืนกว่า 90 ไร่ มาพัฒนาโครงการรีสอร์ตคอนโดมิเนียมหรูติดทะเลภายใต้แบรนด์ “บ้านทิวทะเล ชะอำ–หัวหิน” จำนวน 270 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,700 ล้านบาทก่อน ซึ่งขณะนี้มียอดขายโครงการไปแล้วกว่า 25% และตามแผนการพัฒนาโครงการนั้นจะทยอยพัฒนาที่ดินทีละเฟสรวม 4-5 เฟส โดยใช้เวลา 6-7 ปี ซึ่งแต่ละเฟสจะขึ้นอยู่กับจังหวะและทิศทางของตลาดด้วย
โดยหลังการพัฒนาโครงการในระยะแรกไปแล้ว โครงการต่อไปจะเป็นการลงทุนในโครงการด้านโรงแรมและคอมมิวนิตี้มอลล์ ด้านติดถนนเพชรเกษมต่อไป
“เชื่อมั่นว่าศักยภาพของทำเลที่ตั้งของที่ดินรวมกว่า 90 ไร่ ด้านหน้าติดถนนเพชรเกษม ด้านหลังติดหาดชะอำ น่าจะทำขึ้นโครงการที่รวมความสะดวกสบายในการใช้ชีวิต ทั้งคอนโดฯ โรงแรม และคอมมิวนิตี้มอลล์”
ส่วนสาเหตุที่ “เครือสหพัฒน์” เลือกกลุ่ม “ชาญอิสสระ” เข้ามาร่วมลงทุนในโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์นั้น นายบุญเกียรติกล่าวว่า เนื่องจากตนกับนายสงกรานต์ อิสสระ มีความสนิทสนมกันมานาน และที่ผ่านมาเห็นว่ากลุ่มชาญอิสสระมีประสบการณ์ด้านการพัฒนาตลาดอสังหาริมทรัพย์มานานและประสบความสำเร็จ จึงตัดสินใจร่วมลงทุนในการพัฒนาที่ดินชายหาดทะเลชะอำดังกล่าว ล่าสุดโครงการบ้านชานทะเลที่ชะอำของกลุ่มชาญอิสสระก็ประสบความสำเร็จ ลูกค้าส่วนใหญ่ก็มั่นใจในความเป็นมืออาชีพและชื่อเสียงของทั้งสองบริษัท
ดังนั้น จึงมั่นใจว่าโครงการ “บ้านทิวทะเล” จะประสบความสำเร็จอย่างมาก ส่วนการแบ่งความรับผิดชอบนั้น ทางกลุ่ม “ชาญอิสสระ” จะเป็นผู้ดำเนินการบริหารโครงการทั้งหมด ส่วนตนจะดูเรื่องที่ดิน
เจาะตลาดลูกค้าระดับบน
ด้านนายสงกรานต์ อิสสระ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาญอิสสระ ดีเวลล็อปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้มีการวางแผนพัฒนาทั้ง 90 ไร่ บนหาดชะอำไว้แล้ว มูลค่าโครงการไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท แบ่งการพัฒนาออกเป็น 4-5 เฟส โดยทำเลด้านติดทะเลจะพัฒนาเป็นคอนโดมิเนียมและโรงแรม ส่วนที่ติดถนนเพชรเกษมจะพัฒนาเป็นคอมมิวนิตี้มอลล์ โดยเฟสแรกจะพัฒนาเป็นคอนโดฯติดริมทะเล 13 ไร่รวม 5 อาคาร ด้านหน้าเป็นอาคารสูง 4 ชั้น 4 อาคาร และอาคารสูง 15 ชั้น 1 อาคาร ทางด้านหลัง โดยมุ่งเจาะกลุ่มลูกค้าบีบวกถึงเอเป็นหลัก
ทั้งนี้ โครงการบ้านทิวทะเลมีขนาดห้องให้เลือก 3 แบบ คือ 1 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอย 42.66 ตารางเมตร ราคา 2.9-3.8 ล้านบาท หรือเฉลี่ย 73,000-90,000 บาทต่อตารางเมตร ขนาด 2 ห้องนอน ราคา 6.2-9.8 ล้านบาท และขนาด 3 ห้องนอน ราคา 11-13 ล้านบาท ส่วนห้องติดทะเลมีขนาด 155-175 ตารางเมตร ราคาขาย 24-28 ล้านบาท หรือเฉลี่ย 150,000-170,000 บาทต่อตารางเมตร ซึ่งมีเพียง 18 ยูนิต ปัจจุบันลูกค้าจองแล้ว 8 ยูนิต
ส่วนพื้นที่ที่เหลือจะพัฒนาเป็น “รีสอร์ต คอนโดฯ” เพราะตอนนี้ตลาดชะอำ-หัวหินรูปแบบนี้กำลังมาแรง หลังจากที่ดินบริเวณหัวหินปรับราคาขึ้นมามากและพัฒนาจนเต็มพื้นที่แล้ว ตลาดอสังหาริมทรัพย์จึงขยายตัวมายังชะอำมากขึ้น คาดว่าโครงการบ้านทิวทะเลจะปิดการขายได้เร็วขึ้น “แม้ทำเลใกล้ๆจะมีคอนโดฯเปิดขายกันมาก แต่บ้านทิวทะเลมีจุดขายต่างจากโครงการอื่นๆ คือ ฟากหนึ่งติดชายหาดทะเลชะอำ ขณะที่อีกฟากฝั่งหนึ่งติดถนนใหญ่ถนนเพชรเกษม ทำให้เรามั่นใจว่าโครงการจะได้รับความมั่นใจจากลูกค้าอย่างแน่นอน”
นายสงกรานต์กล่าวต่อว่า ในส่วนการลงทุนในเฟส 2 นั้น ทางบริษัทร่วมทุนร่วมอิสสระจะพัฒนาเป็นโรงแรม โดยคาดว่าจะเริ่มโครงการได้ประมาณปลายปี 2555 เนื่องจากต้องรอประเมินผลจากโครงการบ้านทิวทะเลก่อนว่าจะประสบความสำเร็จมากน้อยแค่ไหน.
ที่มา: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ