
โคโตบูกิฯชี้กำลังซื้ออสังหาฯ กลุ่มญี่ปุ่นปรับทิศแห่ซื้อ-ลงทุน "ชลบุรี" บริษัทญี่ปุ่นจ่อผุดโรงงานและคอนโดฯกว่า 10 ราย
นางบุญเรือน แม่นมั่น กรรมการผู้จัดการ บริษัท โคโตบูกิ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และกรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามโคโตบูกิ จำกัด บริษัทที่ปรึกษาธุรกิจสำหรับชาวญี่ปุ่น เปิดเผยว่าที่ผ่านมามีกลุ่มคนญี่ปุ่นหันมาสนใจซื้ออสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดชลบุรีเพิ่มขึ้น 20% สาเหตุหลักมาจากแหล่งงานโรงงานในภาคตะวันออกของไทยขยายตัวสูง ทำให้มีคนญี่ปุ่นสนใจเข้ามาซื้อคอนโดมิเนียมในชลบุรี ทั้งเพื่อการอยู่อาศัยและลงทุนปล่อยเช่าจำนวนมาก
นางบุญเรือน แม่นมั่น กรรมการผู้จัดการ บริษัท โคโตบูกิ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และกรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามโคโตบูกิ จำกัด บริษัทที่ปรึกษาธุรกิจสำหรับชาวญี่ปุ่น เปิดเผยว่าที่ผ่านมามีกลุ่มคนญี่ปุ่นหันมาสนใจซื้ออสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดชลบุรีเพิ่มขึ้น 20% สาเหตุหลักมาจากแหล่งงานโรงงานในภาคตะวันออกของไทยขยายตัวสูง ทำให้มีคนญี่ปุ่นสนใจเข้ามาซื้อคอนโดมิเนียมในชลบุรี ทั้งเพื่อการอยู่อาศัยและลงทุนปล่อยเช่าจำนวนมาก
"ที่สำคัญคนญี่ปุ่นกังวลกับสถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยและแหล่งงานเดิม จึงเป็นแรงกระตุ้นให้ย้ายเข้าสู่ชลบุรีมากขึ้น"
โดยพื้นที่ศรีราชามีแนวโน้มเติบโตสูงมากกว่าบริเวณอื่น เนื่องจากมีโรงเรียนนานาชาติสำหรับคนญี่ปุ่น และพบกลุ่มทุนชาติตะวันตกกำลังซื้อที่ดิน เพื่อก่อสร้างเป็นโรงเรียนนานาชาติอีกแห่ง ล่าสุดพบว่ามีบริษัทญี่ปุ่นกว่า 10 รายเข้ามาปรึกษาสยามโคโตบูกิ เพื่อหาที่ดินสำหรับลงทุนสร้างโรงงานและคอนโดมิเนียมที่ชลบุรี
ขณะที่โคโตบูกิ พร็อพเพอร์ตี้ ได้ลงทุนโครงการใหม่เพิ่มเติมในชลบุรีอีก 1 โครงการ บริเวณถนนข้าวหลามตัดกับถนนมิตรสัมพันธ์ ใกล้มหาวิทยาลัยบูรพา ด้านหลังโครงการอาคารพาณิชย์ 4 ชั้นเดิมของบริษัท ในรูปแบบคอนโดมิเนียม "โคโตบูกิ สวีท" เป็นอาคารสูง 8 ชั้น จำนวน 78 ยูนิต ขนาด 1-2 ห้องนอน ตั้งแต่ 28-45 ตร.ม. ราคา 9 แสนบาทถึง 2 ล้านบาท หรือเฉลี่ยที่ 35,000-45,000 บาทต่อตร.ม. รวมมูลค่าโครงการกว่า 200 ล้านบาท
โครงการดังกล่าวเจาะตลาดลูกค้าทั้งชาวไทยและชาวญี่ปุ่น แต่เน้นกลุ่มลูกค้าลงทุนปล่อยเช่า เนื่องจากตลาดอสังหาริมทรัพย์ปล่อยเช่าในชลบุรีเป็นตลาดที่กำลังเติบโต ทั้งวันธรรมดาและวันหยุด ซึ่งมีอัตราเข้าพักสูง จากกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ไม่ต้องการเข้าพักในโรงแรม ก็สามารถมาเช่าอยู่ที่โครงการได้ หากคิดเป็นรายได้ค่าเช่าต่อเดือนจะอยู่ที่ 8,000-30,000 บาท โดยจัดทำแคมเปญรับประกันรายได้ 5% หากจองภายในสิ้นปีนี้ เพื่อกระตุ้นลูกค้ากลุ่มนักลงทุน
นางบุญเรือน กล่าวอีกว่าตลาดคอนโดมิเนียมในพื้นที่บางแสน มีแนวโน้มเติบโตอย่างรวดเร็วเช่นกัน จากเดิมผู้ประกอบการท้องถิ่นนิยมพัฒนาโครงการแนวราบ แต่ปัจจุบันเริ่มหันมาพัฒนาคอนโดมิเนียมขนาดเล็ก ราคาเฉลี่ยที่ 5-9 แสนบาทต่อยูนิตเพิ่มขึ้น
สำหรับสถิติชาวญี่ปุ่นที่เข้ามาอยู่อาศัยและทำงานในประเทศไทยปี 2554 โดยสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่น ระบุว่า มีจำนวน 49,983 คน เพิ่มขึ้นจากปี 2553 ถึง 220% โดยชลบุรีถือเป็นจังหวัดที่ชาวญี่ปุ่นมาอยู่อาศัยเป็นอันดับ 2 รองจากกรุงเทพฯ
ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ
โดยพื้นที่ศรีราชามีแนวโน้มเติบโตสูงมากกว่าบริเวณอื่น เนื่องจากมีโรงเรียนนานาชาติสำหรับคนญี่ปุ่น และพบกลุ่มทุนชาติตะวันตกกำลังซื้อที่ดิน เพื่อก่อสร้างเป็นโรงเรียนนานาชาติอีกแห่ง ล่าสุดพบว่ามีบริษัทญี่ปุ่นกว่า 10 รายเข้ามาปรึกษาสยามโคโตบูกิ เพื่อหาที่ดินสำหรับลงทุนสร้างโรงงานและคอนโดมิเนียมที่ชลบุรี
ขณะที่โคโตบูกิ พร็อพเพอร์ตี้ ได้ลงทุนโครงการใหม่เพิ่มเติมในชลบุรีอีก 1 โครงการ บริเวณถนนข้าวหลามตัดกับถนนมิตรสัมพันธ์ ใกล้มหาวิทยาลัยบูรพา ด้านหลังโครงการอาคารพาณิชย์ 4 ชั้นเดิมของบริษัท ในรูปแบบคอนโดมิเนียม "โคโตบูกิ สวีท" เป็นอาคารสูง 8 ชั้น จำนวน 78 ยูนิต ขนาด 1-2 ห้องนอน ตั้งแต่ 28-45 ตร.ม. ราคา 9 แสนบาทถึง 2 ล้านบาท หรือเฉลี่ยที่ 35,000-45,000 บาทต่อตร.ม. รวมมูลค่าโครงการกว่า 200 ล้านบาท
โครงการดังกล่าวเจาะตลาดลูกค้าทั้งชาวไทยและชาวญี่ปุ่น แต่เน้นกลุ่มลูกค้าลงทุนปล่อยเช่า เนื่องจากตลาดอสังหาริมทรัพย์ปล่อยเช่าในชลบุรีเป็นตลาดที่กำลังเติบโต ทั้งวันธรรมดาและวันหยุด ซึ่งมีอัตราเข้าพักสูง จากกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ไม่ต้องการเข้าพักในโรงแรม ก็สามารถมาเช่าอยู่ที่โครงการได้ หากคิดเป็นรายได้ค่าเช่าต่อเดือนจะอยู่ที่ 8,000-30,000 บาท โดยจัดทำแคมเปญรับประกันรายได้ 5% หากจองภายในสิ้นปีนี้ เพื่อกระตุ้นลูกค้ากลุ่มนักลงทุน
นางบุญเรือน กล่าวอีกว่าตลาดคอนโดมิเนียมในพื้นที่บางแสน มีแนวโน้มเติบโตอย่างรวดเร็วเช่นกัน จากเดิมผู้ประกอบการท้องถิ่นนิยมพัฒนาโครงการแนวราบ แต่ปัจจุบันเริ่มหันมาพัฒนาคอนโดมิเนียมขนาดเล็ก ราคาเฉลี่ยที่ 5-9 แสนบาทต่อยูนิตเพิ่มขึ้น
สำหรับสถิติชาวญี่ปุ่นที่เข้ามาอยู่อาศัยและทำงานในประเทศไทยปี 2554 โดยสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่น ระบุว่า มีจำนวน 49,983 คน เพิ่มขึ้นจากปี 2553 ถึง 220% โดยชลบุรีถือเป็นจังหวัดที่ชาวญี่ปุ่นมาอยู่อาศัยเป็นอันดับ 2 รองจากกรุงเทพฯ
ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ