การลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์ยังถูกจับตาว่าเป็นกลุ่มธุรกิจที่น่าสนใจและมีโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนที่ดี โดย ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) สำรวจพบพื้นที่ที่มีโอกาสสำหรับการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ 16 จังหวัด แบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ กรุงเทพฯ และปริมณฑล ถัดมาคือกลุ่มจังหวัดหัวเมืองใหญ่ สุดท้ายคือจังหวัดหน้าด่านชายแดน
นางสุวรรณี วัธนเวคิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าอสังหาริมทรัพย์ที่น่าลงทุน 16 จังหวัด แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม กล่าวคือ กลุ่มแรก "กรุงเทพฯ และปริมณฑล" มี 5 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ นนทบุรี ปทุมธานี นครปฐม และสมุทรปราการ ซึ่งได้รับประโยชน์จากการเติบโตของเขตเมืองและการก่อสร้างรถไฟฟ้าในหลายเส้นทาง
กลุ่มที่สองคือ "จังหวัดหัวเมืองใหญ่" มี 5 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ ภูเก็ต พิษณุโลก ขอนแก่น และชลบุรี ซึ่งได้รับประโยชน์จาก 1) การเติบโตของเขตเมือง อันเกิดจากการค้าและการลงทุน รวมถึงการท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น หรือ 2) การเป็นจังหวัดสำคัญที่เชื่อมเส้นทางคมนาคมขนส่งระหว่างไทยกับประเทศในลุ่มแม่น้ำโขง (Greater Mekong Subregion : GMS)
และกลุ่มที่สาม "จังหวัดหน้าด่านชายแดน" มี 6 จังหวัด ได้แก่ สงขลา เชียงราย ตาก มุกดาหาร หนองคาย และกาญจนบุรี ซึ่งได้รับประโยชน์จาก 1) กิจกรรมการค้าและการลงทุนตามแนวชายแดนที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง 2) การเป็นจังหวัดบนเส้นทางคมนาคมขนส่ง GMS 3) ภาครัฐกำลังสนับสนุนให้เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ และ 4) บางจังหวัดยังได้รับประโยชน์จากการเป็นเมืองท่องเที่ยวด้วย
"เวลานี้เป็นจังหวะแห่งการลงทุน ซึ่งการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ไม่อยากให้มองข้าม ไม่ว่าจะที่ดิน ที่อยู่อาศัยประเภทบ้านเดี่ยว อาคารพาณิชย์ หรือแม้แต่ห้องชุดคอนโดมิเนียม โดยพิจารณาจากอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและเงินกู้ที่ธนาคารของรัฐและเอกชนหลายแห่งทยอยปรับลดลง หลังจากที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายจาก 2% เหลือ 1.75% เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2558 ที่ผ่านมา
รวมถึงการไม่ปรับเพิ่มราคาของกลุ่มวัสดุก่อสร้างซึ่งเป็นต้นทุนหลัก ส่งผลให้เป็นจังหวะที่เหมาะสมต่อการเข้ามาลงทุนอสังหาริมทรัพย์" นางสุวรรณี กล่าวนอกจากนี้ดร.ปิยศักดิ์ มานะสันต์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปี 2558 แม้ตัวเลขทิศทางเศรษฐกิจโลกและไทยโดยภาพรวมจะขยายตัวดีขึ้น แต่หากพิจารณาในรายละเอียดยังคงมีปัจจัยเสี่ยง โดยเศรษฐกิจโลกภาพรวมอาจขยายตัวที่ประมาณ 3.2% ในปีนี้ เร่งตัวขึ้นจาก 2.7% ในปีก่อน อันเป็นผลจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ขยายตัวดีขึ้น ขณะที่เศรษฐกิจไทยในปีนี้อาจขยายตัวประมาณ 3.7% เร่งตัวขึ้นจาก 0.7% ในปีก่อน
อย่างไรก็ตาม ทั้งเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยยังคงเผชิญปัจจัยเสี่ยง 4 ประการหลักที่กระทบต่อการลงทุน เริ่มต้นจากสงครามค่าเงิน อันเป็นผลจากการที่ธนาคารกลางในประเทศต่างๆ เร่งลดดอกเบี้ยนโยบาย เพื่อให้สกุลเงินของตนอ่อนค่า ถัดมาคือเศรษฐกิจไทยที่เปราะบาง สะท้อนจากการบริโภคและลงทุนภาคเอกชน การเบิกจ่ายภาครัฐ และการส่งออกที่ชะลอตัวต่อเนื่อง ทั้งนี้ ตัวเลขภาคการเงินที่สะท้อนผ่านการขยายตัวของเงินฝากที่เร่งตัวสูงกว่าสินเชื่อ บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจไทยกำลังเผชิญกับภาวะเงินฝืด รวมถึงหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงและความเสี่ยงเสถียรภาพการเงินที่ยังคงต้องจับตามอง จากทั้ง 4 ปัจจัยข้างต้น
ที่มา : หนังสือพิมพ์สยามธุรกิจ
กลุ่มที่สองคือ "จังหวัดหัวเมืองใหญ่" มี 5 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ ภูเก็ต พิษณุโลก ขอนแก่น และชลบุรี ซึ่งได้รับประโยชน์จาก 1) การเติบโตของเขตเมือง อันเกิดจากการค้าและการลงทุน รวมถึงการท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น หรือ 2) การเป็นจังหวัดสำคัญที่เชื่อมเส้นทางคมนาคมขนส่งระหว่างไทยกับประเทศในลุ่มแม่น้ำโขง (Greater Mekong Subregion : GMS)
และกลุ่มที่สาม "จังหวัดหน้าด่านชายแดน" มี 6 จังหวัด ได้แก่ สงขลา เชียงราย ตาก มุกดาหาร หนองคาย และกาญจนบุรี ซึ่งได้รับประโยชน์จาก 1) กิจกรรมการค้าและการลงทุนตามแนวชายแดนที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง 2) การเป็นจังหวัดบนเส้นทางคมนาคมขนส่ง GMS 3) ภาครัฐกำลังสนับสนุนให้เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ และ 4) บางจังหวัดยังได้รับประโยชน์จากการเป็นเมืองท่องเที่ยวด้วย
"เวลานี้เป็นจังหวะแห่งการลงทุน ซึ่งการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ไม่อยากให้มองข้าม ไม่ว่าจะที่ดิน ที่อยู่อาศัยประเภทบ้านเดี่ยว อาคารพาณิชย์ หรือแม้แต่ห้องชุดคอนโดมิเนียม โดยพิจารณาจากอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและเงินกู้ที่ธนาคารของรัฐและเอกชนหลายแห่งทยอยปรับลดลง หลังจากที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายจาก 2% เหลือ 1.75% เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2558 ที่ผ่านมา
รวมถึงการไม่ปรับเพิ่มราคาของกลุ่มวัสดุก่อสร้างซึ่งเป็นต้นทุนหลัก ส่งผลให้เป็นจังหวะที่เหมาะสมต่อการเข้ามาลงทุนอสังหาริมทรัพย์" นางสุวรรณี กล่าวนอกจากนี้ดร.ปิยศักดิ์ มานะสันต์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปี 2558 แม้ตัวเลขทิศทางเศรษฐกิจโลกและไทยโดยภาพรวมจะขยายตัวดีขึ้น แต่หากพิจารณาในรายละเอียดยังคงมีปัจจัยเสี่ยง โดยเศรษฐกิจโลกภาพรวมอาจขยายตัวที่ประมาณ 3.2% ในปีนี้ เร่งตัวขึ้นจาก 2.7% ในปีก่อน อันเป็นผลจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ขยายตัวดีขึ้น ขณะที่เศรษฐกิจไทยในปีนี้อาจขยายตัวประมาณ 3.7% เร่งตัวขึ้นจาก 0.7% ในปีก่อน
อย่างไรก็ตาม ทั้งเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยยังคงเผชิญปัจจัยเสี่ยง 4 ประการหลักที่กระทบต่อการลงทุน เริ่มต้นจากสงครามค่าเงิน อันเป็นผลจากการที่ธนาคารกลางในประเทศต่างๆ เร่งลดดอกเบี้ยนโยบาย เพื่อให้สกุลเงินของตนอ่อนค่า ถัดมาคือเศรษฐกิจไทยที่เปราะบาง สะท้อนจากการบริโภคและลงทุนภาคเอกชน การเบิกจ่ายภาครัฐ และการส่งออกที่ชะลอตัวต่อเนื่อง ทั้งนี้ ตัวเลขภาคการเงินที่สะท้อนผ่านการขยายตัวของเงินฝากที่เร่งตัวสูงกว่าสินเชื่อ บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจไทยกำลังเผชิญกับภาวะเงินฝืด รวมถึงหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงและความเสี่ยงเสถียรภาพการเงินที่ยังคงต้องจับตามอง จากทั้ง 4 ปัจจัยข้างต้น
ที่มา : หนังสือพิมพ์สยามธุรกิจ