หลังน้ำท่วมที่อยู่อาศัยยอดโอน ยอดจดทะเบียนไตรมาสแรกวูบตามคาด สร้างเสร็จจดทะเบียนลด 8% เหลือ 20,900 หน่วย โดยเฉพาะ 3 จังหวัดน้ำท่วมหนักหายมากถึง 25% ขณะที่ยอดโอนกรรมสิทธิ์ ไตรมาสแรกลดลง 10% เหลือมูลค่าการโอน 6.9 หมื่นล้าน
นายสัมมา คีตสิน ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จจดทะเบียนใหม่ในไตรมาสแรกที่ผ่านมาลดลง 8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว จากจำนวนประมาณ 22,700 หน่วย เหลือประมาณ 20,900 หน่วย ซึ่งยอดสร้างเสร็จจดทะเบียนใหม่ในไตรมาสแรก แบ่งเป็นเดือนมกราคมประมาณ 3,300 หน่วย เดือนกุมภาพันธ์ประมาณ 10,900 หน่วย และเดือนมีนาคมอีกประมาณ 6,700 หน่วย
"ในพื้นที่กรุงเทพฯ มีที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จจดทะเบียนใหม่ประมาณ 11,900 หน่วย และจังหวัดปริมณฑลรวมกันอีกประมาณ 9,000 หน่วย เป็นที่น่าสังเกตว่าจำนวนหน่วยในกรุงเทพฯเพิ่มขึ้นถึง 12% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่จำนวนหน่วยในจังหวัดปริมณฑลกลับลดลงมากถึง 25% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สะท้อนปัญหาผลพวงจากอุทกภัยใหญ่ ซึ่งกระทบจังหวัดปริมณฑลมากกว่า เช่น ในจังหวัดนนทบุรี ปทุมธานี และนครปฐม" นายสัมมา กล่าวและว่า
นายสัมมา คีตสิน ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จจดทะเบียนใหม่ในไตรมาสแรกที่ผ่านมาลดลง 8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว จากจำนวนประมาณ 22,700 หน่วย เหลือประมาณ 20,900 หน่วย ซึ่งยอดสร้างเสร็จจดทะเบียนใหม่ในไตรมาสแรก แบ่งเป็นเดือนมกราคมประมาณ 3,300 หน่วย เดือนกุมภาพันธ์ประมาณ 10,900 หน่วย และเดือนมีนาคมอีกประมาณ 6,700 หน่วย
"ในพื้นที่กรุงเทพฯ มีที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จจดทะเบียนใหม่ประมาณ 11,900 หน่วย และจังหวัดปริมณฑลรวมกันอีกประมาณ 9,000 หน่วย เป็นที่น่าสังเกตว่าจำนวนหน่วยในกรุงเทพฯเพิ่มขึ้นถึง 12% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่จำนวนหน่วยในจังหวัดปริมณฑลกลับลดลงมากถึง 25% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สะท้อนปัญหาผลพวงจากอุทกภัยใหญ่ ซึ่งกระทบจังหวัดปริมณฑลมากกว่า เช่น ในจังหวัดนนทบุรี ปทุมธานี และนครปฐม" นายสัมมา กล่าวและว่า
หากแยกตามประเภทของที่อยู่อาศัย พบว่ามีห้องชุดสร้างเสร็จจดทะเบียนใหม่ประมาณ 9,750 หน่วย เพิ่มขึ้น 14% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยจำนวนหน่วยห้องชุดคิดเป็นสัดส่วน 47% ของหน่วยที่อยู่อาศัยทั้งหมด บ้านเดี่ยวมีประมาณ 7,550 หน่วย ลดลง 23% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยจำนวนหน่วยบ้านเดี่ยวคิดเป็นสัดส่วน 36% ของหน่วยที่อยู่อาศัยทั้งหมด เป็นทาวน์เฮาส์ประมาณ 2,800 หน่วย ลดลง 6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยจำนวนหน่วยทาวน์เฮาส์คิดเป็น 13% ของหน่วยที่อยู่อาศัยทั้งหมด ที่เหลือเป็นอาคารพาณิชย์พักอาศัยประมาณ 450 หน่วย และบ้านแฝดประมาณ 350 หน่วย ลดลงรวมกันประมาณ 42% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีจำนวนหน่วยรวมกันคิดเป็น 4% ของหน่วยที่อยู่อาศัยทั้งหมด
นายสัมมา กล่าวอีกว่า ช่วงปี 2554 ผู้ประกอบการภาคเอกชนเปิดโครงการอาคารชุดน้อยลงเมื่อเทียบกับปี 2553 รวมถึงกรณีที่หน่วยอาคารชุดเอื้ออาทรมีจำนวนลดลง และประเด็นปัญหาการขาดแคลนแรงงานและปัญหาอุทกภัย ทำให้การก่อสร้างอาคารชุดจนเสร็จมีความล่าช้ากว่ากำหนด เพราะต้องสร้างให้เสร็จทั้งอาคารจึงจะจดทะเบียนเป็นห้องชุดใหม่ได้ ทำให้สัดส่วนอาคารชุดสร้างเสร็จจดทะเบียนมี 47% ของหน่วยที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จจดทะเบียนใหม่ทั้งหมด ยังคงต่ำกว่า 50% ต่อเนื่องจากตลอดปีที่ผ่านมา ซึ่งมีสัดส่วนเพียง 42% ถือว่าลดลงจากสัดส่วน 57% ตลอดปี 2552 และ 56% ตลอดปี 2553
ด้านยอดการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัย ในกรุงเทพฯ-ปริมณฑลนั้น พบว่าในไตรมาสแรกของปี 2554 มีรวมกันประมาณ 32,100 หน่วย ลดลง 10% เมื่อเทียบกับจำนวน 35,600 หน่วย ในช่วงไตรมาสแรกปี 2554 แต่เพิ่มขึ้น 14% จากจำนวน 28,200 หน่วยของไตรมาสสุดท้ายปี 2554 แบ่งเป็นยอดโอนในเดือนมกราคมประมาณ 7,900 หน่วย เดือนกุมภาพันธ์ประมาณ 10,550 หน่วย และเดือนมีนาคมประมาณ 13,650 หน่วย แสดงให้เห็นว่าสถานการณ์ด้านการโอนกรรมสิทธิ์ดีขึ้นตามลำดับ
นายสัมมา กล่าวเพิ่มว่า ยอดโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยทุกประเภทในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล เฉลี่ยต่อเดือนในไตรมาสแรก เท่ากับเดือนละ 10,700 หน่วย เปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมามีค่าเฉลี่ยเดือนละ 12,500 หน่วย และเปรียบเทียบกับค่าเฉลี่ยเดือนละ 13,550 หน่วย ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2554 ซึ่งเป็นช่วงก่อนเกิดอุทกภัยใหญ่ในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล หากดูเฉพาะจังหวัดปริมณฑล 3 จังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยรุนแรงที่สุด พบว่ายอดการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยทุกประเภท เปรียบเทียบรอบ 9 เดือนแรกของปี 2554 กับรอบ 6 เดือนถัดมา ส่วนใหญ่จะมีจำนวนลดลง โดยนนทบุรีมีจำนวนเฉลี่ยลดลง 44% ปทุมธานีมีจำนวนลดลงเฉลี่ย 43% และนครปฐมมีจำนวนเฉลี่ยลดลง 51%
"ยอดโอนกรรมสิทธิ์ในไตรมาสแรก เป็นห้องชุดจำนวน 14,100 หน่วย รองลงมาเป็นทาวน์เฮาส์ 9,050 หน่วย บ้านเดี่ยว 5,450 หน่วย อาคารพาณิชย์ 2,700 หน่วย ที่เหลือเป็นบ้านแฝดประมาณเกือบ 800 หน่วย โดยมีมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัย ในไตรมาสแรก 69,350 ล้านบาท แบ่งเป็น ห้องชุด ประมาณ 26,550 ล้านบาท บ้านเดี่ยวมีมูลค่า 19,700 ล้านบาท ทาวน์เฮาส์มีมูลค่า 14,100 ล้านบาท อาคารพาณิชย์มีมูลค่า 7,100 ล้านบาท และบ้านแฝดมีมูลค่า 1,900 ล้านบาท" นายสัมมา กล่าวในตอนท้าย
ที่มา: หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับวันที่ 24 - 26 พ.ค. 2555
นายสัมมา กล่าวอีกว่า ช่วงปี 2554 ผู้ประกอบการภาคเอกชนเปิดโครงการอาคารชุดน้อยลงเมื่อเทียบกับปี 2553 รวมถึงกรณีที่หน่วยอาคารชุดเอื้ออาทรมีจำนวนลดลง และประเด็นปัญหาการขาดแคลนแรงงานและปัญหาอุทกภัย ทำให้การก่อสร้างอาคารชุดจนเสร็จมีความล่าช้ากว่ากำหนด เพราะต้องสร้างให้เสร็จทั้งอาคารจึงจะจดทะเบียนเป็นห้องชุดใหม่ได้ ทำให้สัดส่วนอาคารชุดสร้างเสร็จจดทะเบียนมี 47% ของหน่วยที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จจดทะเบียนใหม่ทั้งหมด ยังคงต่ำกว่า 50% ต่อเนื่องจากตลอดปีที่ผ่านมา ซึ่งมีสัดส่วนเพียง 42% ถือว่าลดลงจากสัดส่วน 57% ตลอดปี 2552 และ 56% ตลอดปี 2553
ด้านยอดการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัย ในกรุงเทพฯ-ปริมณฑลนั้น พบว่าในไตรมาสแรกของปี 2554 มีรวมกันประมาณ 32,100 หน่วย ลดลง 10% เมื่อเทียบกับจำนวน 35,600 หน่วย ในช่วงไตรมาสแรกปี 2554 แต่เพิ่มขึ้น 14% จากจำนวน 28,200 หน่วยของไตรมาสสุดท้ายปี 2554 แบ่งเป็นยอดโอนในเดือนมกราคมประมาณ 7,900 หน่วย เดือนกุมภาพันธ์ประมาณ 10,550 หน่วย และเดือนมีนาคมประมาณ 13,650 หน่วย แสดงให้เห็นว่าสถานการณ์ด้านการโอนกรรมสิทธิ์ดีขึ้นตามลำดับ
นายสัมมา กล่าวเพิ่มว่า ยอดโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยทุกประเภทในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล เฉลี่ยต่อเดือนในไตรมาสแรก เท่ากับเดือนละ 10,700 หน่วย เปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมามีค่าเฉลี่ยเดือนละ 12,500 หน่วย และเปรียบเทียบกับค่าเฉลี่ยเดือนละ 13,550 หน่วย ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2554 ซึ่งเป็นช่วงก่อนเกิดอุทกภัยใหญ่ในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล หากดูเฉพาะจังหวัดปริมณฑล 3 จังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยรุนแรงที่สุด พบว่ายอดการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยทุกประเภท เปรียบเทียบรอบ 9 เดือนแรกของปี 2554 กับรอบ 6 เดือนถัดมา ส่วนใหญ่จะมีจำนวนลดลง โดยนนทบุรีมีจำนวนเฉลี่ยลดลง 44% ปทุมธานีมีจำนวนลดลงเฉลี่ย 43% และนครปฐมมีจำนวนเฉลี่ยลดลง 51%
"ยอดโอนกรรมสิทธิ์ในไตรมาสแรก เป็นห้องชุดจำนวน 14,100 หน่วย รองลงมาเป็นทาวน์เฮาส์ 9,050 หน่วย บ้านเดี่ยว 5,450 หน่วย อาคารพาณิชย์ 2,700 หน่วย ที่เหลือเป็นบ้านแฝดประมาณเกือบ 800 หน่วย โดยมีมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัย ในไตรมาสแรก 69,350 ล้านบาท แบ่งเป็น ห้องชุด ประมาณ 26,550 ล้านบาท บ้านเดี่ยวมีมูลค่า 19,700 ล้านบาท ทาวน์เฮาส์มีมูลค่า 14,100 ล้านบาท อาคารพาณิชย์มีมูลค่า 7,100 ล้านบาท และบ้านแฝดมีมูลค่า 1,900 ล้านบาท" นายสัมมา กล่าวในตอนท้าย
ที่มา: หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับวันที่ 24 - 26 พ.ค. 2555