สถานการณ์น้ำท่วมดูทีท่าว่าจะไม่จบลงง่ายๆ แถมยังมีแต่จะเพิ่มระดับความรุนแรงขึ้นทุกวัน ช่วงไตรมาส 4 ที่เป็นฤดูการทำยอดขายของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของทุกปี ก็คงจะต้องชะลอตัวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้ว่าก่อนหน้านี้รัฐบาลจะมีแนวทางการส่งเสริมธุรกิจอสังหาฯ ออกมาด้วยนโยบายบ้านหลังแรก แต่เอาเข้าจริงนโยบายที่ออกมาก็ไม่ได้จูงใจผู้ซื้อเท่าไรนัก
รายงานจากฝ่ายวิจัยของคอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย ล่าสุด ก็รายงานถึงตลาดคอนโดมิเนียมมีการหดตัวอย่างรุนแรงเนื่องจากตลาดไม่มั่นใจเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์จากผู้ซื้อบ้านหลังแรก โดยไตรมาส 3 ที่ผ่านมามีการเปิดตัวโครงการใหม่เพียง 3,000 ยูนิตเท่านั้น เป็นการเปิดตัวที่ลดลงอย่างมาก ประมาณ 74% เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้ ที่เปิดตัวมากถึง 11,600 ยูนิต ซึ่งเป็นจำนวนที่ต่ำสุดในรอบ 3 ปี สาเหตุสำคัญที่ทำให้การเปิดตัวใหม่มีจำนวนดังกล่าวนั้น เป็นเพราะตลาดอยู่ในภาวะรอดูสถานการณ์ ทั้งในส่วนผู้ซื้อที่รอให้เห็นความชัดเจนโดยรวมทั้งหมด ขณะที่ผู้ประกอบการเองก็มีการเลื่อนเปิดตัวออกไป
ด้านจำนวนคอนโดฯ ใหม่ที่จะก่อสร้างแล้วเสร็จและจดทะเบียนใหม่ในไตรมาส 3 มีจำนวนอยู่ 4,000 ยูนิต จากจำนวนยูนิตรวมทั่วกรุงเทพฯ ประมาณ 3.15 แสนยูนิต ส่วนไตรมาส 4 ยังมีห้องชุดที่จะแล้วเสร็จอีก 25,700 ยูนิต แม้ว่าจำนวนการเปิดตัวใหม่จะมีจำนวนลดลงแต่ผู้ประกอบการเองก็ยังคงพัฒนาโครงการออกมาอย่างต่อเนื่อง และคงจะเพิ่มสูงขึ้นต่อไปในอนาคต เนื่องจากยังมีการขออนุญาตการก่อสร้างอย่างต่อเนื่องและเพิ่มสูงขึ้น
ในช่วงเดือนตุลาคมข้อมูลล่าสุด พบว่า มีจำนวนโครงการคอนโดฯ เปิดตัวใหม่แล้ว 7 โครงการ รวม 2,711 หน่วย ได้แก่ โครงการดีคอนโด จรัญสินทวงศ์ จำนวน 445 ยูนิต ราคาขายเฉลี่ย 33,670 บาทต่อตารางเมตร เดอะ รีเจนท์ โฮม 19 สุขุมวิท 93 จำนวน 313 ยูนิต ราคาขายเฉลี่ย 31,290 บาทต่อตารางเมตร เดอะ รีเจนท์ โฮม 20 สุขุมวิท 93 จำนวน 80 ยูนิต ราคาขายเฉลี่ย 33,800 บาทต่อตารางเมตร ดิ แอดเดรส สุขุมวิท จำนวน 96 ยูนิต ราคาขายเฉลี่ย 1.4 แสนบาทต่อตารางเมตร ไอคอน สุขุมวิท 103 จำนวน 840 ราคาขายเฉลี่ย 40,000 บาทต่อตารางเมตร โนเบิล ยูไนท์ จำนวน 240 ยูนิต ราคาขายเฉลี่ย 1.02 แสนบาทต่อตารางเมตร และศุภาลัย ปาร์ค แคราย งามวงศ์วาน จำนวน 697 ยูนิต ราคาขายเฉลี่ย 41,612 บาทต่อตารางเมตร
อย่างไรก็ตาม จากปัญหาน้ำท่วมที่เกิดขึ้นในขณะนี้ เชื่อว่าไตรมาส 4 นี้ ภาพรวมของธุรกิจคอนโดฯ คงจะได้รับกระทบไม่น้อย การเปิดตัวใหม่คงลดลงไปอีกมาก ขณะที่โครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จก็ยังไม่มีความแน่นอนว่าผู้ซื้อจะไปโอนกรรมสิทธิ์เพื่อเข้าอยู่อาศัยหรือไม่ เพราะธุรกิจโดยภาพรวมได้รับผลกระทบ โรงงานอุตสาหกรรมต้องปิดตัวลงชั่วคราวเนื่องจากไม่สามารถทำการผลิตได้ ซึ่งหากผู้ที่ซื้อโครงการไว้ก่อนหน้าแล้วแหล่งงานของตนเองได้รับผลกระทบความมั่นใจต่อรายได้ที่จะมีเพื่อผ่อนที่อยู่อาศัยอาจจะไม่มั่นใจได้เช่นกัน
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 2,682 27 - 29 ตุลาคม พ.ศ. 2554
รายงานจากฝ่ายวิจัยของคอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย ล่าสุด ก็รายงานถึงตลาดคอนโดมิเนียมมีการหดตัวอย่างรุนแรงเนื่องจากตลาดไม่มั่นใจเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์จากผู้ซื้อบ้านหลังแรก โดยไตรมาส 3 ที่ผ่านมามีการเปิดตัวโครงการใหม่เพียง 3,000 ยูนิตเท่านั้น เป็นการเปิดตัวที่ลดลงอย่างมาก ประมาณ 74% เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้ ที่เปิดตัวมากถึง 11,600 ยูนิต ซึ่งเป็นจำนวนที่ต่ำสุดในรอบ 3 ปี สาเหตุสำคัญที่ทำให้การเปิดตัวใหม่มีจำนวนดังกล่าวนั้น เป็นเพราะตลาดอยู่ในภาวะรอดูสถานการณ์ ทั้งในส่วนผู้ซื้อที่รอให้เห็นความชัดเจนโดยรวมทั้งหมด ขณะที่ผู้ประกอบการเองก็มีการเลื่อนเปิดตัวออกไป
ด้านจำนวนคอนโดฯ ใหม่ที่จะก่อสร้างแล้วเสร็จและจดทะเบียนใหม่ในไตรมาส 3 มีจำนวนอยู่ 4,000 ยูนิต จากจำนวนยูนิตรวมทั่วกรุงเทพฯ ประมาณ 3.15 แสนยูนิต ส่วนไตรมาส 4 ยังมีห้องชุดที่จะแล้วเสร็จอีก 25,700 ยูนิต แม้ว่าจำนวนการเปิดตัวใหม่จะมีจำนวนลดลงแต่ผู้ประกอบการเองก็ยังคงพัฒนาโครงการออกมาอย่างต่อเนื่อง และคงจะเพิ่มสูงขึ้นต่อไปในอนาคต เนื่องจากยังมีการขออนุญาตการก่อสร้างอย่างต่อเนื่องและเพิ่มสูงขึ้น
ในช่วงเดือนตุลาคมข้อมูลล่าสุด พบว่า มีจำนวนโครงการคอนโดฯ เปิดตัวใหม่แล้ว 7 โครงการ รวม 2,711 หน่วย ได้แก่ โครงการดีคอนโด จรัญสินทวงศ์ จำนวน 445 ยูนิต ราคาขายเฉลี่ย 33,670 บาทต่อตารางเมตร เดอะ รีเจนท์ โฮม 19 สุขุมวิท 93 จำนวน 313 ยูนิต ราคาขายเฉลี่ย 31,290 บาทต่อตารางเมตร เดอะ รีเจนท์ โฮม 20 สุขุมวิท 93 จำนวน 80 ยูนิต ราคาขายเฉลี่ย 33,800 บาทต่อตารางเมตร ดิ แอดเดรส สุขุมวิท จำนวน 96 ยูนิต ราคาขายเฉลี่ย 1.4 แสนบาทต่อตารางเมตร ไอคอน สุขุมวิท 103 จำนวน 840 ราคาขายเฉลี่ย 40,000 บาทต่อตารางเมตร โนเบิล ยูไนท์ จำนวน 240 ยูนิต ราคาขายเฉลี่ย 1.02 แสนบาทต่อตารางเมตร และศุภาลัย ปาร์ค แคราย งามวงศ์วาน จำนวน 697 ยูนิต ราคาขายเฉลี่ย 41,612 บาทต่อตารางเมตร
อย่างไรก็ตาม จากปัญหาน้ำท่วมที่เกิดขึ้นในขณะนี้ เชื่อว่าไตรมาส 4 นี้ ภาพรวมของธุรกิจคอนโดฯ คงจะได้รับกระทบไม่น้อย การเปิดตัวใหม่คงลดลงไปอีกมาก ขณะที่โครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จก็ยังไม่มีความแน่นอนว่าผู้ซื้อจะไปโอนกรรมสิทธิ์เพื่อเข้าอยู่อาศัยหรือไม่ เพราะธุรกิจโดยภาพรวมได้รับผลกระทบ โรงงานอุตสาหกรรมต้องปิดตัวลงชั่วคราวเนื่องจากไม่สามารถทำการผลิตได้ ซึ่งหากผู้ที่ซื้อโครงการไว้ก่อนหน้าแล้วแหล่งงานของตนเองได้รับผลกระทบความมั่นใจต่อรายได้ที่จะมีเพื่อผ่อนที่อยู่อาศัยอาจจะไม่มั่นใจได้เช่นกัน
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 2,682 27 - 29 ตุลาคม พ.ศ. 2554