ธปท.เผยธนาคารพาณิชย์แทบทุกแห่งของไทยมีแผนจะเพิ่มทุน เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งตามแนวโน้มเศรษฐกิจที่ปรับดีขึ้น
นายเกริก วณิกกุล รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) กล่าวว่า เท่าที่พูดคุยถึงแผนการทำธุรกิจในปีนี้ของธนาคารพาณิชย์ ทุกธนาคารมีแผนจะเพิ่มทุนอยู่แล้ว แต่ไม่ได้ต้อกงารเพิ่มทุนเพราะมีทุนต่ำกว่าเกณฑ์เงินกองทุนที่ธปท.กำหนด 8.5% แต่เป็นการเพิ่มทุนเพื่อทำให้ฐานะของธนาคารมีความแข็งแกร่งมากขึ้น และส่วนหนึ่งเป็นการเตรียมทุนไว้รองรับการขยายธุรกิจ การขยายสินเชื่อในปีนี้ ที่มีแนวโน้มว่าจะโตได้ดีตามการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ธปท.มีการคาดการณ์ไว้ว่าน่าจะโตที่ระดับ 5.7% จากเดิมที่เคยมองไว้ที่ 4.9%
นายเกริก วณิกกุล รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) กล่าวว่า เท่าที่พูดคุยถึงแผนการทำธุรกิจในปีนี้ของธนาคารพาณิชย์ ทุกธนาคารมีแผนจะเพิ่มทุนอยู่แล้ว แต่ไม่ได้ต้อกงารเพิ่มทุนเพราะมีทุนต่ำกว่าเกณฑ์เงินกองทุนที่ธปท.กำหนด 8.5% แต่เป็นการเพิ่มทุนเพื่อทำให้ฐานะของธนาคารมีความแข็งแกร่งมากขึ้น และส่วนหนึ่งเป็นการเตรียมทุนไว้รองรับการขยายธุรกิจ การขยายสินเชื่อในปีนี้ ที่มีแนวโน้มว่าจะโตได้ดีตามการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ธปท.มีการคาดการณ์ไว้ว่าน่าจะโตที่ระดับ 5.7% จากเดิมที่เคยมองไว้ที่ 4.9%
“ในการมาพูดคุยกับธปท.ทุกแบงก์ที่เข้ามาคุยก็มีการพูดคุยถึงแผนการเพิ่มทุนทั้งนั้น เพราะส่วนใหญ่อยากมีทุนเกินเกณฑ์ที่กำหนด เพื่อให้ดูว่ามีความเข้มแข็ง และรองรับการขยายตัวของสินเชื่อ และมีให้เพียงพอรองรับวิกฤตวิกฤตที่อาจจะเกิดขึ้นโดยไม่คาดคิด ซึ่งปกติการตรวจสอบในแต่ละปี หรือเมื่อมีวิกฤต มีข้อมูลทางเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไปตามเงื่อนไขต่างๆกัน ที่อาจจะมากระทบฐานะหรือเสถียรภาพของสถาบันการเงิน เราก็จะทำแบบทดสอบภาวะวิกฤต(Stress test)ทุนของแบงก์ด้วย ว่าจะเพียงพอรับวิกฤตหรือไม่ เช่น เกณฑ์อย่ที่ 8.5% แต่แบงก์อยากมีทุนอยู่ 12% แบงก์ก็ต้องเผื่อไว้สัก 15% เพราะทำ Stress test แล้ว ทุนอาจจะลดเหลือ 12% ต้องมีเผื่อไว้ และทุกแบงก์ก็มีไว้เผื่ออยู่แล้ว ไม่น่าห่วงเรื่องฐานะ“ นายเกริกล่าว
นายเกิรก กล่าวว่า ในการเพิ่มทุนของธนาคารไม่จำเป็นว่าต้องฐานะแย่แล้วจึงเพิ่มทุน เพราะตามหลักถ้าธุรกิจหรือสินเชื่อขยายตัวได้ดี อย่างปี 2554 ที่ผ่านมาสินเชื่อทั้งระบบขยายตัวเฉี่ยสูงถึง 15% ซึ่งการที่สินเชื่อโตได้ดีก็ย่อมทำให้เงินกองทุนที่อยู่ลดลงโดยอัตโนมัติ จึงเป็นเรื่องปกติที่ทุกธนาคารต้องเตรียมเงินทุนกันไว้ให้เพียงพอการทำธุรกิจจะได้ไม่สะดุด และเท่าที่ประเมินเบื้องต้นคาดว่าสินเชื่อปีนี้น่าจะขยายตัวประมาณ 1 เท่ากว่าๆ ของอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ(จีดีพี) หรือ ประมาณ 6-7% แต่การขยายตัวจริงๆอาจจะแตกต่างกันไปแล้วแต่ธนาคารและประเภทสินเชื่อ
ทั้งนี้ ในรายงานแผนการเพิ่มทุนและแผนการทำธุรกิจมาที่ธปท.เป็นเรื่องปกติที่ธนาคารพาณิชย์ทุกแห่งต้องทำทุกปี อย่างไรก็ตามการ เพิ่มทุนจะมีรูปแบบที่แตกต่างกันไปในแต่ธนาคาร เช่น อาจนำกำไรมาเพิ่มทุนโดยตรง เพิ่มทุนในเงินกองทุนขั้นที่ 1 (เทียร์ 1) หรือเพิ่มทุนผ่านเงินกองทุนขั้นที่ 2 (เทียร์ 2) เป็นต้น
รองผู้ว่าการ ธปท. กล่าวว่า อย่างไรก็ตามกรณีที่มีข่าว่าธนาคารกรุงไทย(KTB) จะขอเพิ่มทุนมาที่ธปท.เพราะจะนำเงินไปซื้อหุ้นในส่วนของบริษัทบัตรกรุงไทย(KTC) นั้น ไม่มีการขอมาหรือรายงานเรื่องนี้มาที่ธปท.แต่อย่างใด เพราะไม่เคยได้ยินเรื่องการขอเพิ่มทุนซื้อหุ้นบัตรเครดิตเลย แต่มีการพูดถึงการเพิ่มทุนเพื่อขยายธุรกิจมีเป็นปกติทุกปี แต่ไม่ใช่ธนาคารกรุงไทยมีปัญหาฐานะ แต่เป็นการขอเพิ่มทุนเพื่อขยายธุรกิจตามปกติส่วนเรื่องที่ธนาคารกรุงไทยจะมีการออกหุ้นกู้ ก็ไม่มีการขอมาที่ธปท.เช่นกัน รวมถึงเรื่องที่จะมีการขอเก็บค่าธรรมเนียมการเบิกถอนเงินสดเกิน 1 แสนบาทที่หน้าเคาท์เตอร์สาขาธนาคารก็ไม่มีการขอเข้ามาเช่นกัน
ที่มา: หนังสือพิมพ์โพสทูเดย์
นายเกิรก กล่าวว่า ในการเพิ่มทุนของธนาคารไม่จำเป็นว่าต้องฐานะแย่แล้วจึงเพิ่มทุน เพราะตามหลักถ้าธุรกิจหรือสินเชื่อขยายตัวได้ดี อย่างปี 2554 ที่ผ่านมาสินเชื่อทั้งระบบขยายตัวเฉี่ยสูงถึง 15% ซึ่งการที่สินเชื่อโตได้ดีก็ย่อมทำให้เงินกองทุนที่อยู่ลดลงโดยอัตโนมัติ จึงเป็นเรื่องปกติที่ทุกธนาคารต้องเตรียมเงินทุนกันไว้ให้เพียงพอการทำธุรกิจจะได้ไม่สะดุด และเท่าที่ประเมินเบื้องต้นคาดว่าสินเชื่อปีนี้น่าจะขยายตัวประมาณ 1 เท่ากว่าๆ ของอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ(จีดีพี) หรือ ประมาณ 6-7% แต่การขยายตัวจริงๆอาจจะแตกต่างกันไปแล้วแต่ธนาคารและประเภทสินเชื่อ
ทั้งนี้ ในรายงานแผนการเพิ่มทุนและแผนการทำธุรกิจมาที่ธปท.เป็นเรื่องปกติที่ธนาคารพาณิชย์ทุกแห่งต้องทำทุกปี อย่างไรก็ตามการ เพิ่มทุนจะมีรูปแบบที่แตกต่างกันไปในแต่ธนาคาร เช่น อาจนำกำไรมาเพิ่มทุนโดยตรง เพิ่มทุนในเงินกองทุนขั้นที่ 1 (เทียร์ 1) หรือเพิ่มทุนผ่านเงินกองทุนขั้นที่ 2 (เทียร์ 2) เป็นต้น
รองผู้ว่าการ ธปท. กล่าวว่า อย่างไรก็ตามกรณีที่มีข่าว่าธนาคารกรุงไทย(KTB) จะขอเพิ่มทุนมาที่ธปท.เพราะจะนำเงินไปซื้อหุ้นในส่วนของบริษัทบัตรกรุงไทย(KTC) นั้น ไม่มีการขอมาหรือรายงานเรื่องนี้มาที่ธปท.แต่อย่างใด เพราะไม่เคยได้ยินเรื่องการขอเพิ่มทุนซื้อหุ้นบัตรเครดิตเลย แต่มีการพูดถึงการเพิ่มทุนเพื่อขยายธุรกิจมีเป็นปกติทุกปี แต่ไม่ใช่ธนาคารกรุงไทยมีปัญหาฐานะ แต่เป็นการขอเพิ่มทุนเพื่อขยายธุรกิจตามปกติส่วนเรื่องที่ธนาคารกรุงไทยจะมีการออกหุ้นกู้ ก็ไม่มีการขอมาที่ธปท.เช่นกัน รวมถึงเรื่องที่จะมีการขอเก็บค่าธรรมเนียมการเบิกถอนเงินสดเกิน 1 แสนบาทที่หน้าเคาท์เตอร์สาขาธนาคารก็ไม่มีการขอเข้ามาเช่นกัน
ที่มา: หนังสือพิมพ์โพสทูเดย์