นักลงทุนระดับโลกกำลังอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ภูมิภาคเอเชียเพื่อแสวงหาผลตอบแทนที่สูงขึ้นและหนึ่งในเป้าหมายการลงทุนคือพื้นที่อาคารสำนักงานในภูมิภาคนี้ โดยมีตลาดเกาหลีใต้ ออสเตรเลีย และจีน เป็นจุดหมายสำคัญ
ข้อมูลจากบริษัทวิจัย คุชแมน แอนด์ เวคฟีลด์ ระบุว่า ปัจจัยที่สนับสนุนให้กองทุนเพื่อการลงทุนจากนานาประเทศมีทิศทางมุ่งกลับสู่เอเชียอีกครั้งคืออัตราดอกเบี้ยโลกซึ่งอยู่ในเกณฑ์ต่ำและมีสิ่งบ่งชี้มากขึ้นว่าเศรษฐกิจโลกในภาพรวมกำลังฟื้นตัว ท่ามกลางแนวโน้มดังกล่าวทำให้มีการลงทุนซื้อพื้นที่อาคารสำนักงานในภูมิภาคเอเชียโดยบรรดากองทุนเหล่านี้เป็นมูลค่ารวมสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 6.16 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือกว่า 1.97 แสนล้านบาท (ข้อมูล ณ ไตรมาส 2 ของปี 2557) ซึ่งมากกว่าสถิติช่วงเดียวกันของปี 2556 มากกว่า 2 เท่า
ซิกริด เซียลซิตา กรรมการผู้จัดการฝ่ายวิจัยภูมิภาคเอเชียของคุชแมน แอนด์ เวคฟีลด์ ซึ่งตั้งอยู่ที่สิงคโปร์ เปิดเผยว่า ขณะนี้กำลังมีกระแสเงินทุนหลั่งไหลเข้าสู่ภูมิภาคเอเชีย ซึ่งมันเปรียบได้กับการเทคะแนนความไว้วางใจ (ของนักลงทุน) ให้กับภูมิภาคนี้ และพวกเขาก็มองว่า เอเชีย-แปซิฟิกคือตลาดแห่งการเติบโตในอนาคต ทั้งนี้ ตลาดอาคารสำนักงานของเกาหลีใต้และออสเตรเลียคือเป้าหมายการลงทุนในระดับต้นๆ โดยผลตอบแทนจากการให้เช่าอาคารสำนักงานจะอยู่ที่ระดับ 5-7% ต่อปีใน 2 ตลาดดังกล่าว
การเข้าซื้ออาคารสำนักงานโดยผู้ลงทุนต่างชาติในประเทศเกาหลีใต้เพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่าในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2557 คิดเป็นมูลค่ารวม 1.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ มากที่สุดคือในเดือนมิถุนายนที่มีเม็ดเงินลงทุนเข้ามาถึง 497.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯจากการเข้าซื้ออาคารสำนักงานเค ทวิน ทาวเวอร์ ซึ่งเป็นอาคารสูง 22 ชั้นใจกลางกรุงโซล โดยบริษัท เคเคอาร์ แอนด์ โคฯ ร่วมกับบริษัท ลิม แอดไวเซอร์ฯ จากฮ่องกง อีกดีลใหญ่คือการซื้ออาคารเวสต์แพค เพลส ความสูง 33 ชั้นในกรุงซิดนีย์ โดยผู้ซื้อคือบริษัท แบล็คสโตนฯ มูลค่าการลงทุน 403 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
นอกจากเกาหลีใต้และออสเตรเลียแล้ว ตลาดอาคารสำนักงานในจีนก็เป็นอีกจุดหมายปลายทางที่นักลงทุนต่างชาติให้ความสนใจ โดยมูลค่าการซื้อโดยต่างชาติเพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่าเป็น 931 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทั้งๆที่การซื้อพื้นที่อาคารสำนักงานโดยภาพรวมในจีนลดลงถึง 35%
ความต้องการซื้อ (อาคารสำนักงาน) ของนักลงทุนต่างชาติที่พุ่งขึ้นนี้ ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการที่นักลงทุนกำลังมองหาสินทรัพย์ในเอเชียรวมทั้งในตลาดเศรษฐกิจเกิดใหม่ทั่วโลกเพราะหวังผลตอบแทนการลงทุนที่สูงกว่าในสหรัฐอเมริกา ยุโรปและญี่ปุ่น ที่ซึ่งอัตราดอกเบี้ยกำลังอยู่ในระดับต่ำมากเป็นประวัติการณ์ แม้จะเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงขึ้นด้วยก็ตาม
แนวโน้มดังกล่าว ทำให้ธนาคารกลางของสหรัฐอเมริกา หรือเฟด และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ได้ออกแถลงการณ์เตือนเมื่อเดือนที่ผ่านมาว่า นักลงทุนอาจจะมีความคาดหวังในเชิงบวกมากจนเกินไป จนทำให้เกิดกระแสเทการลงทุนไปที่สินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงขึ้น สอดคล้องกับความวิตกกังวลของธนาคารกลางของหลายประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ที่มองว่ากระแสเงินร้อนที่เข้ามามากเกินไปในลักษณะเก็งกำไรอาจก่อให้เกิดปัญหาเงินเฟ้อและฟองสบู่ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ตามมาในภายหลัง นอกจากนี้หากมีการถอนทุนออกไปอย่างรวดเร็วก็จะทำให้ค่าเงินของประเทศนั้นๆอ่อนวูบลง กระทั่งจุดชนวนให้เกิดวิกฤติเศรษฐกิจขึ้นมาได้
ที่มา : หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ
ซิกริด เซียลซิตา กรรมการผู้จัดการฝ่ายวิจัยภูมิภาคเอเชียของคุชแมน แอนด์ เวคฟีลด์ ซึ่งตั้งอยู่ที่สิงคโปร์ เปิดเผยว่า ขณะนี้กำลังมีกระแสเงินทุนหลั่งไหลเข้าสู่ภูมิภาคเอเชีย ซึ่งมันเปรียบได้กับการเทคะแนนความไว้วางใจ (ของนักลงทุน) ให้กับภูมิภาคนี้ และพวกเขาก็มองว่า เอเชีย-แปซิฟิกคือตลาดแห่งการเติบโตในอนาคต ทั้งนี้ ตลาดอาคารสำนักงานของเกาหลีใต้และออสเตรเลียคือเป้าหมายการลงทุนในระดับต้นๆ โดยผลตอบแทนจากการให้เช่าอาคารสำนักงานจะอยู่ที่ระดับ 5-7% ต่อปีใน 2 ตลาดดังกล่าว
การเข้าซื้ออาคารสำนักงานโดยผู้ลงทุนต่างชาติในประเทศเกาหลีใต้เพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่าในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2557 คิดเป็นมูลค่ารวม 1.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ มากที่สุดคือในเดือนมิถุนายนที่มีเม็ดเงินลงทุนเข้ามาถึง 497.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯจากการเข้าซื้ออาคารสำนักงานเค ทวิน ทาวเวอร์ ซึ่งเป็นอาคารสูง 22 ชั้นใจกลางกรุงโซล โดยบริษัท เคเคอาร์ แอนด์ โคฯ ร่วมกับบริษัท ลิม แอดไวเซอร์ฯ จากฮ่องกง อีกดีลใหญ่คือการซื้ออาคารเวสต์แพค เพลส ความสูง 33 ชั้นในกรุงซิดนีย์ โดยผู้ซื้อคือบริษัท แบล็คสโตนฯ มูลค่าการลงทุน 403 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
นอกจากเกาหลีใต้และออสเตรเลียแล้ว ตลาดอาคารสำนักงานในจีนก็เป็นอีกจุดหมายปลายทางที่นักลงทุนต่างชาติให้ความสนใจ โดยมูลค่าการซื้อโดยต่างชาติเพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่าเป็น 931 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทั้งๆที่การซื้อพื้นที่อาคารสำนักงานโดยภาพรวมในจีนลดลงถึง 35%
ความต้องการซื้อ (อาคารสำนักงาน) ของนักลงทุนต่างชาติที่พุ่งขึ้นนี้ ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการที่นักลงทุนกำลังมองหาสินทรัพย์ในเอเชียรวมทั้งในตลาดเศรษฐกิจเกิดใหม่ทั่วโลกเพราะหวังผลตอบแทนการลงทุนที่สูงกว่าในสหรัฐอเมริกา ยุโรปและญี่ปุ่น ที่ซึ่งอัตราดอกเบี้ยกำลังอยู่ในระดับต่ำมากเป็นประวัติการณ์ แม้จะเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงขึ้นด้วยก็ตาม
แนวโน้มดังกล่าว ทำให้ธนาคารกลางของสหรัฐอเมริกา หรือเฟด และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ได้ออกแถลงการณ์เตือนเมื่อเดือนที่ผ่านมาว่า นักลงทุนอาจจะมีความคาดหวังในเชิงบวกมากจนเกินไป จนทำให้เกิดกระแสเทการลงทุนไปที่สินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงขึ้น สอดคล้องกับความวิตกกังวลของธนาคารกลางของหลายประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ที่มองว่ากระแสเงินร้อนที่เข้ามามากเกินไปในลักษณะเก็งกำไรอาจก่อให้เกิดปัญหาเงินเฟ้อและฟองสบู่ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ตามมาในภายหลัง นอกจากนี้หากมีการถอนทุนออกไปอย่างรวดเร็วก็จะทำให้ค่าเงินของประเทศนั้นๆอ่อนวูบลง กระทั่งจุดชนวนให้เกิดวิกฤติเศรษฐกิจขึ้นมาได้
ที่มา : หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ