สถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้น ส่งผลกระทบต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของไทยเป็นอย่างมาก บริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์หลายราย วิเคราะห์ข้อมูลตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย หลังผ่านพ้นวิกฤติน้ำท่วม ไปในทิศทางเดียวกัน
ซีบี ริชาร์ด เอลลิส ระบุ วิกฤติน้ำท่วมจะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงรูปแบบความต้องการด้านที่พักอาศัยในเรื่องของทำเลที่ตั้ง และลักษณะที่พักอาศัย
ทำเลที่ตั้งย่านใจกลางธุรกิจ หรือซีบีดี ซึ่งได้แก่ ลุมพินี เพลินจิต สาทร สีลม และสุขุมวิทตอนต้น จะได้รับความนิยมสูงขึ้น เนื่องจากเป็นเขตศูนย์กลางธุรกิจที่จะได้รับการป้องกันเป็นพิเศษ
ความต้องการที่พักอาศัยแนวสูงหรือคอนโดมิเนียมที่เป็นอาคารสูง มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เนื่องจากคนต้องการซื้อเพื่อใช้เป็นบ้านหลังที่สองในย่านใจกลางเมือง เพื่อเป็นที่พักสำรอง หากเกิดปัญหาวิกฤติน้ำท่วมขึ้นมาอีก
ในอนาคต ผู้ที่จะซื้อที่พักอาศัย จะให้ความสำคัญกับการออกแบบโครงการที่คำนึงถึงการป้องกันน้ำท่วม และจะพิจารณามาตรการในการป้องกันน้ำท่วมของแต่ละอาคารเพิ่มมากขึ้น
ขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการในตลาดบ้านพักอาศัย โดยเฉพาะโครงการใหม่ จำเป็นต้องสร้างความมั่นใจให้กับผู้ซื้อด้วยการออกแบบโครงการที่คำนึงถึงความเสี่ยงที่จะเกิดน้ำท่วมขึ้นในอนาคต
สอดคล้องกับข้อมูลของ คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย ที่ระบุ ผลกระทบที่เกิดจากวิกฤติน้ำท่วม จะทำให้ราคาที่ดิน
ลดลงในระยะสั้น ราว 2-3 ปี เนื่องจากความวิตกกังวลของผู้คน ซึ่งถือเป็นโอกาสดีของผู้ประกอบการที่จะเข้าไปช้อนซื้อที่ดินมาเก็บไว้
การอพยพออกนอกเมืองของคนกรุงเทพฯในครั้งนี้ เอื้อประโยชน์ต่อตลาดโรงแรม และตลาดเช่าที่พักอาศัย ในย่านใจกลางเมือง และจังหวัดใกล้เคียง
ในทางตรงกันข้าม โรงแรมระดับบนในกรุงเทพฯ จะมีอัตราการเข้าพักที่ต่ำลง ซึ่งเป็นผลมาจากการยกเลิกการจองห้องพักของนักท่องเที่ยว อันเป็นผลจากการประกาศเตือนเรื่องการเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ครั้งนี้จะไม่เหมือนกับช่วงหลังเกิดเหตุการณ์ในวันที่ 17 พ.ค. 54 ซึ่งผู้ซื้อจะกระโดดเข้าสู่ตลาดในทันที ส่วนใหญ่จะระมัดระวังมากขึ้น มีการชะลอการตัดสินใจซื้อบ้าน สำหรับผู้ที่วางเงินดาวน์ไปแล้ว อาจมีการทิ้งดาวน์ในพื้นที่ที่โดนน้ำท่วม
โดยพื้นฐานนิสัยของคนไทย จะไม่นิยมย้ายถิ่นฐาน หลังน้ำลดจะทำการซ่อมแซมที่อยู่อาศัย และหาทางป้องกันหากเกิดปัญหาขึ้นอีกในปีหน้า แต่จะมีการมองหาบ้านหลังที่ 2 ไว้เป็นที่อพยพสำรองมากขึ้น คอนโดมิเนียมในแนวรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย จะได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น
ทาวน์เฮาส์และบ้านเดี่ยว ในแนวรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย ยังคงได้รับความนิยม แต่การออกแบบตัวบ้านอาจเปลี่ยนไป จะเน้นเรื่องการป้องกันน้ำท่วมมากขึ้น
ตลาดมือสองคอนโดมิเนียม จะกลับมาบูมอีกครั้ง คนส่วนใหญ่มองหาบ้านพักหลังที่สองเพิ่มมากขึ้น คอนโดมิเนียมในเมือง จะขายดีมากขึ้น ขณะที่บ้านพักต่างจังหวัด ก็จะมีความต้องการและราคาที่สูงขึ้น
ด้าน ไนท์แฟรงค์ประเทศไทย เผย ปัญหาน้ำท่วมกรุงทำให้เจ้าของโครงการทั้งหลาย เลือกสร้างคอนโดมิเนียมในบริเวณที่น้ำเข้าไม่ถึง ทำเลที่มีศักยภาพจะเป็นบริเวณใจกลางกรุงเทพฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณลุมพินี ที่ไม่ได้ตั้งอยู่ใกล้คลอง
ราคาที่ดินในบริเวณที่น้ำท่วมไม่ถึง ก็ถูกคาดการณ์ว่าจะมีราคาสูงขึ้น เนื่องจากผู้คนส่วนใหญ่เชื่อว่าปัญหาอุทกภัยมีโอกาสที่จะกลับมาอีกในอนาคต รูปแบบลักษณะของการสร้างตึกก็จะต้องออกแบบให้ปลอดภัยจากภาวะน้ำท่วม การดีไซน์โครงสร้างตึกใหม่ ๆ จะไม่มีชั้นจอดรถชั้นใต้ดิน เนื่องจากการก่อสร้างมีราคาสูง และไม่ปลอดภัยจากภาวะน้ำท่วม
นอกจากนี้ ปัญหาน้ำท่วมกรุงเทพฯทำให้คนกรุงส่วนใหญ่ อพยพไปเมืองตากอากาศริมทะเล ทำให้ความนิยมซื้อบ้านหลังที่สองในเมืองแถบชายทะเล เช่น พัทยา หัวหิน และชะอำจะสูงขึ้น.
ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
ซีบี ริชาร์ด เอลลิส ระบุ วิกฤติน้ำท่วมจะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงรูปแบบความต้องการด้านที่พักอาศัยในเรื่องของทำเลที่ตั้ง และลักษณะที่พักอาศัย
ทำเลที่ตั้งย่านใจกลางธุรกิจ หรือซีบีดี ซึ่งได้แก่ ลุมพินี เพลินจิต สาทร สีลม และสุขุมวิทตอนต้น จะได้รับความนิยมสูงขึ้น เนื่องจากเป็นเขตศูนย์กลางธุรกิจที่จะได้รับการป้องกันเป็นพิเศษ
ความต้องการที่พักอาศัยแนวสูงหรือคอนโดมิเนียมที่เป็นอาคารสูง มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เนื่องจากคนต้องการซื้อเพื่อใช้เป็นบ้านหลังที่สองในย่านใจกลางเมือง เพื่อเป็นที่พักสำรอง หากเกิดปัญหาวิกฤติน้ำท่วมขึ้นมาอีก
ในอนาคต ผู้ที่จะซื้อที่พักอาศัย จะให้ความสำคัญกับการออกแบบโครงการที่คำนึงถึงการป้องกันน้ำท่วม และจะพิจารณามาตรการในการป้องกันน้ำท่วมของแต่ละอาคารเพิ่มมากขึ้น
ขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการในตลาดบ้านพักอาศัย โดยเฉพาะโครงการใหม่ จำเป็นต้องสร้างความมั่นใจให้กับผู้ซื้อด้วยการออกแบบโครงการที่คำนึงถึงความเสี่ยงที่จะเกิดน้ำท่วมขึ้นในอนาคต
สอดคล้องกับข้อมูลของ คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย ที่ระบุ ผลกระทบที่เกิดจากวิกฤติน้ำท่วม จะทำให้ราคาที่ดิน
ลดลงในระยะสั้น ราว 2-3 ปี เนื่องจากความวิตกกังวลของผู้คน ซึ่งถือเป็นโอกาสดีของผู้ประกอบการที่จะเข้าไปช้อนซื้อที่ดินมาเก็บไว้
การอพยพออกนอกเมืองของคนกรุงเทพฯในครั้งนี้ เอื้อประโยชน์ต่อตลาดโรงแรม และตลาดเช่าที่พักอาศัย ในย่านใจกลางเมือง และจังหวัดใกล้เคียง
ในทางตรงกันข้าม โรงแรมระดับบนในกรุงเทพฯ จะมีอัตราการเข้าพักที่ต่ำลง ซึ่งเป็นผลมาจากการยกเลิกการจองห้องพักของนักท่องเที่ยว อันเป็นผลจากการประกาศเตือนเรื่องการเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ครั้งนี้จะไม่เหมือนกับช่วงหลังเกิดเหตุการณ์ในวันที่ 17 พ.ค. 54 ซึ่งผู้ซื้อจะกระโดดเข้าสู่ตลาดในทันที ส่วนใหญ่จะระมัดระวังมากขึ้น มีการชะลอการตัดสินใจซื้อบ้าน สำหรับผู้ที่วางเงินดาวน์ไปแล้ว อาจมีการทิ้งดาวน์ในพื้นที่ที่โดนน้ำท่วม
โดยพื้นฐานนิสัยของคนไทย จะไม่นิยมย้ายถิ่นฐาน หลังน้ำลดจะทำการซ่อมแซมที่อยู่อาศัย และหาทางป้องกันหากเกิดปัญหาขึ้นอีกในปีหน้า แต่จะมีการมองหาบ้านหลังที่ 2 ไว้เป็นที่อพยพสำรองมากขึ้น คอนโดมิเนียมในแนวรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย จะได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น
ทาวน์เฮาส์และบ้านเดี่ยว ในแนวรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย ยังคงได้รับความนิยม แต่การออกแบบตัวบ้านอาจเปลี่ยนไป จะเน้นเรื่องการป้องกันน้ำท่วมมากขึ้น
ตลาดมือสองคอนโดมิเนียม จะกลับมาบูมอีกครั้ง คนส่วนใหญ่มองหาบ้านพักหลังที่สองเพิ่มมากขึ้น คอนโดมิเนียมในเมือง จะขายดีมากขึ้น ขณะที่บ้านพักต่างจังหวัด ก็จะมีความต้องการและราคาที่สูงขึ้น
ด้าน ไนท์แฟรงค์ประเทศไทย เผย ปัญหาน้ำท่วมกรุงทำให้เจ้าของโครงการทั้งหลาย เลือกสร้างคอนโดมิเนียมในบริเวณที่น้ำเข้าไม่ถึง ทำเลที่มีศักยภาพจะเป็นบริเวณใจกลางกรุงเทพฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณลุมพินี ที่ไม่ได้ตั้งอยู่ใกล้คลอง
ราคาที่ดินในบริเวณที่น้ำท่วมไม่ถึง ก็ถูกคาดการณ์ว่าจะมีราคาสูงขึ้น เนื่องจากผู้คนส่วนใหญ่เชื่อว่าปัญหาอุทกภัยมีโอกาสที่จะกลับมาอีกในอนาคต รูปแบบลักษณะของการสร้างตึกก็จะต้องออกแบบให้ปลอดภัยจากภาวะน้ำท่วม การดีไซน์โครงสร้างตึกใหม่ ๆ จะไม่มีชั้นจอดรถชั้นใต้ดิน เนื่องจากการก่อสร้างมีราคาสูง และไม่ปลอดภัยจากภาวะน้ำท่วม
นอกจากนี้ ปัญหาน้ำท่วมกรุงเทพฯทำให้คนกรุงส่วนใหญ่ อพยพไปเมืองตากอากาศริมทะเล ทำให้ความนิยมซื้อบ้านหลังที่สองในเมืองแถบชายทะเล เช่น พัทยา หัวหิน และชะอำจะสูงขึ้น.
ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์