บิ๊กของฝากชื่อดังเชียงใหม่"วนัสนันท์" แตกไลน์ธุรกิจสู่อสังหาริมทรัพย์เต็ม รูปแบบ ทุ่มกว่า 300 ล้าน โครงการ คอมมิวนิตี้ขนาดใหญ่ครบวงจร ทั้ง ช็อปปิ้งพลาซ่า ศูนย์ธุรกิจ คอนโดฯโมเดิร์นสไตล์ ปักธงทำเลสุดฮอตบนถนนวงแหวนรอบกลาง ติด ม.พายัพ เจาะฐานกำลังซื้อตลาดนักศึกษาเฉียดหมื่นคนพ่วงหมู่บ้านจัดสรรอีก 20 โครงการ
นายชัดชาญ เอกชัยพัฒนกุล ประธานกรรมการ บริษัท วี ดีเวลล็อปเม้นท์ จำกัด บริษัทในกลุ่มวนัสนันท์ ธุรกิจของฝากชื่อดังของจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ขณะนี้ได้แตกไลน์จากธุรกิจ ของฝาก ภายใต้แบรนด์วนัสนันท์ มาลงทุนทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โครงการ วี คอมมูนิตี้ (V Community) พื้นที่ประมาณ 10 ไร่ โดยอยู่ติดกับมหาวิทยาลัยพายัพ และอยู่ในย่านถนนวงแหวนรอบกลาง ซึ่งเป็นทำเลที่มีการขยายตัวของโครงการบ้านจัดสรร ที่มีมากกว่า 20 โครงการ และยังมีแนวโน้มของการขยายตัวของที่อยู่อาศัยเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะทำให้มีกำลังซื้อและการบริโภคมากขึ้นตามมา
ดังนั้น บริษัทจึงตัดสินใจลงทุนในปีนี้ ด้วยมูลค่าการลงทุนรวมกว่า 300 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการที่ครบวงจรที่สุดแห่งแรกของจังหวัดเชียงใหม่ ภายในโครงการประกอบด้วยโซนที่พักอาศัยใน รูปแบบคอนโดมิเนียม (V Residence) เป็น คอนโดมิเนียมโมเดิร์นสไตล์แบบโลว์ไรส์ ความสูง 7 ชั้น โดยมีแผนก่อสร้าง ทั้งหมด 3 เฟส มูลค่าการลงทุน ประมาณ 380 ล้านบาท แต่ในเบื้องต้นจะก่อสร้าง 2 อาคาร อาคารละ 60 ยูนิต รวม 120 ยูนิต ราคาเริ่มต้นยูนิตละ 1,390,000-6,000,000 บาท ใช้เงินลงทุนราว 200 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าจะแล้วเสร็จสิ้นปี 2555 นี้ จากนั้นจะเริ่มก่อสร้างคอนโดมิเนียม อาคารที่ 3 ต่อไป
นอกจากนี้ ยังมีโซน V Commercial ซึ่งเป็นอาคารพาณิชย์ในรูปแบบช็อปเฮาส์
3 ชั้นครึ่ง เป็นแหล่งธุรกิจและร้านค้าที่จะรองรับคนที่อยู่อาศัยภายในโครงการ และจากภายนอกที่จะเข้ามาใช้บริการ ซึ่งขณะนี้อาคารพาณิชย์ทั้ง 10 ยูนิตปิดการขายได้หมดแล้ว ส่วนโซน V Plaza เป็นแหล่งช็อปปิ้งและศูนย์รวมความทันสมัยในรูปแบบ Easy Market ทั้งสินค้า สวนอาหาร และบริการมากมาย รวมถึงการเปิดพื้นที่ส่วนหนึ่งให้กับชาวบ้านนำพืชผักอินทรีย์ หรือออร์แกนิกเข้ามาจำหน่ายด้วย
โซนสุดท้ายคือ V Park เป็นโซนพื้นที่สีเขียว ซึ่งมหาวิทยาลัยพายัพให้เข้าไปบริหารจัดการ โดยจะสร้างเป็นสวนสีเขียว ที่สามารถออกกำลังกาย พักผ่อน อ่านหนังสือ ฟังดนตรีในสวน กลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยพายัพ ผู้พักอาศัยในโครงการ และคนทั่วไปก็สามารถเข้ามาพักผ่อนในโซนนี้ได้
"ตอนนี้กำลังเริ่มก่อสร้างในแต่ละโซน ยอมรับว่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของเชียงใหม่มีการแข่งขันค่อนข้างสูง แต่รูปแบบนี้มีความแตกต่างที่ยังไม่มีใครทำ คาดว่าโครงการจะเสร็จสมบูรณ์ทั้งหมดปลายปี 2556"
นายชัดชาญกล่าวอีกว่า การตัดสินใจลงทุนกว่า 300 ล้านบาท สำหรับโครงการวี คอมมูนิตี้นั้น ได้มีการทำวิจัยการ ตลาดถึงความเป็นไปได้ในด้านต่าง ๆ ซึ่งก็พบว่าโครงการมีความเป็นไปได้สูง เมื่อพิจารณาจากปัจจัยด้านต่าง ๆ เป็นส่วนประกอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทำเลที่ตั้งของโครงการบนถนนวงแหวนรอบกลาง ที่ล้อมรอบด้วยมหาวิทยาลัยพายัพทั้ง 3 ด้าน ซึ่งในเชิงศักยภาพของมหาวิทยาลัยพายัพมีนักศึกษาและบุคลากรรวมกันมากกว่า 7,000 คน ขณะเดียวกัน ในย่านนี้มี หมู่บ้านจัดสรร ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้ากำลังซื้อระดับบี+ ขึ้นไปมากถึง 20 โครงการ และยังจะมีการลงทุนใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นมาอีกในอนาคต
การลงทุนในรูปแบบคอนโดมิเนียม นอกจากรองรับตลาดคนท้องถิ่นใน เชียงใหม่แล้ว ยังรองรับความต้องการ ของคนจากกรุงเทพฯที่ต้องการมีบ้านหลัง ที่สองที่เชียงใหม่อีกด้วย และที่สำคัญ คือบนถนนเส้นนี้ยังไม่มีโครงการในรูปแบบคอมมิวนิตี้เกิดขึ้น ฉะนั้น วี คอมมูนิตี้ จึงเป็นโครงการแรกบนถนนเส้นนี้ และมีโอกาสในเชิงธุรกิจที่จะรองรับความต้องการของผู้บริโภคในโซนนี้ทั้งหมด
ที่มา: หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ ฉบับวันที่ 26 - 28 มี.ค. 2555
ดังนั้น บริษัทจึงตัดสินใจลงทุนในปีนี้ ด้วยมูลค่าการลงทุนรวมกว่า 300 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการที่ครบวงจรที่สุดแห่งแรกของจังหวัดเชียงใหม่ ภายในโครงการประกอบด้วยโซนที่พักอาศัยใน รูปแบบคอนโดมิเนียม (V Residence) เป็น คอนโดมิเนียมโมเดิร์นสไตล์แบบโลว์ไรส์ ความสูง 7 ชั้น โดยมีแผนก่อสร้าง ทั้งหมด 3 เฟส มูลค่าการลงทุน ประมาณ 380 ล้านบาท แต่ในเบื้องต้นจะก่อสร้าง 2 อาคาร อาคารละ 60 ยูนิต รวม 120 ยูนิต ราคาเริ่มต้นยูนิตละ 1,390,000-6,000,000 บาท ใช้เงินลงทุนราว 200 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าจะแล้วเสร็จสิ้นปี 2555 นี้ จากนั้นจะเริ่มก่อสร้างคอนโดมิเนียม อาคารที่ 3 ต่อไป
นอกจากนี้ ยังมีโซน V Commercial ซึ่งเป็นอาคารพาณิชย์ในรูปแบบช็อปเฮาส์
3 ชั้นครึ่ง เป็นแหล่งธุรกิจและร้านค้าที่จะรองรับคนที่อยู่อาศัยภายในโครงการ และจากภายนอกที่จะเข้ามาใช้บริการ ซึ่งขณะนี้อาคารพาณิชย์ทั้ง 10 ยูนิตปิดการขายได้หมดแล้ว ส่วนโซน V Plaza เป็นแหล่งช็อปปิ้งและศูนย์รวมความทันสมัยในรูปแบบ Easy Market ทั้งสินค้า สวนอาหาร และบริการมากมาย รวมถึงการเปิดพื้นที่ส่วนหนึ่งให้กับชาวบ้านนำพืชผักอินทรีย์ หรือออร์แกนิกเข้ามาจำหน่ายด้วย
โซนสุดท้ายคือ V Park เป็นโซนพื้นที่สีเขียว ซึ่งมหาวิทยาลัยพายัพให้เข้าไปบริหารจัดการ โดยจะสร้างเป็นสวนสีเขียว ที่สามารถออกกำลังกาย พักผ่อน อ่านหนังสือ ฟังดนตรีในสวน กลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยพายัพ ผู้พักอาศัยในโครงการ และคนทั่วไปก็สามารถเข้ามาพักผ่อนในโซนนี้ได้
"ตอนนี้กำลังเริ่มก่อสร้างในแต่ละโซน ยอมรับว่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของเชียงใหม่มีการแข่งขันค่อนข้างสูง แต่รูปแบบนี้มีความแตกต่างที่ยังไม่มีใครทำ คาดว่าโครงการจะเสร็จสมบูรณ์ทั้งหมดปลายปี 2556"
นายชัดชาญกล่าวอีกว่า การตัดสินใจลงทุนกว่า 300 ล้านบาท สำหรับโครงการวี คอมมูนิตี้นั้น ได้มีการทำวิจัยการ ตลาดถึงความเป็นไปได้ในด้านต่าง ๆ ซึ่งก็พบว่าโครงการมีความเป็นไปได้สูง เมื่อพิจารณาจากปัจจัยด้านต่าง ๆ เป็นส่วนประกอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทำเลที่ตั้งของโครงการบนถนนวงแหวนรอบกลาง ที่ล้อมรอบด้วยมหาวิทยาลัยพายัพทั้ง 3 ด้าน ซึ่งในเชิงศักยภาพของมหาวิทยาลัยพายัพมีนักศึกษาและบุคลากรรวมกันมากกว่า 7,000 คน ขณะเดียวกัน ในย่านนี้มี หมู่บ้านจัดสรร ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้ากำลังซื้อระดับบี+ ขึ้นไปมากถึง 20 โครงการ และยังจะมีการลงทุนใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นมาอีกในอนาคต
การลงทุนในรูปแบบคอนโดมิเนียม นอกจากรองรับตลาดคนท้องถิ่นใน เชียงใหม่แล้ว ยังรองรับความต้องการ ของคนจากกรุงเทพฯที่ต้องการมีบ้านหลัง ที่สองที่เชียงใหม่อีกด้วย และที่สำคัญ คือบนถนนเส้นนี้ยังไม่มีโครงการในรูปแบบคอมมิวนิตี้เกิดขึ้น ฉะนั้น วี คอมมูนิตี้ จึงเป็นโครงการแรกบนถนนเส้นนี้ และมีโอกาสในเชิงธุรกิจที่จะรองรับความต้องการของผู้บริโภคในโซนนี้ทั้งหมด
ที่มา: หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ ฉบับวันที่ 26 - 28 มี.ค. 2555