การเคหะฯ ระดมทุนทำบ้านเอื้ออาทร จับมือ บตท.ทำเอ็มโอยู แปลงสินทรัพย์เป็นทุนมูลค่า 1 หมื่นล้านบาท พร้อมหาทางระดมทุนเพิ่มอีก 2 หมื่นล้าน ด้าน บตท.เชื่อตลาดอสังหาฯ ยังเติบโต ระบุการเข้าซื้อพอร์ตสินเชื่อครั้งนี้มีความเสี่ยงน้อย
เมื่อวันที่ 22 มิ.ย. มีรายงานว่า การเคหะแห่งชาติ (กคช.) และบรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย (บตท.) ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจโครงการความร่วมมือเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ คิดเป็นมูลค่า 10,000 ล้านบาท โดยมีนายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ร่วมเป็นสักขีพยานในการร่วมมือของทั้ง 2 หน่วยงาน
ด้านนายวิฑูรย์ เจียสกุล ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ กล่าวว่าเงินที่ได้จากการขายสินทรัพย์แก่ บตท.ครั้งนี้ จะนำไปลงทุนในโครงการบ้านเอื้ออาทร ประมาณ 90 โครงการ ทั้งโครงการใหม่และเก่า ซึ่งจะใช้เงินลงทุนทั้งสิ้นประมาณ 3 หมื่นล้านบาท ส่วนเงินอีก 2 หมื่นล้านบาท จะหาทางระดมทุนด้วยวิธีอื่นต่อไป
เมื่อวันที่ 22 มิ.ย. มีรายงานว่า การเคหะแห่งชาติ (กคช.) และบรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย (บตท.) ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจโครงการความร่วมมือเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ คิดเป็นมูลค่า 10,000 ล้านบาท โดยมีนายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ร่วมเป็นสักขีพยานในการร่วมมือของทั้ง 2 หน่วยงาน
ด้านนายวิฑูรย์ เจียสกุล ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ กล่าวว่าเงินที่ได้จากการขายสินทรัพย์แก่ บตท.ครั้งนี้ จะนำไปลงทุนในโครงการบ้านเอื้ออาทร ประมาณ 90 โครงการ ทั้งโครงการใหม่และเก่า ซึ่งจะใช้เงินลงทุนทั้งสิ้นประมาณ 3 หมื่นล้านบาท ส่วนเงินอีก 2 หมื่นล้านบาท จะหาทางระดมทุนด้วยวิธีอื่นต่อไป
สำหรับสินทรัพย์ที่อยู่อาศัยของการเคหะฯ ปัจจุบันมีมูลค่า 5 หมื่นล้านบาท ขณะยอดหนี้ลดลงเหลือ 3 หมื่นล้านบาท จากเดิมที่เคยอยู่สูงถึง 9 หมื่นล้าน ซึ่งถ้าขายสินทรัพย์ลอตนี้ออกไป ตัวเลขหนี้จะลดลงเหลือเพียง 2 หมื่นล้านบาท โดยมีเป้าหมายต้องการทำให้ตัวเลขหนี้ลดลงมากที่สุด
ขณะที่นางพรนิภา หาชัยภูมิ กรรมการและผู้จัดการ บรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย กล่าวว่า ในปีนี้มีนโยบายที่จะรับซื้อพอร์ตสินเชื่อที่อยู่อาศัย ประมาณ 2,000-3,000 ล้านบาท เพื่อทำให้ประชาชนมีที่อยู่อาศัยมากขึ้น และมองว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังเติบโตต่อเนื่อง ส่วนสถานการณ์ของเศรษฐกิจยุโรปและสหรัฐฯ ไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อภายในประเทศมากนัก เพราะมั่นใจรัฐบาลจะสามารถหามาตรการรองรับวิกฤติได้
อย่างไรก็ตาม การเข้าซื้อพอร์ตสินเชื่อของการเคหะแห่งชาติเพื่อแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ในครั้งนี้ คิดเป็นมูลค่า 10,000 ล้านบาท ถือว่ามีความเสี่ยงน้อย เพราะมีสินทรัพย์ค้ำประกันอยู่ ขณะที่มีส่วนต่างจากผลกำไรในการออกตราสารหนี้อยู่ประมาณ 3-4% โดย บตท.จะทยอยออกขายตราสารหนี้แบ่งเป็น 3 ลอต โดยลอตแรกคาดว่าจะสามารถนำออกขายได้อีกประมาณ 5-6 เดือนข้างหน้า นอกจากนี้ กำลังอยู่ระหว่างการหารือกับธนาคารพาณิชย์ขนาดเล็ก 3 แห่ง รวมทั้งบริษัทประกันชีวิต ในการรับซื้อพอร์ตสินเชื่อที่อยู่อาศัยภายในปีนี้
ที่มา: http://www.thairath.co.th
ขณะที่นางพรนิภา หาชัยภูมิ กรรมการและผู้จัดการ บรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย กล่าวว่า ในปีนี้มีนโยบายที่จะรับซื้อพอร์ตสินเชื่อที่อยู่อาศัย ประมาณ 2,000-3,000 ล้านบาท เพื่อทำให้ประชาชนมีที่อยู่อาศัยมากขึ้น และมองว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังเติบโตต่อเนื่อง ส่วนสถานการณ์ของเศรษฐกิจยุโรปและสหรัฐฯ ไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อภายในประเทศมากนัก เพราะมั่นใจรัฐบาลจะสามารถหามาตรการรองรับวิกฤติได้
อย่างไรก็ตาม การเข้าซื้อพอร์ตสินเชื่อของการเคหะแห่งชาติเพื่อแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ในครั้งนี้ คิดเป็นมูลค่า 10,000 ล้านบาท ถือว่ามีความเสี่ยงน้อย เพราะมีสินทรัพย์ค้ำประกันอยู่ ขณะที่มีส่วนต่างจากผลกำไรในการออกตราสารหนี้อยู่ประมาณ 3-4% โดย บตท.จะทยอยออกขายตราสารหนี้แบ่งเป็น 3 ลอต โดยลอตแรกคาดว่าจะสามารถนำออกขายได้อีกประมาณ 5-6 เดือนข้างหน้า นอกจากนี้ กำลังอยู่ระหว่างการหารือกับธนาคารพาณิชย์ขนาดเล็ก 3 แห่ง รวมทั้งบริษัทประกันชีวิต ในการรับซื้อพอร์ตสินเชื่อที่อยู่อาศัยภายในปีนี้
ที่มา: http://www.thairath.co.th