เซ็นทรัลรีเทล เผยภาพรวมความคืบหน้าโครงการ "เซ็นทรัล เอ็มบาสซี" ตอกย้ำความเป็นลักชัวรี่พรีเมียมที่สมบูรณ์แบบที่สุดของรีเทลแลนด์มาร์คแห่งใหม่ในภูมิภาคเอเชีย ยืนยันความเป็น "LUXU R Y RETAI L DES TINATION" แห่งแรกแห่งเดียวในประเทศไทย พร้อมวางกลยุทธ์สร้างการรับรู้ ผ่านกิจกรรมทางการตลาดที่จัดต่อเนื่องตลอดทั้งปี มั่นใจพร้อมเปิดให้บริการตามแผนงานในเดือนธันวาคม 2556
นายชาติ จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ โครงการเซ็นทรัล เอ็มบาสซี ภายใต้การบริหารงานโดยบริษัท เซ็นทรัลรีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากที่ได้เปิดตัวโครงการเซ็นทรัล เอ็มบาสซี อย่างเป็นทางการเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ในปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ดำเนินงานตามแผนทันที ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของการก่อสร้าง การขายพื้นที่ รวมถึงกิจกรรมทางการตลาดเพื่อให้เป็นไปตามวิสัยทัศน์ที่วางไว้ สำหรับวิสัยทัศน์ที่บริษัทฯ ได้วางไว้นั่นคือ การมีเป้าหมายให้โครงการนี้เป็นโครงการที่ตื่นตาตื่นใจที่สุดในกรุงเทพฯ พร้อมทั้งต้องการให้โครงการมีความสมบูรณ์ครบครัน ทั้งแฟชั่น อาหาร โรงแรม และเอ็นเตอร์เทนเมนท์ เพื่อให้มีความโดดเด่นในทุกๆ ด้าน อีกทั้งยังต้องการให้โครงการแห่งนี้เป็นสัญลักษณ์โครงการแห่งความสำเร็จของประเทศไทยในอนาคต พร้อมวางตำแหน่งให้โครงการนี้เป็นลักชัวรี่พรีเมียมตั้งรีเทลแลนด์มาร์คแห่งใหม่ในภูมิภาคเอเชีย
นายชาติ จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ โครงการเซ็นทรัล เอ็มบาสซี ภายใต้การบริหารงานโดยบริษัท เซ็นทรัลรีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากที่ได้เปิดตัวโครงการเซ็นทรัล เอ็มบาสซี อย่างเป็นทางการเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ในปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ดำเนินงานตามแผนทันที ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของการก่อสร้าง การขายพื้นที่ รวมถึงกิจกรรมทางการตลาดเพื่อให้เป็นไปตามวิสัยทัศน์ที่วางไว้ สำหรับวิสัยทัศน์ที่บริษัทฯ ได้วางไว้นั่นคือ การมีเป้าหมายให้โครงการนี้เป็นโครงการที่ตื่นตาตื่นใจที่สุดในกรุงเทพฯ พร้อมทั้งต้องการให้โครงการมีความสมบูรณ์ครบครัน ทั้งแฟชั่น อาหาร โรงแรม และเอ็นเตอร์เทนเมนท์ เพื่อให้มีความโดดเด่นในทุกๆ ด้าน อีกทั้งยังต้องการให้โครงการแห่งนี้เป็นสัญลักษณ์โครงการแห่งความสำเร็จของประเทศไทยในอนาคต พร้อมวางตำแหน่งให้โครงการนี้เป็นลักชัวรี่พรีเมียมตั้งรีเทลแลนด์มาร์คแห่งใหม่ในภูมิภาคเอเชีย
สำหรับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่วางไว้จะครอบคลุมทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ ในสัดส่วน 50:50 โดยเฉพาะลูกค้าระดับคุณภาพในเจเนอเรชั่นถัดไปในอนาคตด้วย ส่วนกลุ่มเป้าหมายลูกค้าชาวไทยคือ ผู้ที่มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ เป็นผู้นำทางความคิด ผู้ซึ่งเรียนรู้ผ่านข้อมูลจากโลกแห่งข้อมูลข่าวสารทางอินเตอร์เน็ต ส่วนกลุ่มลูกค้าต่างชาติ คือ วัยหนุ่มสาวที่ประสบความสำเร็จ ผู้นำเทรนด์ ผู้บริหารระดับสูง และนักช็อปที่มีกำลังซื้อสูง นอกจากนั้น เรายังเล็งเห็นถึงศักยภาพของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายจากประเทศเศรษฐกิจใหม่ที่กำลังเติบโต ซึ่งกลุ่มผู้มีรายได้สูงกำลังเพิ่มจำนวนมากขึ้นในประเทศเหล่านี้ อีกทั้งยังเป็นกลุ่มที่มีความต้องการเดินทางไปจับจ่ายซื้อสินค้าในต่างประเทศในสัดส่วนที่สูงด้วยเช่นกัน
โดยปัจจุบันโครงการฯ นี้ได้ดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จไปกว่า 15% ในปีนี้บริษัทจะมุ่งเน้นการก่อสร้างส่วนชั้นใต้ดินเป็นหลัก เพราะโครงการนี้ประกอบด้วยชั้นใต้ดิน 5 ชั้น ดังนั้นการวางโครงสร้างชั้นรากฐานจึงเป็นส่วนสำคัญที่สุด อีกทั้งบริษัทคาดว่าโครงการนี้จะสามารถสร้างเสร็จได้ตามแผนงานที่วางไว้ นั่นคือ ในเดือนธันวาคม 2556 ซึ่งบริษัทได้วางงบโครงการนี้อยู่ที่ประมาณ 10,000 ล้านบาท แบ่งเป็น ค่าที่ดิน 4,000 ล้านบาท และค่าก่อสร้างโครงการ 6,000 ล้านบาท ขณะที่บริษัทมีความมั่นใจว่าเมื่อเปิดศูนย์ฯ นี้จะสามารถสร้างรายได้คืนทุนได้ภายใน 10 ปี หรือรายได้เฉลี่ยที่ประมาณ 1,000 ล้านบาทต่อปี ส่วนในด้านพื้นที่โครงการนั้น ขณะนี้ได้ถูกจองไปแล้วกว่า 70% และคาดว่าจะสามารถปิดการขายพื้นที่ได้ตามเป้า 90% ภายในสิ้นปีนี้อย่างแน่นอน
ในส่วนของการคัดเลือกแบรนด์ต่างๆ เข้ามาในโครงการนั้น บริษัทให้ความสำคัญกับการคัดแบรนด์ใหม่ๆ ที่ไม่เคยมีในประเทศไทยมาก่อนในสัดส่วน 30% และมีการแบ่งเซกเมนท์อย่างชัดเจนระหว่างแบรนด์แฟชั่นระดับลักชัวรี่ พร้อมทั้งบริษัทยังให้ความสำคัญในแง่ของความปลอดภัยต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นทั้งการป้องกันเหตุร้าย ระบบป้องกันน้ำท่วม อัคคีภัย แผ่นดินไหว โดยบริษัทได้มีการเพิ่มงบความปลอดภัยต่างๆ จากงบค่าก่อสร้างที่วางไว้เพิ่ม 15% ทั้งนี้เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าและคู่ค้าของบริษัท
ที่มา: หนังสือพิมพ์บ้านเมือง
โดยปัจจุบันโครงการฯ นี้ได้ดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จไปกว่า 15% ในปีนี้บริษัทจะมุ่งเน้นการก่อสร้างส่วนชั้นใต้ดินเป็นหลัก เพราะโครงการนี้ประกอบด้วยชั้นใต้ดิน 5 ชั้น ดังนั้นการวางโครงสร้างชั้นรากฐานจึงเป็นส่วนสำคัญที่สุด อีกทั้งบริษัทคาดว่าโครงการนี้จะสามารถสร้างเสร็จได้ตามแผนงานที่วางไว้ นั่นคือ ในเดือนธันวาคม 2556 ซึ่งบริษัทได้วางงบโครงการนี้อยู่ที่ประมาณ 10,000 ล้านบาท แบ่งเป็น ค่าที่ดิน 4,000 ล้านบาท และค่าก่อสร้างโครงการ 6,000 ล้านบาท ขณะที่บริษัทมีความมั่นใจว่าเมื่อเปิดศูนย์ฯ นี้จะสามารถสร้างรายได้คืนทุนได้ภายใน 10 ปี หรือรายได้เฉลี่ยที่ประมาณ 1,000 ล้านบาทต่อปี ส่วนในด้านพื้นที่โครงการนั้น ขณะนี้ได้ถูกจองไปแล้วกว่า 70% และคาดว่าจะสามารถปิดการขายพื้นที่ได้ตามเป้า 90% ภายในสิ้นปีนี้อย่างแน่นอน
ในส่วนของการคัดเลือกแบรนด์ต่างๆ เข้ามาในโครงการนั้น บริษัทให้ความสำคัญกับการคัดแบรนด์ใหม่ๆ ที่ไม่เคยมีในประเทศไทยมาก่อนในสัดส่วน 30% และมีการแบ่งเซกเมนท์อย่างชัดเจนระหว่างแบรนด์แฟชั่นระดับลักชัวรี่ พร้อมทั้งบริษัทยังให้ความสำคัญในแง่ของความปลอดภัยต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นทั้งการป้องกันเหตุร้าย ระบบป้องกันน้ำท่วม อัคคีภัย แผ่นดินไหว โดยบริษัทได้มีการเพิ่มงบความปลอดภัยต่างๆ จากงบค่าก่อสร้างที่วางไว้เพิ่ม 15% ทั้งนี้เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าและคู่ค้าของบริษัท
ที่มา: หนังสือพิมพ์บ้านเมือง