จากตัวเลขการลงทุนและการขยายตัวของธุรกิจก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์เกือบทุกประเทศในอาเซียน กำลังมีการขยายตัวหลายเท่าตัวต่อปี ส่วนหนึ่งเพราะแต่ละประเทศต้องขยายตัวด้านอาคารและที่พักอาศัยเพิ่มขึ้น เพื่อรองรับการเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558
ไม่แค่รองรับการเข้าออกของประชากรในอาเซียนด้วยกันเอง แต่ยังต้องรองรับนักลงทุนนอกอาเซียนที่กำลังเข้ามาแข่งขันช่วงชิงตลาดในอาเซียน โดยเฉพาะ 6 ประเทศที่มีกรอบการเจรจาความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับอาเซียน ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดีย ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ รวมถึงอเมริกาและสหภาพยุโรป ที่จะมีการเปิดเจรจาต่อไปในอนาคต ซึ่งทำให้ความต้องการธุรกิจเกี่ยวข้องกับการก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้น
นายวิวัธน์ ศรีเจริญวงศ์ นายกสมาคมบริหารทรัพย์สินแห่งประเทศไทย ยืนยันว่า งานบริหารอาคารไม่ว่าเพื่อการพาณิชย์ อย่างโรงแรมขนาดกลางและย่อม คอนโดมิเนียม ห้องพัก หรือบ้านพักอาศัย คนไทยสามารถสู้ต่างชาติได้สบายๆ เพราะไทยเด่นในเรื่องอัตราค่าบริหารงานไม่ได้จัดเก็บเป็นต้นทุนที่ผู้ใช้บริการรับไม่ได้ เหมือนบริษัทต่างชาติที่การคิดอัตราสูงกว่าไทยเป็นเท่าตัว และภาพลักษณ์เด่นในเรื่องความเป็นกันเองและบริการดีเลิศ ที่ต่างชาติลอกเลียนแบบไม่ได้ วิธีการและทักษะการบริหารจัดการก็เป็นสากล จึงไม่ยากที่คนไทยจะเข้าไปแข่งขันในอาเซียน แม้ส่วนใหญ่จะยังเป็นธุรกิจขนาดกลางและย่อม ซึ่ง 70% ยังเป็นธุรกิจเอสเอ็มอี
คุณวิวัธน์ แนะนำไว้ตอนท้ายว่า ธุรกิจไทยยังเข้าไปอาเซียนน้อยเมื่อเทียบกับหลายประเทศ อาจเพราะคนไทยยังติดในเรื่องการเข้าถึงภาษาท้องถิ่นยังน้อย และจะให้ยั่งยืนการเข้าไปหาพันธมิตรในท้องถิ่นเพื่อร่วมทุนน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด ไปเองอาจเหนื่อยและแข่งขันกับทุนสูงกว่าของต่างชาติไม่ได้
...จากผลสำรวจด้านศักยภาพในภาพรวม ไทยเป็นรองแค่สิงคโปร์เท่านั้น..
ที่มา : หนังสือพิมพ์มติชน
นายวิวัธน์ ศรีเจริญวงศ์ นายกสมาคมบริหารทรัพย์สินแห่งประเทศไทย ยืนยันว่า งานบริหารอาคารไม่ว่าเพื่อการพาณิชย์ อย่างโรงแรมขนาดกลางและย่อม คอนโดมิเนียม ห้องพัก หรือบ้านพักอาศัย คนไทยสามารถสู้ต่างชาติได้สบายๆ เพราะไทยเด่นในเรื่องอัตราค่าบริหารงานไม่ได้จัดเก็บเป็นต้นทุนที่ผู้ใช้บริการรับไม่ได้ เหมือนบริษัทต่างชาติที่การคิดอัตราสูงกว่าไทยเป็นเท่าตัว และภาพลักษณ์เด่นในเรื่องความเป็นกันเองและบริการดีเลิศ ที่ต่างชาติลอกเลียนแบบไม่ได้ วิธีการและทักษะการบริหารจัดการก็เป็นสากล จึงไม่ยากที่คนไทยจะเข้าไปแข่งขันในอาเซียน แม้ส่วนใหญ่จะยังเป็นธุรกิจขนาดกลางและย่อม ซึ่ง 70% ยังเป็นธุรกิจเอสเอ็มอี
คุณวิวัธน์ แนะนำไว้ตอนท้ายว่า ธุรกิจไทยยังเข้าไปอาเซียนน้อยเมื่อเทียบกับหลายประเทศ อาจเพราะคนไทยยังติดในเรื่องการเข้าถึงภาษาท้องถิ่นยังน้อย และจะให้ยั่งยืนการเข้าไปหาพันธมิตรในท้องถิ่นเพื่อร่วมทุนน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด ไปเองอาจเหนื่อยและแข่งขันกับทุนสูงกว่าของต่างชาติไม่ได้
...จากผลสำรวจด้านศักยภาพในภาพรวม ไทยเป็นรองแค่สิงคโปร์เท่านั้น..
ที่มา : หนังสือพิมพ์มติชน