ผลพวงจากน้ำท่วมใหญ่ปลายปีที่แล้วในเขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ทำให้ผู้ประกอบการพัฒนาที่อยู่อาศัยจากส่วนกลางจำนวนหนึ่ง วางแผนออกลุยภูธรมากขึ้นในปีนี้ แม้บริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยบางรายจะได้ออกไปชิมลางกันมาบ้างแล้วก่อนหน้านี้ทั้งการลงทุนโดยตรงหรือการลงทุนผ่านบริษัทลูก แต่ความสนใจจริงจังเพิ่งมาเกิดในช่วงหลังน้ำท่วม เพื่อเป้าหมายกระจายความเสี่ยงจากการลงทุน
ถือได้ว่าภาวะน้ำท่วมกลายเป็นBlessing in Disguise เกิดสิ่งดีๆ ในท่ามกลางความเลวร้าย คือ ก่อให้เกิดการพัฒนาตลาดที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นในต่างจังหวัด แม้ว่าการขยายตัวของผู้ประกอบการรายใหญ่จากกรุงเทพฯ อาจสร้างความกังวลให้กับผู้ประกอบการท้องถิ่นบ้าง แต่หากมองยาวไปถึงการเปิดเสรีอาเซียนในอีกประมาณ 33 เดือนข้างหน้า ผู้ประกอบการท้องถิ่นควรมองว่า หากไม่เตรียมตัวพร้อมแข่งกับทุนจากกรุงเทพฯ เสียแต่วันนี้ ก็อาจทำให้ไม่พร้อมเมื่อต้องแข่งกับทุนจากต่างประเทศในอนาคตอันใกล้
ที่ผ่านมาตลาดที่อยู่อาศัยหลักในประเทศไทยยังเป็นตลาดแนวราบอยู่ในแทบทุกจังหวัด ยกเว้นกรุงเทพฯ และชลบุรี ที่มีหน่วยขายใหม่ของห้องชุดคอนโดมิเนียมมากกว่าบ้านจัดสรรแนวราบ
สำหรับตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบใหญ่ที่สุด คือ กรุงเทพฯ ด้วยจำนวนหน่วยในผังโครงการที่อยู่ในระหว่างการขายประมาณ 5.76 หมื่นหน่วยและเหลือขายประมาณ 2.34 หมื่นหน่วย ขณะที่นนทบุรีมีหน่วยในผังโครงการประมาณ 3.35 หมื่นหน่วยใกล้เคียงชลบุรีที่มีหน่วยในผังโครงการประมาณ 3.32 หมื่นหน่วยแต่ชลบุรีมีหน่วยเหลือขายมากกว่าคือ มีประมาณ 1.43 หมื่นหน่วย
ในขณะที่นนทบุรีมีหน่วยเหลือขายประมาณ 1.25 หมื่นหน่วยปทุมธานีมีหน่วยในผังโครงการน้อยกว่านนทบุรีและชลบุรีเล็กน้อย คือมีประมาณ 3.12 หมื่นหน่วยแต่กลับมีหน่วยเหลือขายมากกว่า คือมีประมาณ 1.3 หมื่นหน่วย
จึงกล่าวได้ว่า รองจาก กรุงเทพฯแล้ว มีตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบขนาดใหญ่ขี่หลังตามกันมา 3 ตลาดคือ นนทบุรี ชลบุรี และปทุมธานี ในแง่จำนวนหน่วยในผังโครงการ หรือชลบุรี ปทุมธานี นนทบุรี หากเรียงในมิติของหน่วยเหลือขาย
สมุทรปราการก็เป็นตลาดแนวราบที่สำคัญอีกจังหวัดหนึ่ง มีหน่วยในผังโครงการประมาณ 2.76 หมื่นหน่วย แต่มีหน่วยเหลือขายประมาณ 9,300 หน่วย น้อยกว่าสามจังหวัดข้างต้น จึงอาจจัดสมุทรปราการเป็นตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบขนาดใหญ่อันดับที่ 5
ส่วนตลาดที่อยู่อาศัยแนวสูงหรือห้องชุดคอนโดมิเนียมนั้นแน่นอนที่สุด อันดับหนึ่ง คือกรุงเทพฯ มีหน่วยในผังโครงการมากมายถึงประมาณ 1.27 แสนหน่วย และมีหน่วยเหลือขายประมาณ 3.1 หมื่นหน่วยตามด้วยชลบุรีมีหน่วยในผังประมาณ 3.6 หมื่นหน่วยและมีหน่วยเหลือขายประมาณ 1.47 หมื่นหน่วย
จังหวัดปริมณฑลรอบกรุงเทพฯรวมกันทุกจังหวัดยังมีน้อยกว่าชลบุรีจังหวัดเดียว กล่าวคือ มีหน่วยห้องชุดคอนโดมิเนียมในผังรวมกันเพียงประมาณ 1.6 หมื่นหน่วยและมีหน่วยเหลือขายรวมกันเพียงประมาณ 4,000 หน่วย ตลาดแนวสูงสำคัญอื่นๆนอกเหนือจากนี้ก็มีเพียง ภูเก็ต เชียงใหม่ ระยอง และหาดใหญ่ สงขลา เท่านั้น ที่มีหน่วยนับได้ถึงหลักพัน
โดยภาพรวมจะเห็นว่า ชลบุรีเป็นตลาดที่อยู่อาศัยที่มีขนาดใหญ่มาก และดึงดูดผู้ประกอบการให้เข้าไปร่วมวงพัฒนาจำนวนมากในปีนี้ในขณะที่อีกหลายจังหวัดหลายพื้นที่ก็เริ่มได้รับความสนใจมากขึ้น
การมองภาพตลาดที่อยู่อาศัยต่อไปนี้ จึงมองแค่กรุงเทพฯปริมณฑล โดยไม่ดูตลาดต่างจังหวัดไม่ได้แล้ว
ที่มา: หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์
ที่ผ่านมาตลาดที่อยู่อาศัยหลักในประเทศไทยยังเป็นตลาดแนวราบอยู่ในแทบทุกจังหวัด ยกเว้นกรุงเทพฯ และชลบุรี ที่มีหน่วยขายใหม่ของห้องชุดคอนโดมิเนียมมากกว่าบ้านจัดสรรแนวราบ
สำหรับตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบใหญ่ที่สุด คือ กรุงเทพฯ ด้วยจำนวนหน่วยในผังโครงการที่อยู่ในระหว่างการขายประมาณ 5.76 หมื่นหน่วยและเหลือขายประมาณ 2.34 หมื่นหน่วย ขณะที่นนทบุรีมีหน่วยในผังโครงการประมาณ 3.35 หมื่นหน่วยใกล้เคียงชลบุรีที่มีหน่วยในผังโครงการประมาณ 3.32 หมื่นหน่วยแต่ชลบุรีมีหน่วยเหลือขายมากกว่าคือ มีประมาณ 1.43 หมื่นหน่วย
ในขณะที่นนทบุรีมีหน่วยเหลือขายประมาณ 1.25 หมื่นหน่วยปทุมธานีมีหน่วยในผังโครงการน้อยกว่านนทบุรีและชลบุรีเล็กน้อย คือมีประมาณ 3.12 หมื่นหน่วยแต่กลับมีหน่วยเหลือขายมากกว่า คือมีประมาณ 1.3 หมื่นหน่วย
จึงกล่าวได้ว่า รองจาก กรุงเทพฯแล้ว มีตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบขนาดใหญ่ขี่หลังตามกันมา 3 ตลาดคือ นนทบุรี ชลบุรี และปทุมธานี ในแง่จำนวนหน่วยในผังโครงการ หรือชลบุรี ปทุมธานี นนทบุรี หากเรียงในมิติของหน่วยเหลือขาย
สมุทรปราการก็เป็นตลาดแนวราบที่สำคัญอีกจังหวัดหนึ่ง มีหน่วยในผังโครงการประมาณ 2.76 หมื่นหน่วย แต่มีหน่วยเหลือขายประมาณ 9,300 หน่วย น้อยกว่าสามจังหวัดข้างต้น จึงอาจจัดสมุทรปราการเป็นตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบขนาดใหญ่อันดับที่ 5
ส่วนตลาดที่อยู่อาศัยแนวสูงหรือห้องชุดคอนโดมิเนียมนั้นแน่นอนที่สุด อันดับหนึ่ง คือกรุงเทพฯ มีหน่วยในผังโครงการมากมายถึงประมาณ 1.27 แสนหน่วย และมีหน่วยเหลือขายประมาณ 3.1 หมื่นหน่วยตามด้วยชลบุรีมีหน่วยในผังประมาณ 3.6 หมื่นหน่วยและมีหน่วยเหลือขายประมาณ 1.47 หมื่นหน่วย
จังหวัดปริมณฑลรอบกรุงเทพฯรวมกันทุกจังหวัดยังมีน้อยกว่าชลบุรีจังหวัดเดียว กล่าวคือ มีหน่วยห้องชุดคอนโดมิเนียมในผังรวมกันเพียงประมาณ 1.6 หมื่นหน่วยและมีหน่วยเหลือขายรวมกันเพียงประมาณ 4,000 หน่วย ตลาดแนวสูงสำคัญอื่นๆนอกเหนือจากนี้ก็มีเพียง ภูเก็ต เชียงใหม่ ระยอง และหาดใหญ่ สงขลา เท่านั้น ที่มีหน่วยนับได้ถึงหลักพัน
โดยภาพรวมจะเห็นว่า ชลบุรีเป็นตลาดที่อยู่อาศัยที่มีขนาดใหญ่มาก และดึงดูดผู้ประกอบการให้เข้าไปร่วมวงพัฒนาจำนวนมากในปีนี้ในขณะที่อีกหลายจังหวัดหลายพื้นที่ก็เริ่มได้รับความสนใจมากขึ้น
การมองภาพตลาดที่อยู่อาศัยต่อไปนี้ จึงมองแค่กรุงเทพฯปริมณฑล โดยไม่ดูตลาดต่างจังหวัดไม่ได้แล้ว
ที่มา: หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์