ห่วงดีมานด์เทียมฉุดตลาดคอนโด

นายกอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ตห่วงการลงทุนของคอนโดมิเนียมในแบบราคาล้านต้นๆ จะไม่ใช่ตลาดของผู้ที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง ระบุเมื่อถึงปลายทางแล้วจะเป็นปัญหาล้นตลาด

นายธนูศักดิ์ พึ่งเดช นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ต เปิดเผยว่า แนวโน้มของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ใน จ.ภูเก็ต หากเป็นตลาดคนไทยซึ่งต้องการที่อยู่อาศัยระดับราคาไม่เกิน 2 ล้านบาทยังคงมีแรงซื้อ แต่ที่เป็นห่วงคือ นักลงทุนรายใหญ่ที่เข้ามาทำตลาดราคาถูก โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมที่มีระดับราคาไม่ถึง 1 ล้านบาท หรือ 1 ล้านบาทต้นๆ ทำให้ผู้ซื้อในกลุ่มนี้จะไม่ใช่ผู้ต้องการที่อยู่อาศัยที่แท้จริง แต่จะเป็นกลุ่มนักลงทุนเก็งกำไร ผลที่จะตามมาในอนาคต คือ โครงการดังกล่าวจะไม่มีผู้พักอาศัย เป็นลักษณะล้นเกินความต้องการ

---

เมื่อความต้องการมาถึงระดับสิ้นสุดแล้ว ปัญหาก็จะเกิดขึ้น คือไม่สามารถระบายออกไปได้ เพราะในความเป็นจริงที่อยู่อาศัยในระดับ 1 ล้านบาทต้นๆ มีตลาดรองรับอยู่บ้าง แต่ก็มีโอกาสที่จะอิ่มตัวได้ง่าย ดังนั้นการเร่งลงทุนของผู้ประกอบการที่เน้นไปที่ตลาดกลุ่มนี้โดยตรงในอนาคตจึงมีความเสี่ยงอย่างยิ่ง

"ปัจจุบันการที่ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์จะประสบความสำเร็จ ไม่ใช่เรื่องงานเหมือนกับในอดีต ผู้ประกอบการที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือต่างชาติจะต้องทำงานหนักมากขึ้น โดยเฉพาะการเตรียมความพร้อมเรื่องการทำตลาด เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภค เพราะเมื่อมีการซื้อขายแล้วก็จะต้องมีการก่อสร้างจริง เมื่อเป็นเช่นนั้นก็จะเป็นการช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่ผู้ประกอบการ และทำให้ผู้ซื้อมีความเชื่อมั่นเพิ่มมากขึ้น" นายธนูศักดิ์ กล่าว

นายธนันท์ ตัณฑ์ไพบูลย์ อดีตนายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ต กล่าวว่า มีความห่วงใยไม่ต่างกัน โดยเฉพาะการเติบโตของตลาดคอนโดมิเนียมเมื่อเทียบกับปี 2554 พบว่าในปีนี้โตกว่า 100% ซึ่งเกรงจะเป็นดีมานด์แบบลวงตา เพราะระดับราคาไม่ถึง 1 ล้านบาท หรือ 1 ล้านบาทต้นๆ มักจะไม่ใช่การซื้อเพื่ออยู่อาศัย แต่จะเป็นลักษณะการซื้อเพื่อเก็งกำไร ซึ่งก็จะมีผลกระทบในวงกว้าง ไม่เฉพาะในส่วนของบ้านพักอาศัยเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงบ้านเช่า อพาร์ตเมนต์ และโรงแรมที่พักด้วย

ที่มา : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก