
นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 3 ก.ค.2555 มีมติอนุมัติวงเงินสัญญาก่อสร้างสถานีกลางบางซื่อและศูนย์ซ่อมบำรุง หรืองานสัญญาที่ 1 ของโครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ-รังสิต เป็นเงิน 29,826 ล้านบาท จากเดิม 27,100 ล้านบาท ซึ่งปรับกรอบราคาตามระเบียบว่าด้วยการจ้างของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และเป็นไปตามผลการประกวดราคาที่ได้เจรจาต่อรองกับผู้เสนอราคาต่ำสุดในโครงการดังกล่าว คาดว่าจะลงนามสัญญาได้เดือนก.ค.นี้
ทั้งนี้ ที่ผ่านมา รฟท.ได้เปิดประกวดราคาสัญญาดังกล่าว และมีกลุ่มกิจการร่วมค้า SU ประกอบด้วย บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) เป็นผู้เสนอราคาต่ำสุดที่ 34,650 ล้านบาท โดย รฟท.ได้เจรจาต่อรองจนเหลือที่ 29,826 ล้านบาท ทำให้สามารถประหยัดงบประมาณไปได้เกือบ 5,000 ล้านบาท ดังนั้น กระทรวงคมนาคมจึงเสนอให้ปรับกรอบวงเงิน เพราะหากเปิดประกวดราคาใหม่ก็ไม่มีอะไรการันตีได้ว่าวงเงินค่าก่อสร้างจะเท่าเดิม ขณะที่แนวโน้มน่าจะเพิ่มขึ้นด้วย
ทั้งนี้ ที่ผ่านมา รฟท.ได้เปิดประกวดราคาสัญญาดังกล่าว และมีกลุ่มกิจการร่วมค้า SU ประกอบด้วย บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) เป็นผู้เสนอราคาต่ำสุดที่ 34,650 ล้านบาท โดย รฟท.ได้เจรจาต่อรองจนเหลือที่ 29,826 ล้านบาท ทำให้สามารถประหยัดงบประมาณไปได้เกือบ 5,000 ล้านบาท ดังนั้น กระทรวงคมนาคมจึงเสนอให้ปรับกรอบวงเงิน เพราะหากเปิดประกวดราคาใหม่ก็ไม่มีอะไรการันตีได้ว่าวงเงินค่าก่อสร้างจะเท่าเดิม ขณะที่แนวโน้มน่าจะเพิ่มขึ้นด้วย
"งานนี้เปิดประกวดราคาเมื่อธ.ค.2553 แต่ยังไม่คืบหน้าเพราะติดปัญหาเรื่องกรอบวงเงิน ทางเลือกที่ดีที่สุดคือ การปรับกรอบวงเงิน ซึ่งได้ประโยชน์จากการประหยัดงบประมาณ และสามารถเดินหน้าโครงการต่อไป เพราะหากสัญญาที่ 1 ไม่สรุป สัญญาที่ 2 ก็เปิดข้อเสนอราคาไม่ได้ โครงการรถไฟฟ้าสายสีแดงจะล่าช้าไปอีก" นายจารุพงศ์กล่าว
สำหรับกรอบวงเงิน 29,826 ล้านบาท ถือว่ามีความเหมาะสม ซึ่งเป็นราคาก่อนยื่นข้อเสนอ 28 วัน คือ ณ เดือนพ.ย.2553 อยู่ที่ 29,828 ล้านบาท ขณะที่ราคาของที่ปรึกษา ณ เดือนพ.ย.2553 อยู่ที่ 31,173 ล้านบาท ส่วนสัญญาที่ 2 งานโยธาสำหรับทางรถไฟ ระยะทาง 21 ก.ม.นั้น คาดว่าจะเปิดข้อเสนอราคาภายในเดือนก.ค.นี้ โดยจะพิจารณาข้อเสนอของผู้ยื่น 2 ราย จาก 3 ราย คือ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) โดยไม่พิจารณาข้อเสนอของกลุ่มกิจการร่วมค้า SU เพราะคุณสมบัติของกลุ่มนี้สามารถก่อสร้างงานได้เพียงสัญญาเดียว
ที่มา: http://www.matichon.co.th/khaosod
สำหรับกรอบวงเงิน 29,826 ล้านบาท ถือว่ามีความเหมาะสม ซึ่งเป็นราคาก่อนยื่นข้อเสนอ 28 วัน คือ ณ เดือนพ.ย.2553 อยู่ที่ 29,828 ล้านบาท ขณะที่ราคาของที่ปรึกษา ณ เดือนพ.ย.2553 อยู่ที่ 31,173 ล้านบาท ส่วนสัญญาที่ 2 งานโยธาสำหรับทางรถไฟ ระยะทาง 21 ก.ม.นั้น คาดว่าจะเปิดข้อเสนอราคาภายในเดือนก.ค.นี้ โดยจะพิจารณาข้อเสนอของผู้ยื่น 2 ราย จาก 3 ราย คือ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) โดยไม่พิจารณาข้อเสนอของกลุ่มกิจการร่วมค้า SU เพราะคุณสมบัติของกลุ่มนี้สามารถก่อสร้างงานได้เพียงสัญญาเดียว
ที่มา: http://www.matichon.co.th/khaosod