โจนส์ แลง ลาซาลล์ ระบุว่า บรรยากาศทางเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้น ส่งผลให้ตลาดออฟฟิศหรือสำนักงานให้เช่าทั่วเอเชียแปซิฟิกมีสภาพคึกคัก โดยในปีที่ผ่านมา เมืองใหญ่ๆ บางเมืองมีปริมาณการเช่าพื้นที่สำนักงานเพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัว
รายงานฉบับดังกล่าวระบุว่า อัตราการว่างของพื้นที่สำนักงานเหลือเช่าในหลายๆ เมืองมีแนวโน้มอยู่ในระดับคงที่ ไปจนถึงปรับตัวลดลง ส่วนค่าเช่า พบว่าในหลายๆ เมืองเริ่มมีการปรับค่าเช่าสูงขึ้น ทั้งนี้ การศึกษาของโจนส์ แลง ลาซาลล์ ครอบคลุมตลาดอาคารสำนักงาน 26 เมืองของเอเชียแปซิฟิก พบว่ามี 12 เมืองที่มีการปรับค่าเช่าสูงขึ้นในไตรมาสที่ผ่าน โดยค่าเช่าเฉลี่ยทั่วภูมิภาคปรับเพิ่มขึ้น 3.1% จากไตรมาสสาม
ปักกิ่งเป็นตลาดอาคารสำนักงานที่มีค่าเช่าปรับตัวขึ้นมากที่สุด คือ 9% ส่วนที่เซี่ยงไฮ้ค่าเช่าปรับเพิ่มขึ้น 7.9% ซึ่งเป็นผลจากการขยายตัวสูงของความต้องการใช้พื้นที่สำนักงานทั้งในส่วนของบริษัทข้ามชาติและบริษัทจีน ที่สิงคโปร์ ค่าเช่าเฉลี่ยปรับเพิ่มขึ้น 8.6% เนื่องจากพื้นที่สำนักงานขาดแคลน ฮ่องกงค่าเช่าขยับเพิ่ม 4.6% เนื่องจากพื้นที่เหลือเช่าน้อยในขณะที่ความต้องการจากภาคธุรกิจการเงินมีการขายตัวต่อเนื่อง ทั้งนี้ เมื่อมองภาพรวมของทั้งปี พบว่า ฮ่องกงเป็นตลาดอาคารสำนักงานที่มีการปรับขึ้นของค่าเช่าสูงสุดในภูมิภาคในปีที่ผ่านมา คือ 33%
อย่างไรก็ดี พบว่าบางเมืองของเอเชียมีค่าเช่าในระดับคงตัวหรือปรับตัวขึ้นไม่มาก เนื่องจากความต้องการใช้พื้นที่สำนักงานในเมืองเหล่านี้ยังคงขยายตัวไม่มาก อาทิ กรุงเทพฯ และกัวลาลัมเปอร์ ซึ่งพบว่าในไตรมาสที่ผ่านมาค่าเช่าไม่เปลี่ยนแปลง ที่โตเกียวค่าเช่าปรับเพิ่มขึ้น 2.7% ส่วนค่าเช่าในเมืองต่างๆ ของออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ มีทั้งที่ปรับเพิ่มขึ้นและลดลง
นายเจรามี เชลดอน ผู้อำนวยการฝ่ายบริการธุรกิจอาคารสำนักงาน โจนส์ แลง ลาซาลล์ภาคพื้นเอเชียแปซิฟิกกล่าวว่า“โดยส่วนใหญ่ ความต้องการในตลาดอาคารสำนักงานของเอเชียแปซิฟิกมีการขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในจีนและอินเดีย บริษัทข้ามชาติมองหาโอกาสการขยายธุรกิจ ในขณะที่มีบริษัทเปิดตัวใหม่เพิ่มขึ้น”
“ในปีนี้ คาดว่า ตลาดอาคารสำนักงานของภูมิภาคจะยังคงมีสภาพคึกคักและอัตราการว่างของพื้นที่สำนักงานเหลือเช่ามีแนวโน้มปรับตัวลดลง ซึ่งภาวะเช่นนี้ ทำให้เจ้าของอาคารเริ่มกลับมามีอำนาจการต่อรองมากขึ้น คาดว่า ในปีนี้ ค่าเช่าพื้นที่สำนักงานเฉลี่ยทั่วเอเชียแปซิฟิก จะขยับตัวเพิ่มสูงขึ้นราว 30% โดยเฉพาะในเมืองที่มีพื้นที่สำนักงานว่างเหลือเช่าในระดับต่ำ แต่ในขณะเดียวกัน ค่าเช่าในตลาดของบางเมืองอาจยังคงไม่มีปรับตัวเพิ่มขึ้นมากนัก
ในส่วนของมูลค่าสินทรัพย์หรือราคาซื้อขายอาคารสำนักงาน พบว่า มูลค่าสินทรัพย์สำหรับอาคารสำนักงานในเมืองส่วนใหญ่ของเอเชียแปซิฟิก มีระดับคงที่ถึงปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยในไตรมาสที่ผ่านมา สิงคโปร์และเซี่ยงไฮ้ ปรับตัวสูงขึ้นมากที่สุด คือ 10% ตามด้วยฮ่องกง ปักกิ่ง และกวางโจว คือประมาณ 7.5% ทั้งนี้ เฉลี่ยทั่วภูมิภาคมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น3.2% ในไตรมาสที่ผ่าน และอีกครั้งที่ฮ่องกงเป็นตลาดอาคารสำนักงานที่มีมูลค่าสินทรัพย์เฉลี่ยทั้งปีปรับเพิ่มขึ้นสูงสุด คือ 36% เนื่องจากมีนักลงทุนสนใจเข้าซื้ออาคารสำนักงานในฮ่องกงอย่างคึกคักในปีที่ผ่านมา
นายสจ๊วต โครว์ ผู้อำนวยการฝ่ายบริการด้านการลงทุน โจนส์ แลง ลาซาลล์ภาคพื้นเอเชียแปซิฟิกกล่าวว่า “โดยทั่วไป นักลงทุนมีความเชื่อมั่นในศักยภาพของตลาดอาคารสำนักงานในภูมิภาคนี้ ดังนั้น จึงยอมสู้ราคาขายที่สูงขึ้น โดยหวังว่า จะได้รับผลตอบแทนการลงทุนที่สูงขึ้นจากแนวโน้มการขยายตัวของค่าเช่า ดังนั้น คาดว่า การลงทุนซื้ออาคารสำนักงานในภูมิภาคจะมีสภาพคึกคักในปีนี้ โดยคาดว่ามูลค่าการลงทุนจะเพิ่มขึ้นประมาณ 20-25% จากปีที่แล้ว”
รายงานฉบับดังกล่าวระบุว่า อัตราการว่างของพื้นที่สำนักงานเหลือเช่าในหลายๆ เมืองมีแนวโน้มอยู่ในระดับคงที่ ไปจนถึงปรับตัวลดลง ส่วนค่าเช่า พบว่าในหลายๆ เมืองเริ่มมีการปรับค่าเช่าสูงขึ้น ทั้งนี้ การศึกษาของโจนส์ แลง ลาซาลล์ ครอบคลุมตลาดอาคารสำนักงาน 26 เมืองของเอเชียแปซิฟิก พบว่ามี 12 เมืองที่มีการปรับค่าเช่าสูงขึ้นในไตรมาสที่ผ่าน โดยค่าเช่าเฉลี่ยทั่วภูมิภาคปรับเพิ่มขึ้น 3.1% จากไตรมาสสาม
ปักกิ่งเป็นตลาดอาคารสำนักงานที่มีค่าเช่าปรับตัวขึ้นมากที่สุด คือ 9% ส่วนที่เซี่ยงไฮ้ค่าเช่าปรับเพิ่มขึ้น 7.9% ซึ่งเป็นผลจากการขยายตัวสูงของความต้องการใช้พื้นที่สำนักงานทั้งในส่วนของบริษัทข้ามชาติและบริษัทจีน ที่สิงคโปร์ ค่าเช่าเฉลี่ยปรับเพิ่มขึ้น 8.6% เนื่องจากพื้นที่สำนักงานขาดแคลน ฮ่องกงค่าเช่าขยับเพิ่ม 4.6% เนื่องจากพื้นที่เหลือเช่าน้อยในขณะที่ความต้องการจากภาคธุรกิจการเงินมีการขายตัวต่อเนื่อง ทั้งนี้ เมื่อมองภาพรวมของทั้งปี พบว่า ฮ่องกงเป็นตลาดอาคารสำนักงานที่มีการปรับขึ้นของค่าเช่าสูงสุดในภูมิภาคในปีที่ผ่านมา คือ 33%
อย่างไรก็ดี พบว่าบางเมืองของเอเชียมีค่าเช่าในระดับคงตัวหรือปรับตัวขึ้นไม่มาก เนื่องจากความต้องการใช้พื้นที่สำนักงานในเมืองเหล่านี้ยังคงขยายตัวไม่มาก อาทิ กรุงเทพฯ และกัวลาลัมเปอร์ ซึ่งพบว่าในไตรมาสที่ผ่านมาค่าเช่าไม่เปลี่ยนแปลง ที่โตเกียวค่าเช่าปรับเพิ่มขึ้น 2.7% ส่วนค่าเช่าในเมืองต่างๆ ของออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ มีทั้งที่ปรับเพิ่มขึ้นและลดลง
นายเจรามี เชลดอน ผู้อำนวยการฝ่ายบริการธุรกิจอาคารสำนักงาน โจนส์ แลง ลาซาลล์ภาคพื้นเอเชียแปซิฟิกกล่าวว่า“โดยส่วนใหญ่ ความต้องการในตลาดอาคารสำนักงานของเอเชียแปซิฟิกมีการขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในจีนและอินเดีย บริษัทข้ามชาติมองหาโอกาสการขยายธุรกิจ ในขณะที่มีบริษัทเปิดตัวใหม่เพิ่มขึ้น”
“ในปีนี้ คาดว่า ตลาดอาคารสำนักงานของภูมิภาคจะยังคงมีสภาพคึกคักและอัตราการว่างของพื้นที่สำนักงานเหลือเช่ามีแนวโน้มปรับตัวลดลง ซึ่งภาวะเช่นนี้ ทำให้เจ้าของอาคารเริ่มกลับมามีอำนาจการต่อรองมากขึ้น คาดว่า ในปีนี้ ค่าเช่าพื้นที่สำนักงานเฉลี่ยทั่วเอเชียแปซิฟิก จะขยับตัวเพิ่มสูงขึ้นราว 30% โดยเฉพาะในเมืองที่มีพื้นที่สำนักงานว่างเหลือเช่าในระดับต่ำ แต่ในขณะเดียวกัน ค่าเช่าในตลาดของบางเมืองอาจยังคงไม่มีปรับตัวเพิ่มขึ้นมากนัก
ในส่วนของมูลค่าสินทรัพย์หรือราคาซื้อขายอาคารสำนักงาน พบว่า มูลค่าสินทรัพย์สำหรับอาคารสำนักงานในเมืองส่วนใหญ่ของเอเชียแปซิฟิก มีระดับคงที่ถึงปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยในไตรมาสที่ผ่านมา สิงคโปร์และเซี่ยงไฮ้ ปรับตัวสูงขึ้นมากที่สุด คือ 10% ตามด้วยฮ่องกง ปักกิ่ง และกวางโจว คือประมาณ 7.5% ทั้งนี้ เฉลี่ยทั่วภูมิภาคมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น3.2% ในไตรมาสที่ผ่าน และอีกครั้งที่ฮ่องกงเป็นตลาดอาคารสำนักงานที่มีมูลค่าสินทรัพย์เฉลี่ยทั้งปีปรับเพิ่มขึ้นสูงสุด คือ 36% เนื่องจากมีนักลงทุนสนใจเข้าซื้ออาคารสำนักงานในฮ่องกงอย่างคึกคักในปีที่ผ่านมา
นายสจ๊วต โครว์ ผู้อำนวยการฝ่ายบริการด้านการลงทุน โจนส์ แลง ลาซาลล์ภาคพื้นเอเชียแปซิฟิกกล่าวว่า “โดยทั่วไป นักลงทุนมีความเชื่อมั่นในศักยภาพของตลาดอาคารสำนักงานในภูมิภาคนี้ ดังนั้น จึงยอมสู้ราคาขายที่สูงขึ้น โดยหวังว่า จะได้รับผลตอบแทนการลงทุนที่สูงขึ้นจากแนวโน้มการขยายตัวของค่าเช่า ดังนั้น คาดว่า การลงทุนซื้ออาคารสำนักงานในภูมิภาคจะมีสภาพคึกคักในปีนี้ โดยคาดว่ามูลค่าการลงทุนจะเพิ่มขึ้นประมาณ 20-25% จากปีที่แล้ว”