
ไตรเตชะ ตั้งมติธรรม บิ๊กอสังหาฯ ลุยขึ้นโปรเจ็กต์ต่างจังหวัด 4 เดือน ทำยอดขายทะลุเป้า ศุภาลัย เปิด 4 โปรเจ็กต์ในเชียงใหม่ ขอนแก่น สงขลา และภูเก็ต ทำยอดขายได้ไม่ต่ำกว่า 50% ต่อโครงการรวมยอดขายเกือบ 1,000 ล้าน
ด้านแสนสิริ ปิดโครงการที่ภูเก็ตได้ในครึ่งวัน เดินหน้าอีก 15 โปรเจ็กต์หมื่นล้านในต่างจังหวัด แอล.พี.เอ็น. ยึดพัทยาขายได้ 70-90%
นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการบริหาร บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในต่างจังหวัด จากการที่บริษัทได้เข้าไปพัฒนาโครงการต่างๆ พบว่าได้รับการตอบรับจากกลุ่มลูกค้าเป็นอย่างดี โดยมีอัตราการดูดซับใกล้เคียงกับการพัฒนาโครงการในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งเป็นผลจากการที่กลุ่มลูกค้าให้การยอมรับใน ชื่อเสียงของบริษัท
ด้านแสนสิริ ปิดโครงการที่ภูเก็ตได้ในครึ่งวัน เดินหน้าอีก 15 โปรเจ็กต์หมื่นล้านในต่างจังหวัด แอล.พี.เอ็น. ยึดพัทยาขายได้ 70-90%
นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการบริหาร บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในต่างจังหวัด จากการที่บริษัทได้เข้าไปพัฒนาโครงการต่างๆ พบว่าได้รับการตอบรับจากกลุ่มลูกค้าเป็นอย่างดี โดยมีอัตราการดูดซับใกล้เคียงกับการพัฒนาโครงการในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งเป็นผลจากการที่กลุ่มลูกค้าให้การยอมรับใน ชื่อเสียงของบริษัท
ขณะที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในต่างจังหวัด ถือว่ามีความต้องการที่อยู่อาศัยต่อเนื่อง เพียงแต่ที่ผ่านมาการพัฒนาโครงการของผู้ประกอบการในท้องถิ่น อาจจะยังไม่ตรงตามความต้องการของตลาดมากนัก ทำให้กลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่เลือกที่จะปลูกสร้างบ้านเอง แทนการซื้อบ้านที่อยู่ในโครงการจัดสรร อย่างไรก็ตาม จากการเข้าไปพัฒนาโครงการของผู้ประกอบการจากส่วนกลาง ทำให้กลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อเริ่มหันมาซื้อบ้านในโครงการแทน
นายไตรเตชะ กล่าวว่า ปัจจัยที่ทำให้การพัฒนาโครงการของบริษัทได้รับการตอบรับที่ดี นอกเหนือจากเรื่องของชื่อเสียงของโครงการแล้ว เป็นเพราะจังหวัดหัวเมืองหลักที่เข้าไปพัฒนาโครงการนั้น เป็นศูนย์รวมด้านการศึกษาที่มีมหาวิทยาลัย เป็นศูนย์กลางของด้านแรงงาน ทั้งงานส่วนราชการและงานภาคเอกชน ทำให้มีแรงงานเคลื่อนย้ายเข้ามาทำงานในจังหวัดนั้น ส่งผลให้เกิดความต้องการด้านที่อยู่อาศัยเพิ่มมากขึ้น
"อัตราการขายบางโครงการในต่างจังหวัดดีกว่ากรุงเทพฯ ด้วยซ้ำ แต่โดยเฉลี่ยแล้วในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑลยังขายดีอยู่กว่าเล็กน้อย แต่ตลาดต่างจังหวัดก็มีแนวโน้มเติบโตดีขึ้นเรื่อย ในจังหวัดที่บริษัทไปเปิดโครงการ ทั้งเชียงใหม่ ภูเก็ต หาดใหญ่ ขอนแก่น ตั้งแต่ช่วงต้นปีถึงปัจจุบัน จำนวน 4 โครงการ ซึ่งยอดขายก็ทำได้ดีที่เชียงใหม่ ขายได้กว่า 50% หาดใหญ่ ขายได้ 85% โดยยอดขายถึงเดือนเมษายนทั้งบริษัททำได้ 4,800 ล้านบาท เป็นสัดส่วนจากโครงการต่างจังหวัด 20%" นายไตรเตชะ กล่าว
นายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยในตลาดต่างจังหวัดรวมประมาณ 15 โครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 10,000 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการที่อยู่อาศัยในทำเลหัวหิน จำนวน 6 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 3,550 ล้านบาท,โครงการอยู่อาศัยใน จ.ภูเก็ต 5 โครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 3,000 ล้านบาท,โครงการในทำเลเขาใหญ่ จำนวน 2 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 1,000 ล้านบาท, และกำลังจะเปิดตัวโครงการใหม่ใน จ.ขอนแก่นอีก 1 โครงการ มูลค่าโครงการประมาณ 630 ล้านบาท รวมทั้งโครงการที่อยู่อาศัยในพัทยา จำนวน 1 โครงการ มูลค่าประมาณ 1,900 ล้านบาท
"บริษัทมีความมั่นใจกับการตอบรับของลูกค้าในตลาดต่างจังหวัดเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งล่าสุดกับความสำเร็จจากการปิดการขาย 3 โครงการคอนโดมิเนียม สไตล์รีสอร์ตตากอากาศในทำเลหัวหินจำนวนซึ่งแสนสิริเป็นเจ้าตลาดมาอย่างยาวนาน อันได้แก่ บ้านคุ้นเคย - บ้านคู่เคียง และซัมเมอร์ จำนวนทั้งสิ้น 708 ยูนิต คิดเป็นมูลค่า 1,730 ล้านบาท โครงการในจ.ภูเก็ต แบรนด์ "ดีคอนโด" ได้แก่ ดีคอนโด กะทู้ ปิดการขายจำนวน 556 ยูนิต ได้ภายในระยะเวลาเพียงครึ่งวัน ของการเปิดพรีเซลวันแรกในเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา และ ดีคอนโด กะทู้ -ป่าตอง ปิดการขายจำนวนถึง 653 ยูนิต ได้ภายในระยะเวลาเพียง 1 วัน" นายเศรษฐา กล่าวและว่า
บริษัทได้เดินหน้าตามแผนการดำเนินงานโดยการส่งโครงการ ฮาบิเทีย บ้านแฝดสไตล์โมเดิร์น 2 ชั้น จำนวน 244 หลัง ตอบรับกระแสความต้องการกลุ่มคนทำงานหรือนักธุรกิจที่ต้องการที่อยู่อาศัยในรูปแบบของบ้านคุณภาพ ที่มีดีไซน์ตอบสนองชีวิตประจำวันของคนรุ่นใหม่อย่างลงตัว โดยสามารถปิดยอดขายไปกว่า 70% หลังเปิดการขายในระยะเวลาเพียง 2 เดือน
ขณะที่บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ซึ่งได้พัฒนาโครงการในพัทยา จังหวัดชลบุรีก็ประสบความสำเร็จ โดยโครงการลุมพินี พาร์ค บิช จอมเทียน มูลค่ากว่า 4,000 ล้านบาท สามารถทำยอดขายได้กว่า 90% โครงการลุมพินี วิลล์ นาเกลือ-วงศ์อมาตย์ มูลค่า 800 ล้านบาท สามารถทำยอดขายได้กว่า 70%
นายสัมมา คีตสิน ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กล่าวว่า โครงการที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่ ในต่างจังหวัดในแผนงานประจำปี ซึ่งผู้ประกอบการได้แถลงต่อสื่อมวลชนในช่วงต้นปี 2555 ทำให้เห็นภาพว่าผู้ประกอบการจากส่วนกลางซึ่งส่วนใหญ่เป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ มีแผนขยายการดำเนินงานออกไปสู่จังหวัดหัวเมืองใหญ่ในภูมิภาคมากขึ้น โดยเฉพาะในจังหวัดชลบุรี ในอำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ต่อเนื่องอำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี
โดยในจังหวัดชลบุรี มีผู้ประกอบการรายใหญ่จากส่วนกลางที่ได้เปิดโครงการหรือมีแผนงานที่จะเปิดโครงการที่อยู่อาศัยจากผู้ประกอบการจากส่วนกลางประมาณ 20 โครงการ แบ่งเป็นบ้านจัดสรรประมาณ 11 โครงการ และอาคารชุดประมาณ 9 โครงการ นอกจากนี้ ยังมีโครงการของผู้ประกอบการรายย่อยอื่นๆ และผู้ประกอบการในท้องถิ่นอีกจำนวนหนึ่ง สำหรับในพื้นที่อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และอำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี มีผู้ประกอบการรายใหญ่จากส่วนกลางที่ได้เปิดโครงการหรือมีแผนงานที่จะเปิดโครงการที่อยู่อาศัย ประมาณ 11 โครงการ แบ่งเป็นบ้านจัดสรรประมาณ 2 โครงการ และอาคารชุดประมาณ 9 โครงการ นอกจากนี้ ยังมีโครงการของผู้ประกอบการรายย่อยอื่นๆ และผู้ประกอบการในท้องถิ่นอีกจำนวนหนึ่ง
นอกจากนี้ ผู้ประกอบการจากส่วนกลางยังมีแผนเปิดโครงการในจังหวัดใหญ่อื่นๆ ดังนี้ จังหวัดเชียงใหม่ ผู้ประกอบการจากส่วนกลางยังมีแผนเปิดโครงการบ้านจัดสรรประมาณ 3 โครงการ และอาคารชุดประมาณ 3 โครงการ จังหวัดภูเก็ต ผู้ประกอบการจากส่วนกลางยังมีแผนเปิดโครงการบ้านจัดสรรประมาณ 6 โครงการ และอาคารชุดประมาณ 4 โครงการ จังหวัดนครราชสีมา ผู้ประกอบการจากส่วนกลางยังมีแผนเปิดโครงการบ้านจัดสรรประมาณ 3 โครงการ
จังหวัดขอนแก่น ผู้ประกอบการจากส่วนกลางยังมีแผนเปิดโครงการบ้านจัดสรรประมาณ 5 โครงการ และอาคารชุดประมาณ 1 โครงการ จังหวัดอุดรธานี ผู้ประกอบการจากส่วนกลางยังมีแผนเปิดโครงการบ้านจัดสรรประมาณ 1 โครงการ
ที่มา :หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 2,741 20-23 พฤษภาคม พ.ศ. 2555
นายไตรเตชะ กล่าวว่า ปัจจัยที่ทำให้การพัฒนาโครงการของบริษัทได้รับการตอบรับที่ดี นอกเหนือจากเรื่องของชื่อเสียงของโครงการแล้ว เป็นเพราะจังหวัดหัวเมืองหลักที่เข้าไปพัฒนาโครงการนั้น เป็นศูนย์รวมด้านการศึกษาที่มีมหาวิทยาลัย เป็นศูนย์กลางของด้านแรงงาน ทั้งงานส่วนราชการและงานภาคเอกชน ทำให้มีแรงงานเคลื่อนย้ายเข้ามาทำงานในจังหวัดนั้น ส่งผลให้เกิดความต้องการด้านที่อยู่อาศัยเพิ่มมากขึ้น
"อัตราการขายบางโครงการในต่างจังหวัดดีกว่ากรุงเทพฯ ด้วยซ้ำ แต่โดยเฉลี่ยแล้วในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑลยังขายดีอยู่กว่าเล็กน้อย แต่ตลาดต่างจังหวัดก็มีแนวโน้มเติบโตดีขึ้นเรื่อย ในจังหวัดที่บริษัทไปเปิดโครงการ ทั้งเชียงใหม่ ภูเก็ต หาดใหญ่ ขอนแก่น ตั้งแต่ช่วงต้นปีถึงปัจจุบัน จำนวน 4 โครงการ ซึ่งยอดขายก็ทำได้ดีที่เชียงใหม่ ขายได้กว่า 50% หาดใหญ่ ขายได้ 85% โดยยอดขายถึงเดือนเมษายนทั้งบริษัททำได้ 4,800 ล้านบาท เป็นสัดส่วนจากโครงการต่างจังหวัด 20%" นายไตรเตชะ กล่าว
นายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยในตลาดต่างจังหวัดรวมประมาณ 15 โครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 10,000 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการที่อยู่อาศัยในทำเลหัวหิน จำนวน 6 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 3,550 ล้านบาท,โครงการอยู่อาศัยใน จ.ภูเก็ต 5 โครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 3,000 ล้านบาท,โครงการในทำเลเขาใหญ่ จำนวน 2 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 1,000 ล้านบาท, และกำลังจะเปิดตัวโครงการใหม่ใน จ.ขอนแก่นอีก 1 โครงการ มูลค่าโครงการประมาณ 630 ล้านบาท รวมทั้งโครงการที่อยู่อาศัยในพัทยา จำนวน 1 โครงการ มูลค่าประมาณ 1,900 ล้านบาท
"บริษัทมีความมั่นใจกับการตอบรับของลูกค้าในตลาดต่างจังหวัดเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งล่าสุดกับความสำเร็จจากการปิดการขาย 3 โครงการคอนโดมิเนียม สไตล์รีสอร์ตตากอากาศในทำเลหัวหินจำนวนซึ่งแสนสิริเป็นเจ้าตลาดมาอย่างยาวนาน อันได้แก่ บ้านคุ้นเคย - บ้านคู่เคียง และซัมเมอร์ จำนวนทั้งสิ้น 708 ยูนิต คิดเป็นมูลค่า 1,730 ล้านบาท โครงการในจ.ภูเก็ต แบรนด์ "ดีคอนโด" ได้แก่ ดีคอนโด กะทู้ ปิดการขายจำนวน 556 ยูนิต ได้ภายในระยะเวลาเพียงครึ่งวัน ของการเปิดพรีเซลวันแรกในเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา และ ดีคอนโด กะทู้ -ป่าตอง ปิดการขายจำนวนถึง 653 ยูนิต ได้ภายในระยะเวลาเพียง 1 วัน" นายเศรษฐา กล่าวและว่า
บริษัทได้เดินหน้าตามแผนการดำเนินงานโดยการส่งโครงการ ฮาบิเทีย บ้านแฝดสไตล์โมเดิร์น 2 ชั้น จำนวน 244 หลัง ตอบรับกระแสความต้องการกลุ่มคนทำงานหรือนักธุรกิจที่ต้องการที่อยู่อาศัยในรูปแบบของบ้านคุณภาพ ที่มีดีไซน์ตอบสนองชีวิตประจำวันของคนรุ่นใหม่อย่างลงตัว โดยสามารถปิดยอดขายไปกว่า 70% หลังเปิดการขายในระยะเวลาเพียง 2 เดือน
ขณะที่บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ซึ่งได้พัฒนาโครงการในพัทยา จังหวัดชลบุรีก็ประสบความสำเร็จ โดยโครงการลุมพินี พาร์ค บิช จอมเทียน มูลค่ากว่า 4,000 ล้านบาท สามารถทำยอดขายได้กว่า 90% โครงการลุมพินี วิลล์ นาเกลือ-วงศ์อมาตย์ มูลค่า 800 ล้านบาท สามารถทำยอดขายได้กว่า 70%
นายสัมมา คีตสิน ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กล่าวว่า โครงการที่อยู่อาศัยเปิดขายใหม่ ในต่างจังหวัดในแผนงานประจำปี ซึ่งผู้ประกอบการได้แถลงต่อสื่อมวลชนในช่วงต้นปี 2555 ทำให้เห็นภาพว่าผู้ประกอบการจากส่วนกลางซึ่งส่วนใหญ่เป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ มีแผนขยายการดำเนินงานออกไปสู่จังหวัดหัวเมืองใหญ่ในภูมิภาคมากขึ้น โดยเฉพาะในจังหวัดชลบุรี ในอำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ต่อเนื่องอำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี
โดยในจังหวัดชลบุรี มีผู้ประกอบการรายใหญ่จากส่วนกลางที่ได้เปิดโครงการหรือมีแผนงานที่จะเปิดโครงการที่อยู่อาศัยจากผู้ประกอบการจากส่วนกลางประมาณ 20 โครงการ แบ่งเป็นบ้านจัดสรรประมาณ 11 โครงการ และอาคารชุดประมาณ 9 โครงการ นอกจากนี้ ยังมีโครงการของผู้ประกอบการรายย่อยอื่นๆ และผู้ประกอบการในท้องถิ่นอีกจำนวนหนึ่ง สำหรับในพื้นที่อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และอำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี มีผู้ประกอบการรายใหญ่จากส่วนกลางที่ได้เปิดโครงการหรือมีแผนงานที่จะเปิดโครงการที่อยู่อาศัย ประมาณ 11 โครงการ แบ่งเป็นบ้านจัดสรรประมาณ 2 โครงการ และอาคารชุดประมาณ 9 โครงการ นอกจากนี้ ยังมีโครงการของผู้ประกอบการรายย่อยอื่นๆ และผู้ประกอบการในท้องถิ่นอีกจำนวนหนึ่ง
นอกจากนี้ ผู้ประกอบการจากส่วนกลางยังมีแผนเปิดโครงการในจังหวัดใหญ่อื่นๆ ดังนี้ จังหวัดเชียงใหม่ ผู้ประกอบการจากส่วนกลางยังมีแผนเปิดโครงการบ้านจัดสรรประมาณ 3 โครงการ และอาคารชุดประมาณ 3 โครงการ จังหวัดภูเก็ต ผู้ประกอบการจากส่วนกลางยังมีแผนเปิดโครงการบ้านจัดสรรประมาณ 6 โครงการ และอาคารชุดประมาณ 4 โครงการ จังหวัดนครราชสีมา ผู้ประกอบการจากส่วนกลางยังมีแผนเปิดโครงการบ้านจัดสรรประมาณ 3 โครงการ
จังหวัดขอนแก่น ผู้ประกอบการจากส่วนกลางยังมีแผนเปิดโครงการบ้านจัดสรรประมาณ 5 โครงการ และอาคารชุดประมาณ 1 โครงการ จังหวัดอุดรธานี ผู้ประกอบการจากส่วนกลางยังมีแผนเปิดโครงการบ้านจัดสรรประมาณ 1 โครงการ
ที่มา :หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 2,741 20-23 พฤษภาคม พ.ศ. 2555