ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เปิดเผยว่า ในช่วง 10 เดือนแรกธนาคารพาณิชย์ทั้งระบบมีสินทรัพย์รอการขาย(เอ็นพีเอ) ทั้งสิ้น 1.11 แสนล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 5,660 ล้านบาท จาก 1.17 แสนล้านบาท คิดเป็น4.83%
ธนาคารพาณิชย์ที่เอ็นพีเอสูงสุดคือ ธนาคารกรุงไทยมี 4.26 หมื่นล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน 1.91% ธนาคารกรุงเทพ 2 หมื่นล้านบาท ลดลง16.45% ธนาคารไทยพาณิชย์1.1 หมื่นล้านบาท ลดลง 7.51%
ธนาคารที่มีอัตราการเพิ่มของเอ็นพีเอสูงสุดคือ ธนาคารธนชาต 3,650 ล้านบาท จากปีก่อนที่มีอยู่533.94 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 583% เนื่องจากควบรวมกับธนาคารนครหลวงไทยธนาคารเกียรตินาคิน 6,405ล้านบาท จากปีก่อนที่มี 1,493 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 328% ธนาคารทิสโก้ 29.96 ล้านบาท
ธนาคารที่มียอดเอ็นพีเอลดลงสูงสุดคือ ธนาคารทหารไทย 3,936 ล้านบาท ลดลง 48.61% รองลงมาเป็นธนาคารยูโอบี 3,323.91 ล้านบาท ลดลง 35.61% และธนาคารกรุงศรีอยุธยา 6,280 ล้านบาท ลดลง 19.56% เพราะ
ส่วนใหญ่จะขายออกไปให้กับบริษัทบริหารสินทรัพย์ บริหาร
แหล่งข่าวบริษัท บริหารสินทรัพย์ คาดว่า ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปียอดขายเอ็นพีเอจะลดลงอย่างมากและราคาน่าจะปรับลดลง เพราะพื้นที่ส่วนใหญ่เกิดปัญหาน้ำท่วม ทำให้ราคาสินทรัพย์อาจจะตกลงและลูกค้าใช้เวลาตัดสินใจซื้อนานขึ้น
ขณะเดียวกันเอ็นพีเอยังค้างที่กรมบังคับคดีหลายแสนล้านบาท เนื่องจากชะลอการประมูลขายทอดตลาดและมีการเปลี่ยนเกณฑ์การประเมินราคากลาง
ปัจจุบันมีคดียึดทรัพย์ที่ต้องขายทอดตลาดคงค้าง 2.45 แสนล้านบาท โดยในแต่ละปีจะมียอดขายออกไปร่วม 5 หมื่นล้านบาท
ที่มา : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์
ธนาคารพาณิชย์ที่เอ็นพีเอสูงสุดคือ ธนาคารกรุงไทยมี 4.26 หมื่นล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน 1.91% ธนาคารกรุงเทพ 2 หมื่นล้านบาท ลดลง16.45% ธนาคารไทยพาณิชย์1.1 หมื่นล้านบาท ลดลง 7.51%
ธนาคารที่มีอัตราการเพิ่มของเอ็นพีเอสูงสุดคือ ธนาคารธนชาต 3,650 ล้านบาท จากปีก่อนที่มีอยู่533.94 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 583% เนื่องจากควบรวมกับธนาคารนครหลวงไทยธนาคารเกียรตินาคิน 6,405ล้านบาท จากปีก่อนที่มี 1,493 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 328% ธนาคารทิสโก้ 29.96 ล้านบาท
ธนาคารที่มียอดเอ็นพีเอลดลงสูงสุดคือ ธนาคารทหารไทย 3,936 ล้านบาท ลดลง 48.61% รองลงมาเป็นธนาคารยูโอบี 3,323.91 ล้านบาท ลดลง 35.61% และธนาคารกรุงศรีอยุธยา 6,280 ล้านบาท ลดลง 19.56% เพราะ
ส่วนใหญ่จะขายออกไปให้กับบริษัทบริหารสินทรัพย์ บริหาร
แหล่งข่าวบริษัท บริหารสินทรัพย์ คาดว่า ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปียอดขายเอ็นพีเอจะลดลงอย่างมากและราคาน่าจะปรับลดลง เพราะพื้นที่ส่วนใหญ่เกิดปัญหาน้ำท่วม ทำให้ราคาสินทรัพย์อาจจะตกลงและลูกค้าใช้เวลาตัดสินใจซื้อนานขึ้น
ขณะเดียวกันเอ็นพีเอยังค้างที่กรมบังคับคดีหลายแสนล้านบาท เนื่องจากชะลอการประมูลขายทอดตลาดและมีการเปลี่ยนเกณฑ์การประเมินราคากลาง
ปัจจุบันมีคดียึดทรัพย์ที่ต้องขายทอดตลาดคงค้าง 2.45 แสนล้านบาท โดยในแต่ละปีจะมียอดขายออกไปร่วม 5 หมื่นล้านบาท
ที่มา : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์