
รฟม.จับมือการเคหะฯ เปิดเส้นทางรถไฟฟ้า ตรงเข้าโครงการของการ เคหะฯ หวังเปิดหน้าดินชาน เมือง และสร้างรายได้จากการ ลงทุนของเอกชนตามแนวรถ ไฟฟ้า เพื่อนำไปชดเชยค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสาย ประเดิมเส้นทางสายสีเขียว หมอชิต-สะพานใหม่ มุ่งสู่โครงการย่านลำลูกกา พร้อม ขยายไปยังเคหะมีนฯ ด้านเอกชนขานรับแผนปลุกทำเลทองนอกเมือง
นายยงสิทธิ์ โรจน์ศรีกุล ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยว่า รฟม. มีนโยบายลงทุนรถไฟฟ้าควบ คู่กับการพัฒนาที่อยู่อาศัยบริเวณแนวเส้นทาง รถไฟฟ้า เพื่อเพิ่มปริมาณผู้โดยสารและเพิ่มรายได้ให้สูงขึ้น ซึ่งเป็นการสร้างมูลค่าให้กับรถไฟฟ้ารองรับการเก็บค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสาย ที่ภาครัฐจะต้องเข้าไปชดเชยราย ได้ที่หายไป ทั้งนี้ จากการหารือกับการเคหะแห่งชาติ (กคช.) ได้ข้อสรุปร่วมกันจะดำเนินการโครงการแรกคือ รฟม.จะเป็นผู้รับผิดชอบ ลงทุนรถไฟฟ้าสายสีเขียวช่วงตั้งแต่หมอชิต-สะพานใหม่-ลำลูกกา ต่อเชื่อมกับโครงการที่อยู่อาศัยของการเคหะฯ ที่ลำลูกกา หลังจากนั้นจะขยายไปสู่โครงการที่มีนบุรี เพื่อรอง รับโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูช่วงแคราย-มีนบุรี เป็นลำดับต่อไป
นายยงสิทธิ์ โรจน์ศรีกุล ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยว่า รฟม. มีนโยบายลงทุนรถไฟฟ้าควบ คู่กับการพัฒนาที่อยู่อาศัยบริเวณแนวเส้นทาง รถไฟฟ้า เพื่อเพิ่มปริมาณผู้โดยสารและเพิ่มรายได้ให้สูงขึ้น ซึ่งเป็นการสร้างมูลค่าให้กับรถไฟฟ้ารองรับการเก็บค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสาย ที่ภาครัฐจะต้องเข้าไปชดเชยราย ได้ที่หายไป ทั้งนี้ จากการหารือกับการเคหะแห่งชาติ (กคช.) ได้ข้อสรุปร่วมกันจะดำเนินการโครงการแรกคือ รฟม.จะเป็นผู้รับผิดชอบ ลงทุนรถไฟฟ้าสายสีเขียวช่วงตั้งแต่หมอชิต-สะพานใหม่-ลำลูกกา ต่อเชื่อมกับโครงการที่อยู่อาศัยของการเคหะฯ ที่ลำลูกกา หลังจากนั้นจะขยายไปสู่โครงการที่มีนบุรี เพื่อรอง รับโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูช่วงแคราย-มีนบุรี เป็นลำดับต่อไป
สำหรับการร่วมมือระหว่างรฟม.กับการเคหะฯ ครั้งนี้ถือว่าเป็นการลงทุนรูปแบบใหม่ โดยได้นำแนวคิดก่อสร้างเส้นทางรถไฟฟ้าไปยังชุมชนชานเมืองที่มีการขยายตัวไม่มากนัก ทำให้ง่ายต่อการวางผังเมืองใหม่เพื่อควบ คุมการเจริญเติบโตของชุมชนอย่างมีทิศทาง อีกทั้งเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับโครงการของการเคหะฯ ด้วย
“ที่ผ่านมามีการก่อสร้างรถไฟฟ้าเข้าไปย่านเศรษฐกิจ เพื่อขนส่งผู้โดยสาร แต่รฟม. กลับขาดทุนจากการให้บริการ ผู้ที่ได้รับประโยชน์กลายเป็นผู้ประกอบการอสังหาฯ ที่มีการก่อสร้างคอนโดฯ ตามแนวรถไฟฟ้า รฟม. จึงใช้วิธีลงทุนรูปแบบใหม่ด้วยการสร้างรถ ไฟฟ้าออกไปชานเมืองมีการบริหารจัดการที่ดิน เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับโครงการสามารถสร้างรายได้เลี้ยงตัวเองได้”
นายยงสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ตนยังมีนโยบายร่วมมือกับหน่วยงานราชการ และบริษัท เอกชนที่สนใจจะเพิ่มมูลค่าที่ดินตามแนวทางโครงการรถไฟฟ้า โดยเปิดให้เชื่อมต่อรถไฟฟ้าแลกกับการเวนคืนที่ดินในเส้นทางที่จะก่อ สร้างในอนาคต ซึ่งขณะนี้มีเอกชนหลายรายให้ความสนใจ
นายกิตติพล ปราโมช ณ อยุธยา นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย กล่าวว่า การที่ภาครัฐให้ความสำคัญต่อการพัฒนาที่อยู่อาศัย รอบนอกกรุงเทพฯ ด้วยการขยายสาธารณูปโภคออกสู่นอกเมืองเป็นเรื่องที่ดี ซึ่งเป็นนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการลดความแออัดใจ กลางกรุง และกระจายความเจริญออกสู่ปริมณฑล ดูได้จากการจัดทำร่างผังเมืองรวมกทม.ใหม่ที่จะประกาศใช้ในหลายๆ พื้นที่มีข้อ จำกัดในการสร้างที่อยู่อาศัย หรือมีการคุมกำเนิดการขยายตัวของเมืองมากขึ้น ฉะนั้น เมื่อทางรฟม.กับการเคหะฯมีแผนงานร่วมกัน ก็เชื่อว่าจะทำให้ทิศทางการลงทุนอสังหาฯของเอกชนได้รับอานิสงส์จากโครงการดังกล่าวด้วย
“เมื่อโครงข่ายคมนาคมขยายออกนอกเมือง การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ก็จะขยายตัวตามเส้นทาง ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนมีที่อยู่อาศัยในราคาที่ไม่สูง เนื่องจากมีต้นทุนพัฒนาโครงการต่ำกว่าพื้นที่ในเขตกรุงเทพฯ”
ด้านนายอิสระ บุญยัง นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ดีที่จะทำให้ผู้มีรายได้น้อยมีที่อยู่อาศัย และสามารถเดินทางได้โดยสะดวก ขณะที่เอกชนก็จะได้ขยายการลงทุนออกสู่นอกเมือง ส่วนรฟม.จะ ได้ประโยชน์จากการให้เอกชนเข้ามาลงทุนตามแนวเส้นทางคงต้องตั้งองค์กรขึ้นมาเพื่อจัดซื้อที่ดิน หรือให้เจ้าของที่ดินมีผลประโยชน์ร่วมกันจะได้ไม่มีปัญหาการนำที่ดินไปใช้ ประโยชน์เหมือนกับการเวนคืน
ที่มา: http://www.siamturakij.com
“ที่ผ่านมามีการก่อสร้างรถไฟฟ้าเข้าไปย่านเศรษฐกิจ เพื่อขนส่งผู้โดยสาร แต่รฟม. กลับขาดทุนจากการให้บริการ ผู้ที่ได้รับประโยชน์กลายเป็นผู้ประกอบการอสังหาฯ ที่มีการก่อสร้างคอนโดฯ ตามแนวรถไฟฟ้า รฟม. จึงใช้วิธีลงทุนรูปแบบใหม่ด้วยการสร้างรถ ไฟฟ้าออกไปชานเมืองมีการบริหารจัดการที่ดิน เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับโครงการสามารถสร้างรายได้เลี้ยงตัวเองได้”
นายยงสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ตนยังมีนโยบายร่วมมือกับหน่วยงานราชการ และบริษัท เอกชนที่สนใจจะเพิ่มมูลค่าที่ดินตามแนวทางโครงการรถไฟฟ้า โดยเปิดให้เชื่อมต่อรถไฟฟ้าแลกกับการเวนคืนที่ดินในเส้นทางที่จะก่อ สร้างในอนาคต ซึ่งขณะนี้มีเอกชนหลายรายให้ความสนใจ
นายกิตติพล ปราโมช ณ อยุธยา นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย กล่าวว่า การที่ภาครัฐให้ความสำคัญต่อการพัฒนาที่อยู่อาศัย รอบนอกกรุงเทพฯ ด้วยการขยายสาธารณูปโภคออกสู่นอกเมืองเป็นเรื่องที่ดี ซึ่งเป็นนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการลดความแออัดใจ กลางกรุง และกระจายความเจริญออกสู่ปริมณฑล ดูได้จากการจัดทำร่างผังเมืองรวมกทม.ใหม่ที่จะประกาศใช้ในหลายๆ พื้นที่มีข้อ จำกัดในการสร้างที่อยู่อาศัย หรือมีการคุมกำเนิดการขยายตัวของเมืองมากขึ้น ฉะนั้น เมื่อทางรฟม.กับการเคหะฯมีแผนงานร่วมกัน ก็เชื่อว่าจะทำให้ทิศทางการลงทุนอสังหาฯของเอกชนได้รับอานิสงส์จากโครงการดังกล่าวด้วย
“เมื่อโครงข่ายคมนาคมขยายออกนอกเมือง การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ก็จะขยายตัวตามเส้นทาง ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนมีที่อยู่อาศัยในราคาที่ไม่สูง เนื่องจากมีต้นทุนพัฒนาโครงการต่ำกว่าพื้นที่ในเขตกรุงเทพฯ”
ด้านนายอิสระ บุญยัง นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ดีที่จะทำให้ผู้มีรายได้น้อยมีที่อยู่อาศัย และสามารถเดินทางได้โดยสะดวก ขณะที่เอกชนก็จะได้ขยายการลงทุนออกสู่นอกเมือง ส่วนรฟม.จะ ได้ประโยชน์จากการให้เอกชนเข้ามาลงทุนตามแนวเส้นทางคงต้องตั้งองค์กรขึ้นมาเพื่อจัดซื้อที่ดิน หรือให้เจ้าของที่ดินมีผลประโยชน์ร่วมกันจะได้ไม่มีปัญหาการนำที่ดินไปใช้ ประโยชน์เหมือนกับการเวนคืน
ที่มา: http://www.siamturakij.com