
กรมทางหลวงเตรียมศึกษามอเตอร์เวย์รอบใหญ่ เชื่อมโยงราชบุรี-ลพบุรี-สระบุรี-บางปะกง ระยะทางกว่า 300 กม. คาดใช้เงินลงทุนกว่า 2 แสนล้านบาท หวังรองรับการเติบโตในอนาคต พร้อมดึงกรมชลประทานร่วมวางแนวเส้นทางระบายน้ำ ป้องกันน้ำท่วม กทม.-ภาคกลางอย่างยั่งยืน
ขณะที่มอเตอร์เวย์ตามแผนแม่บท 5 เส้นทาง รอ"บิ๊กโอ๋"ชง ครม.ขออนุมัติรูปแบบลงทุนต่อไป
นายวันชัย ภาคลักษณ์ อธิบดีกรมทางหลวง(ทล.) เปิดเผย "ฐานเศรษฐกิจ" ถึงการผลักดันโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง(มอเตอร์เวย์) ว่า นอกเหนือจาก 5 เส้นทางตามแผนแม่บทแล้ว ในเร็วๆนี้ยังเตรียมมอบหมายให้ผู้รับผิดชอบไปศึกษาแนวเส้นทางตามแผนแม่บทโครงการทางหลวงพิเศษของกรมทางหลวง รอบใหญ่ที่เชื่อมโยงตั้งแต่จังหวัดราชบุรี-ลพบุรี-สระบุรี-บางปะกง เพื่อรองรับแนวทางการเติบโตตามนโยบายการพัฒนาของทล.
"จัดเป็นแผนงานโครงการในอนาคตที่จำเป็นต้องวางแผนรองรับไว้ตั้งแต่วันนี้ แม้ปัจจุบันจะมีวงแหวนกรุงเทพมหานครรอบในและรอบนอกแล้วก็ตาม แต่ในอนาคตยังจำเป็นต้องดำเนินการเพื่อการเติบโตทางเศรษฐกิจที่เป็นไปตามพื้นที่การพัฒนาเมือง แต่รูปแบบการดำเนินการในครั้งนี้อาจจะแตกต่างออกไปจากรูปแบบเดิม"
นายชูศักดิ์ เกวี ผู้อำนวยการสำนักแผนงาน กรมทางหลวง กล่าวว่า กรมทางหลวงต้องการจัดทำเป็นวงแหวนมอเตอร์เวย์เพื่อวางแผนรองรับการเติบโตของเมืองไว้ตั้งแต่วันนี้ แนวทางหนึ่งคือ ต้องขยายให้ครอบคลุมพื้นที่มากขึ้น ซึ่งในครั้งนี้คาดว่าจะต้องร่วมกับกรมชลประทานเพื่อสร้างแนวเส้นทางระบายน้ำหรือแนวป้องกันน้ำท่วมพื้นที่ในส่วนใต้โครงการลงมาเอาไว้ด้วย เพื่อระบายออกทะเลได้เร็วขึ้นและยังถือเป็นการป้องกันน้ำท่วมพื้นที่ภาคกลางและกรุงเทพมหานครอย่างยั่งยืนอีกด้วย
"รอบใหญ่นี้ระยะทางจะมากกว่า 300 กิโลเมตร คาดว่าต้องลงทุนกว่า 2 แสนล้านบาท โดยกระบวนการต่อจากนี้ ต้องขออนุมัติงบประมาณเพื่อศึกษาความเหมาะสมและรูปแบบโครงการ ผลกระทบต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อม โดยจะต้องหารือร่วมกับกรมชลประทานก่อนที่จะชงให้กระทรวงคมนาคมและรัฐบาลให้ความเห็นชอบ ทั้งในเรื่องเจ้าภาพดำเนินโครงการ และรูปแบบการลงทุนต่อไป"
นายชูศักดิ์ กล่าวอีกว่า โครงการนี้รูปแบบจะเป็นทั้งถนนและคลองระบายน้ำเช่นเดียวกับการผลักดันถนนวงแหวนรอบนอกกทม.รอบที่ 3 ที่กำลังเร่งให้มีการศึกษาอยู่ในขณะนี้ แนวเขตทางตามแผนกว้างประมาณ 80-100 เมตร แต่หากต้องทำแนวเส้นทางระบายน้ำด้วยอาจต้องขยายพื้นที่ออกไปอีก จึงต้องศึกษาโดยละเอียด เพราะผลกระทบสูง โดยอาจเป็นทั้งทางระดับพื้นและยกระดับซึ่งรัฐบาลมีนโยบายก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง เพื่อกระจายปริมาณจราจรจากกทม.-ปริมณฑลออกไปสู่ภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ โดยได้มีแผนแม่บทระบบทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2540 จำนวนทั้งสิ้น 13 เส้นทาง ระยะทางรวม 4,150 กม. ซึ่งกำหนดเป็นแผนระยะยาว 20 ปี ตั้งแต่แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 8 (พ.ศ. 2540 - 2544) จนถึงฉบับที่ 11 (พ.ศ. 2555 - 2559) แต่ปัจจุบันสามารถเปิดให้บริการได้เพียง 2 เส้นทางเท่านั้น คือ ทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองสายกรุงเทพฯ-ชลบุรี ระยะทาง 79 กิโลเมตร กับทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองสายวงแหวนรอบนอกกรุงเทพฯ ระยะทาง 65 กิโลเมตร และปัจจุบันทล.ยังมีแผนการพัฒนาทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองระยะเร่งด่วนอีก 5 เส้นทาง ภายในรัศมี 250 กิโลเมตรจากกรุงเทพฯ รวมระยะทางประมาณ 700 กิโลเมตร กำหนดแล้วเสร็จปี 2560 โดยใช้งบลงทุนประมาณ 180,000 ล้านบาท
"ผลดีของมอเตอร์เวย์รอบใหญ่นี้ นอกจากจะแตกต่างจากอีก 5 เส้นทางแล้ว ยังจะใช้เป็นเส้นทางคมนาคมขนส่งควบคู่ไปกับเส้นทางระบายน้ำ นอกจากนั้นยังเป็นการช่วยให้รถไม่ต้องเข้าสู่พื้นที่ชั้นในมากขึ้น โดยแนวอาจจะต่อเชื่อมกับบางจุดของ 5 เส้นทางที่อยู่ระหว่างการทบทวนแผนแม่บทในขณะนี้ เช่น เส้นทางบางปะอิน-นครราชสีมาสามารถต่อเชื่อมได้ที่จุดสระบุรี รถทางภาคอีสานที่จะไปภาคใต้ก็ไม่ต้องผ่านเข้ามาในพื้นที่ชั้นในอีกต่อไปโดยต้องบูรณาการร่วมกันหลายฝ่าย เช่นกรมชลประทาน โดยเชื่อว่าจะดำเนินการได้เร็วขึ้นหากมีเจ้าภาพในการก่อสร้างวงแหวนรอบนอกรอบที่ 3 ที่ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการนำเสนอให้รัฐบาลพิจารณา ส่วนโครงการมอเตอร์เวย์ใน 5 เส้นทางนั้นขณะนี้เรื่องอยู่ที่กระทรวงคมนาคมเพื่อรอให้พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมนำเสนอให้รัฐบาลอนุมัติรูปแบบการลงทุนต่อไป"
ทั้งนี้ตามแผนแม่บทการก่อสร้างมอเตอร์เวย์ใน 5 เส้นทาง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างทบทวนผลการศึกษาความเหมาะสมใหม่นั้นปรากฏว่า ได้รับผลกระทบจากปัญหาอุทกภัยในปี 2554 นี้ด้วยเนื่องจากไม่สามารถลงพื้นที่ตรวจสอบแนวเส้นทางที่มีจุดน้ำท่วมได้ จึงล่าช้าออกไปตามแผนที่เดิมกำหนดว่าจะแล้วเสร็จใน 15 เดือน ประกอบไปด้วย 1. ทางหลวงพิเศษหมายเลข 6 เส้นทางบางปะอิน-สระบุรี-นครราชสีมา ระยะทาง 199 กิโลเมตร ค่าก่อสร้าง 59,000 ล้านบาท เชื่อมสู่ภาคกลาง/ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 2.ทางหลวงพิเศษหมายเลข 81 เส้นทางบางใหญ่-บ้านโป่ง-กาญจนบุรี ระยะทาง 98 กิโลเมตร ค่าก่อสร้าง 24,040 ล้านบาท เชื่อมสู่ภาคตะวันตก 3.ทางหลวงหมายเลข 8 เส้นทาง นครปฐม-สมุทรสงคราม-ชะอำ ระยะทาง 134 กิโลเมตร ค่าก่อสร้าง 38,200 ล้านบาท เชื่อมสู่ภาคใต้ 4.ทางหลวงหมายเลข 7 เส้นทางชลบุรี-พัทยา-มาบตาพุด ระยะทาง 89 กิโลเมตร ค่าก่อสร้าง 10,600 ล้านบาท เชื่อมสู่ภาคตะวันออก และ 5.ทางหลวงพิเศษหมายเลข 5 เส้นทางบางปะอิน-นครสวรรค์ ระยะทาง 180 กิโลเมตร ค่าก่อสร้าง 38,160 ล้านบาท เชื่อมสู่ภาคกลางและภาคเหนือ
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 2,696 15-17 ธันวาคม พ.ศ. 2554
ขณะที่มอเตอร์เวย์ตามแผนแม่บท 5 เส้นทาง รอ"บิ๊กโอ๋"ชง ครม.ขออนุมัติรูปแบบลงทุนต่อไป
นายวันชัย ภาคลักษณ์ อธิบดีกรมทางหลวง(ทล.) เปิดเผย "ฐานเศรษฐกิจ" ถึงการผลักดันโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง(มอเตอร์เวย์) ว่า นอกเหนือจาก 5 เส้นทางตามแผนแม่บทแล้ว ในเร็วๆนี้ยังเตรียมมอบหมายให้ผู้รับผิดชอบไปศึกษาแนวเส้นทางตามแผนแม่บทโครงการทางหลวงพิเศษของกรมทางหลวง รอบใหญ่ที่เชื่อมโยงตั้งแต่จังหวัดราชบุรี-ลพบุรี-สระบุรี-บางปะกง เพื่อรองรับแนวทางการเติบโตตามนโยบายการพัฒนาของทล.
"จัดเป็นแผนงานโครงการในอนาคตที่จำเป็นต้องวางแผนรองรับไว้ตั้งแต่วันนี้ แม้ปัจจุบันจะมีวงแหวนกรุงเทพมหานครรอบในและรอบนอกแล้วก็ตาม แต่ในอนาคตยังจำเป็นต้องดำเนินการเพื่อการเติบโตทางเศรษฐกิจที่เป็นไปตามพื้นที่การพัฒนาเมือง แต่รูปแบบการดำเนินการในครั้งนี้อาจจะแตกต่างออกไปจากรูปแบบเดิม"
นายชูศักดิ์ เกวี ผู้อำนวยการสำนักแผนงาน กรมทางหลวง กล่าวว่า กรมทางหลวงต้องการจัดทำเป็นวงแหวนมอเตอร์เวย์เพื่อวางแผนรองรับการเติบโตของเมืองไว้ตั้งแต่วันนี้ แนวทางหนึ่งคือ ต้องขยายให้ครอบคลุมพื้นที่มากขึ้น ซึ่งในครั้งนี้คาดว่าจะต้องร่วมกับกรมชลประทานเพื่อสร้างแนวเส้นทางระบายน้ำหรือแนวป้องกันน้ำท่วมพื้นที่ในส่วนใต้โครงการลงมาเอาไว้ด้วย เพื่อระบายออกทะเลได้เร็วขึ้นและยังถือเป็นการป้องกันน้ำท่วมพื้นที่ภาคกลางและกรุงเทพมหานครอย่างยั่งยืนอีกด้วย
"รอบใหญ่นี้ระยะทางจะมากกว่า 300 กิโลเมตร คาดว่าต้องลงทุนกว่า 2 แสนล้านบาท โดยกระบวนการต่อจากนี้ ต้องขออนุมัติงบประมาณเพื่อศึกษาความเหมาะสมและรูปแบบโครงการ ผลกระทบต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อม โดยจะต้องหารือร่วมกับกรมชลประทานก่อนที่จะชงให้กระทรวงคมนาคมและรัฐบาลให้ความเห็นชอบ ทั้งในเรื่องเจ้าภาพดำเนินโครงการ และรูปแบบการลงทุนต่อไป"
นายชูศักดิ์ กล่าวอีกว่า โครงการนี้รูปแบบจะเป็นทั้งถนนและคลองระบายน้ำเช่นเดียวกับการผลักดันถนนวงแหวนรอบนอกกทม.รอบที่ 3 ที่กำลังเร่งให้มีการศึกษาอยู่ในขณะนี้ แนวเขตทางตามแผนกว้างประมาณ 80-100 เมตร แต่หากต้องทำแนวเส้นทางระบายน้ำด้วยอาจต้องขยายพื้นที่ออกไปอีก จึงต้องศึกษาโดยละเอียด เพราะผลกระทบสูง โดยอาจเป็นทั้งทางระดับพื้นและยกระดับซึ่งรัฐบาลมีนโยบายก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง เพื่อกระจายปริมาณจราจรจากกทม.-ปริมณฑลออกไปสู่ภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ โดยได้มีแผนแม่บทระบบทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2540 จำนวนทั้งสิ้น 13 เส้นทาง ระยะทางรวม 4,150 กม. ซึ่งกำหนดเป็นแผนระยะยาว 20 ปี ตั้งแต่แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 8 (พ.ศ. 2540 - 2544) จนถึงฉบับที่ 11 (พ.ศ. 2555 - 2559) แต่ปัจจุบันสามารถเปิดให้บริการได้เพียง 2 เส้นทางเท่านั้น คือ ทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองสายกรุงเทพฯ-ชลบุรี ระยะทาง 79 กิโลเมตร กับทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองสายวงแหวนรอบนอกกรุงเทพฯ ระยะทาง 65 กิโลเมตร และปัจจุบันทล.ยังมีแผนการพัฒนาทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองระยะเร่งด่วนอีก 5 เส้นทาง ภายในรัศมี 250 กิโลเมตรจากกรุงเทพฯ รวมระยะทางประมาณ 700 กิโลเมตร กำหนดแล้วเสร็จปี 2560 โดยใช้งบลงทุนประมาณ 180,000 ล้านบาท
"ผลดีของมอเตอร์เวย์รอบใหญ่นี้ นอกจากจะแตกต่างจากอีก 5 เส้นทางแล้ว ยังจะใช้เป็นเส้นทางคมนาคมขนส่งควบคู่ไปกับเส้นทางระบายน้ำ นอกจากนั้นยังเป็นการช่วยให้รถไม่ต้องเข้าสู่พื้นที่ชั้นในมากขึ้น โดยแนวอาจจะต่อเชื่อมกับบางจุดของ 5 เส้นทางที่อยู่ระหว่างการทบทวนแผนแม่บทในขณะนี้ เช่น เส้นทางบางปะอิน-นครราชสีมาสามารถต่อเชื่อมได้ที่จุดสระบุรี รถทางภาคอีสานที่จะไปภาคใต้ก็ไม่ต้องผ่านเข้ามาในพื้นที่ชั้นในอีกต่อไปโดยต้องบูรณาการร่วมกันหลายฝ่าย เช่นกรมชลประทาน โดยเชื่อว่าจะดำเนินการได้เร็วขึ้นหากมีเจ้าภาพในการก่อสร้างวงแหวนรอบนอกรอบที่ 3 ที่ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการนำเสนอให้รัฐบาลพิจารณา ส่วนโครงการมอเตอร์เวย์ใน 5 เส้นทางนั้นขณะนี้เรื่องอยู่ที่กระทรวงคมนาคมเพื่อรอให้พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมนำเสนอให้รัฐบาลอนุมัติรูปแบบการลงทุนต่อไป"
ทั้งนี้ตามแผนแม่บทการก่อสร้างมอเตอร์เวย์ใน 5 เส้นทาง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างทบทวนผลการศึกษาความเหมาะสมใหม่นั้นปรากฏว่า ได้รับผลกระทบจากปัญหาอุทกภัยในปี 2554 นี้ด้วยเนื่องจากไม่สามารถลงพื้นที่ตรวจสอบแนวเส้นทางที่มีจุดน้ำท่วมได้ จึงล่าช้าออกไปตามแผนที่เดิมกำหนดว่าจะแล้วเสร็จใน 15 เดือน ประกอบไปด้วย 1. ทางหลวงพิเศษหมายเลข 6 เส้นทางบางปะอิน-สระบุรี-นครราชสีมา ระยะทาง 199 กิโลเมตร ค่าก่อสร้าง 59,000 ล้านบาท เชื่อมสู่ภาคกลาง/ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 2.ทางหลวงพิเศษหมายเลข 81 เส้นทางบางใหญ่-บ้านโป่ง-กาญจนบุรี ระยะทาง 98 กิโลเมตร ค่าก่อสร้าง 24,040 ล้านบาท เชื่อมสู่ภาคตะวันตก 3.ทางหลวงหมายเลข 8 เส้นทาง นครปฐม-สมุทรสงคราม-ชะอำ ระยะทาง 134 กิโลเมตร ค่าก่อสร้าง 38,200 ล้านบาท เชื่อมสู่ภาคใต้ 4.ทางหลวงหมายเลข 7 เส้นทางชลบุรี-พัทยา-มาบตาพุด ระยะทาง 89 กิโลเมตร ค่าก่อสร้าง 10,600 ล้านบาท เชื่อมสู่ภาคตะวันออก และ 5.ทางหลวงพิเศษหมายเลข 5 เส้นทางบางปะอิน-นครสวรรค์ ระยะทาง 180 กิโลเมตร ค่าก่อสร้าง 38,160 ล้านบาท เชื่อมสู่ภาคกลางและภาคเหนือ
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 2,696 15-17 ธันวาคม พ.ศ. 2554