นายกิตติพล ปราโมช ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการ บริษัท สัมมากร จำกัด (มหาชน)ในฐานะนายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทยเปิดเผยว่า ในขณะนี้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ของไทยกำลังประสบปัญหาขาดแคลนแรงงานก่อสร้าง และการซ่อมแซมบ้านเรือนอย่างมากทำให้งานก่อสร้างโครงการอสังหาริมทรัพย์ทั้งที่เป็นที่อยู่อาศัย อาคารสำนักงาน รวมถึงโครงการประเภทอื่นๆ ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างต้องประสบกับความล่าช้าจากกำหนดการการก่อสร้างแล้วเสร็จไปประมาณ 1-2 เดือน
ทั้งนี้มีสาเหตุหลักของการขาดแคลนแรงงาน มาจากแรงงานก่อสร้างส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ โดยมาจากประเทศพม่ามากที่สุด และเมื่อเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่เมื่อปลายปี 2554 แรงงานเหล่านี้จึงเดินทางกลับประเทศ ประกอบกับเมื่อประเทศพม่ามีการเปิดประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะการเปิดให้นักลงทุนต่างชาติเข้าไปลงทุนในประเทศพม่าได้มากขึ้น แรงงานก่อสร้างที่เคยทำงานในประเทศไทยจึงเลือกที่จะทำงานที่ประเทศของตน และไม่กลับเข้ามาทำงานในประเทศไทยอีก
"ในช่วงนี้จะเห็นได้ว่าผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ต่างเร่งลงทุนจำนวนมากเพราะเห็นว่าเมื่อสถานการณ์ทางด้านเศรษฐกิจในประเทศดีขึ้น และภาครัฐสร้างความมั่นใจว่าจะไม่เกิดปัญหาน้ำท่วมขึ้นอีกทำให้ผู้ประกอบการรายต่างๆ กลับมาลงทุนใหม่อีกครั้ง และคนที่อยากซ่อมบ้านจากการถูกน้ำท่วม ก็จะเร่งซ่อมบ้านใหม่ แต่กลับเจอปัญหาแรงงานก่อสร้างมีไม่เพียงพอ หากประเทศพม่าเปิดประเทศเต็มที่ ประเทศไทยต้องเจอปัญหาแรงงานขาดแคลนและได้รับผลกระทบมากที่สุด" นายกิตติพล กล่าว
นอกจากนี้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ยังได้รับผลกระทบจากปัญหาการปรับขึ้นค่าแรงงานขั้นต่ำเป็นวันละ 300 บาท ที่จะมีผลในเดือนเมษายนนี้ ตามนโยบายของรัฐบาลทำให้ต้นทุนการประกอบธุรกิจสูงขึ้นอย่างมากส่วนปัญหาราคาน้ำมันที่สูงขึ้นต่อเนื่อง มีผลกระทบต่อต้นทุนการประกอบธุรกิจในทางอ้อมเท่านั้น โดยคาดว่าจากปัญหาค่าแรงงานที่สูงขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ในตลาดทยอยปรับขึ้นราคาที่อยู่อาศัยไปประมาณ 5-10%
ส่วนความกังวลจากเรื่องสถานการณ์น้ำท่วมในปี 2555 นี้ เชื่อว่าจะไม่เกิดขึ้นซ้ำอีกครั้ง เพราะภาครัฐให้คำยืนยันว่าในเดือนพฤษภาคมนี้ระดับน้ำในเขื่อนจะอยู่ที่ 45%และภาครัฐยังกำหนดเส้นทางฟลัดเวย์ (ทางน้ำผ่าน) ไว้แล้วอย่างชัดเจน ทั้งด้านทางแม่น้ำท่าจีน และแม่น้ำบางปะกง ประกอบกับผู้ประกอบการได้มีการติดตามข้อมูลระดับน้ำอย่างใกล้ชิด ทำให้ผู้ประกอบการสามารถวางแผนลงทุนได้อย่างถูกต้อง และประชาชนมีความมั่นใจที่จะตัดสินใจซื้อบ้านได้ดีขึ้นโดยประเมินว่าความเชื่อมั่นของผู้บริโภคจะกลับมาได้ปกติในช่วงกลางปี 2555 ส่วนภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์คาดว่าจะเติบโต 5-10%
นายกิตติพลกล่าวว่า แผนลงทุนของบริษัทในปี 2555 นี้ เตรียมใช้งบประมาณ130 ล้านบาท สร้างศูนย์การค้าชุมชน(คอมมูนิตี้ มอลล์) แห่งที่ 4 บริเวณหมู่บ้าน"สัมมากร ราชพฤกษ์" มีกำหนดเปิดให้บริการในเดือนเมษายนนี้ โดยเปิดโครงการล่าช้าไปจากกำหนดการเดิมประมาณ 1 เดือนและมีความสนใจพัฒนาที่ดินที่พัทยา เป็นคอนโดมิเนียม ขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณาแผนลงทุน พร้อมกับจะเน้นขายโครงการที่มีอยู่ 8 แห่ง ให้เพิ่มขึ้น คาดว่าบริษัทจะมียอดรับรู้รายได้ในปี 2555 นี้ประมาณ800-900 ล้านบาท โครงการที่มีอยู่นั้นมีมูลค่าประมาณ 5,000 ล้านบาท และจะทยอยรับรู้รายได้ต่อเนื่องในช่วง 4-5 ปีข้างหน้า
ที่มา: หนังสือพิมพ์แนวหน้า
"ในช่วงนี้จะเห็นได้ว่าผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ต่างเร่งลงทุนจำนวนมากเพราะเห็นว่าเมื่อสถานการณ์ทางด้านเศรษฐกิจในประเทศดีขึ้น และภาครัฐสร้างความมั่นใจว่าจะไม่เกิดปัญหาน้ำท่วมขึ้นอีกทำให้ผู้ประกอบการรายต่างๆ กลับมาลงทุนใหม่อีกครั้ง และคนที่อยากซ่อมบ้านจากการถูกน้ำท่วม ก็จะเร่งซ่อมบ้านใหม่ แต่กลับเจอปัญหาแรงงานก่อสร้างมีไม่เพียงพอ หากประเทศพม่าเปิดประเทศเต็มที่ ประเทศไทยต้องเจอปัญหาแรงงานขาดแคลนและได้รับผลกระทบมากที่สุด" นายกิตติพล กล่าว
นอกจากนี้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ยังได้รับผลกระทบจากปัญหาการปรับขึ้นค่าแรงงานขั้นต่ำเป็นวันละ 300 บาท ที่จะมีผลในเดือนเมษายนนี้ ตามนโยบายของรัฐบาลทำให้ต้นทุนการประกอบธุรกิจสูงขึ้นอย่างมากส่วนปัญหาราคาน้ำมันที่สูงขึ้นต่อเนื่อง มีผลกระทบต่อต้นทุนการประกอบธุรกิจในทางอ้อมเท่านั้น โดยคาดว่าจากปัญหาค่าแรงงานที่สูงขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ในตลาดทยอยปรับขึ้นราคาที่อยู่อาศัยไปประมาณ 5-10%
ส่วนความกังวลจากเรื่องสถานการณ์น้ำท่วมในปี 2555 นี้ เชื่อว่าจะไม่เกิดขึ้นซ้ำอีกครั้ง เพราะภาครัฐให้คำยืนยันว่าในเดือนพฤษภาคมนี้ระดับน้ำในเขื่อนจะอยู่ที่ 45%และภาครัฐยังกำหนดเส้นทางฟลัดเวย์ (ทางน้ำผ่าน) ไว้แล้วอย่างชัดเจน ทั้งด้านทางแม่น้ำท่าจีน และแม่น้ำบางปะกง ประกอบกับผู้ประกอบการได้มีการติดตามข้อมูลระดับน้ำอย่างใกล้ชิด ทำให้ผู้ประกอบการสามารถวางแผนลงทุนได้อย่างถูกต้อง และประชาชนมีความมั่นใจที่จะตัดสินใจซื้อบ้านได้ดีขึ้นโดยประเมินว่าความเชื่อมั่นของผู้บริโภคจะกลับมาได้ปกติในช่วงกลางปี 2555 ส่วนภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์คาดว่าจะเติบโต 5-10%
นายกิตติพลกล่าวว่า แผนลงทุนของบริษัทในปี 2555 นี้ เตรียมใช้งบประมาณ130 ล้านบาท สร้างศูนย์การค้าชุมชน(คอมมูนิตี้ มอลล์) แห่งที่ 4 บริเวณหมู่บ้าน"สัมมากร ราชพฤกษ์" มีกำหนดเปิดให้บริการในเดือนเมษายนนี้ โดยเปิดโครงการล่าช้าไปจากกำหนดการเดิมประมาณ 1 เดือนและมีความสนใจพัฒนาที่ดินที่พัทยา เป็นคอนโดมิเนียม ขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณาแผนลงทุน พร้อมกับจะเน้นขายโครงการที่มีอยู่ 8 แห่ง ให้เพิ่มขึ้น คาดว่าบริษัทจะมียอดรับรู้รายได้ในปี 2555 นี้ประมาณ800-900 ล้านบาท โครงการที่มีอยู่นั้นมีมูลค่าประมาณ 5,000 ล้านบาท และจะทยอยรับรู้รายได้ต่อเนื่องในช่วง 4-5 ปีข้างหน้า
ที่มา: หนังสือพิมพ์แนวหน้า