ธุรกิจอสังหาฯ ยังคาดรายได้ปีนี้ไปโลด ตั้งเป้าโตถ้วนหน้า "ปริญสิริ" เล็งผุดอีก 6 โครงการ มั่นใจน้ำไม่ท่วม ขณะที่เอพีเห็นช่องรุกบ้านแนวราบ เลี่ยงคอนโดแข่งดุ บูมทำเลลาดพร้าวขายฉลุย ขณะที่ต่างจังหวัดเริ่มมาแรง ราคาที่ขยับพรวด รับนักลงทุนกรุงขยายสูงภูมิภาค
นายชัยรัตน์ โกวิทจินดาชัย ผู้อำนวยอาวุโสฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ 3.2 พันล้านบาท จากปีก่อนหน้าที่รายได้อยู่ที่ 2.2 พันล้านบาท โดยในปีนี้คาดว่ายอดขาย (พรีเซล) จะอยู่ที่ 3.2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 2.1 พันล้านบาทในปีที่ผ่านมา โดยเป็นเป้าหมายที่อยู่ภายใต้สถานการณ์น้ำไม่ท่วมอีก ทั้งนี้คาดว่าไตรมาสแรกของปีนี้จะมีรายได้และยอดขายอยู่ที่ 700 ล้านบาท โดยอาจจะต้องรอประเมินผลในเดือนมีนาคมนี้อีกครั้งเพราะในช่วง 2 เดือนแรกยังทำได้ไม่ถึง 50% ของเป้าหมายเนื่องจากอยู่ในช่วงการเปลี่ยนผู้บริหารและทีมงาน
"ทั้งนี้ บริษัทมีแผนเปิดโครงการใหม่ 6 โครงการในปีนี้ มูลค่ารวม 3.72 พันล้านบาท แบ่งเป็นบ้านเดี่ยว 3 โครงการ ทาวน์เฮาส์ 1 โครงการ และคอนโดมิเนียม 2 โครงการ และตั้งงบจัดซื้อที่ดิน 1 พันล้านบาท และงบการก่อสร้าง 400 ล้านบาท โดยเตรียมขออนุมัติผู้ถือหุ้น ออกหุ้นกู้วงเงินรวม 1 พันล้านบาท เพื่อใช้ลงทุนซื้อที่ดินและสิ่งก่อสร้าง โดยยังคงนโยบายขายที่ดินบางแปลงที่ยังไม่มีการพัฒนา ซึ่งขณะนี้มี 1 แปลงที่พัทยา พื้นที่ 26 ไร่ มูลค่าตามราคาตลาดอยู่ที่ 400 ล้านบาท"
นายวิทการ จันทวิมล ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์การตลาด บริษัท เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือเอพี กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 2555 อยู่ที่ 1.7 หมื่นล้านบาท จากปีก่อนที่ทำได้ 1.36 หมื่นล้านบาท โดยมีแผนพัฒนาโครงการใหม่ปีนี้ 19 โครงการ มูลค่ารวม 22,500 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม หลังวิกฤตน้ำท่วม ทำให้ความต้องการซื้อของลูกค้าเปลี่ยนไปโดยผู้บริโภคจะเลือกทำเลในเมืองหรือนอกพื้นที่เสี่ยงมากขึ้น ในขณะที่ปริมาณที่อยู่อาศัยในตลาดมองว่าสินค้าแนวราบในตลาดจะเติบโตน้อยลง ส่งผลให้การแข่งขันบางเบากว่าคอนโดมิเนียม ซึ่งถือเป็นช่องว่างที่เกิดขึ้น และด้วยข้อได้เปรียบของบริษัทที่โครงการแนวราบส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในทำเลศักยภาพ จึงมองว่าเป็นโอกาสทำธุรกิจของบริษัท
"โครงการที่เปิดใหม่ในปีนี้บริษัทจะให้ความสำคัญกับการป้องกันน้ำท่วม โดยแต่ละโครงการจะมีการถมที่สูงขึ้นจากถนนราว 50 ซม.-1 เมตร มีการทำแนวป้องกันน้ำท่วมรอบโครงการ รวมทั้งวางจุดสูบน้ำและปิดตั้งเครื่องปั๊มน้ำในแต่ละโครงการ ซึ่งปกติทุกๆ ปี บริษัทจะกันงบไว้ 1% ของยอดขายสำหรับใช้ในกรณีฉุกเฉิน"
นายวิทการกล่าวว่า สำหรับโครงการใหม่ที่จะเปิดนั้นอยู่ในย่านลาดพร้าวอย่างน้อย 3 โครงการ ซึ่งยอมรับว่าย่านดังกล่าวเป็นแหล่งชุมชนที่มีความหนาแน่น ส่งผลให้ความต้องการที่อยู่อาศัยที่เป็นแนวราบมีค่อนข้างมาก เพราะบริเวณดังกล่าวไม่สามารถพัฒนาเป็นอาคารสูงได้ เนื่องจากผังเมืองไม่เอื้อต่อการสร้างอาคารสูง ทั้งนี้สำหรับกลุ่มสินค้าที่ค่อนข้างขายดี คือ ระดับราคา 3-5 ล้านบาท ซึ่งขายได้ไม่ต่ำกว่า 15 ยูนิตต่อเดือน
"ที่ผ่านมาเปิดตัวไปแล้ว 4 โครงการ ปรากฏว่าส่วนใหญ่ปิดการขายไปหมดแล้ว ทำให้บริษัทต้องเปิดตัวโครงการในย่านดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง" นายวิทการกล่าวและว่า ส่วนในทำเลต่างจังหวัดนั้นขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาที่จังหวัดอุดรธานี แต่ยอมรับว่าปัจจุบันราคาที่ดินในต่างจังหวัดเริ่มปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง หลังจากผู้ประกอบการในกรุงเทพฯเริ่มกระจายการลงทุนไปสู่ภูมิภาคมากขึ้น
ที่มา: มติชนออนไลน์
"ทั้งนี้ บริษัทมีแผนเปิดโครงการใหม่ 6 โครงการในปีนี้ มูลค่ารวม 3.72 พันล้านบาท แบ่งเป็นบ้านเดี่ยว 3 โครงการ ทาวน์เฮาส์ 1 โครงการ และคอนโดมิเนียม 2 โครงการ และตั้งงบจัดซื้อที่ดิน 1 พันล้านบาท และงบการก่อสร้าง 400 ล้านบาท โดยเตรียมขออนุมัติผู้ถือหุ้น ออกหุ้นกู้วงเงินรวม 1 พันล้านบาท เพื่อใช้ลงทุนซื้อที่ดินและสิ่งก่อสร้าง โดยยังคงนโยบายขายที่ดินบางแปลงที่ยังไม่มีการพัฒนา ซึ่งขณะนี้มี 1 แปลงที่พัทยา พื้นที่ 26 ไร่ มูลค่าตามราคาตลาดอยู่ที่ 400 ล้านบาท"
นายวิทการ จันทวิมล ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์การตลาด บริษัท เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือเอพี กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 2555 อยู่ที่ 1.7 หมื่นล้านบาท จากปีก่อนที่ทำได้ 1.36 หมื่นล้านบาท โดยมีแผนพัฒนาโครงการใหม่ปีนี้ 19 โครงการ มูลค่ารวม 22,500 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม หลังวิกฤตน้ำท่วม ทำให้ความต้องการซื้อของลูกค้าเปลี่ยนไปโดยผู้บริโภคจะเลือกทำเลในเมืองหรือนอกพื้นที่เสี่ยงมากขึ้น ในขณะที่ปริมาณที่อยู่อาศัยในตลาดมองว่าสินค้าแนวราบในตลาดจะเติบโตน้อยลง ส่งผลให้การแข่งขันบางเบากว่าคอนโดมิเนียม ซึ่งถือเป็นช่องว่างที่เกิดขึ้น และด้วยข้อได้เปรียบของบริษัทที่โครงการแนวราบส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในทำเลศักยภาพ จึงมองว่าเป็นโอกาสทำธุรกิจของบริษัท
"โครงการที่เปิดใหม่ในปีนี้บริษัทจะให้ความสำคัญกับการป้องกันน้ำท่วม โดยแต่ละโครงการจะมีการถมที่สูงขึ้นจากถนนราว 50 ซม.-1 เมตร มีการทำแนวป้องกันน้ำท่วมรอบโครงการ รวมทั้งวางจุดสูบน้ำและปิดตั้งเครื่องปั๊มน้ำในแต่ละโครงการ ซึ่งปกติทุกๆ ปี บริษัทจะกันงบไว้ 1% ของยอดขายสำหรับใช้ในกรณีฉุกเฉิน"
นายวิทการกล่าวว่า สำหรับโครงการใหม่ที่จะเปิดนั้นอยู่ในย่านลาดพร้าวอย่างน้อย 3 โครงการ ซึ่งยอมรับว่าย่านดังกล่าวเป็นแหล่งชุมชนที่มีความหนาแน่น ส่งผลให้ความต้องการที่อยู่อาศัยที่เป็นแนวราบมีค่อนข้างมาก เพราะบริเวณดังกล่าวไม่สามารถพัฒนาเป็นอาคารสูงได้ เนื่องจากผังเมืองไม่เอื้อต่อการสร้างอาคารสูง ทั้งนี้สำหรับกลุ่มสินค้าที่ค่อนข้างขายดี คือ ระดับราคา 3-5 ล้านบาท ซึ่งขายได้ไม่ต่ำกว่า 15 ยูนิตต่อเดือน
"ที่ผ่านมาเปิดตัวไปแล้ว 4 โครงการ ปรากฏว่าส่วนใหญ่ปิดการขายไปหมดแล้ว ทำให้บริษัทต้องเปิดตัวโครงการในย่านดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง" นายวิทการกล่าวและว่า ส่วนในทำเลต่างจังหวัดนั้นขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาที่จังหวัดอุดรธานี แต่ยอมรับว่าปัจจุบันราคาที่ดินในต่างจังหวัดเริ่มปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง หลังจากผู้ประกอบการในกรุงเทพฯเริ่มกระจายการลงทุนไปสู่ภูมิภาคมากขึ้น
ที่มา: มติชนออนไลน์