เป็นอีกหนึ่งบริษัทอสังหาฯที่เจอผลกระทบจากน้ำท่วมใหญ่ปลายปีที่ผ่านมา ทำให้บ้านจัดสรร3 โครงการในโซน จ.ปทุมธานี "ชวนชื่นกอล์ฟอเวนิว-ชวนชื่นฟลอร่าวิลล์ชวนชื่นบรู๊คไซด์"ของบริษัทมหาชน"มั่นคงเคหะการ"ถูกน้ำโจมตีแบบไม่ทันตั้งตัว แต่หลังจากสถานการณ์น้ำท่วมกลับสู่ภาวะปกติ กลุ่มมั่นคงฯได้เร่งฟื้นฟูเตรียมเปิดขายที่ดินเปล่าและบ้านจัดสรรในโครงการอีกครั้งช่วงปลายเดือนมีนาคมนี้ เฉพาะโครงการชวนชื่นบรู๊คไซด์ เป็นบ้านเดี่ยวราคาเริ่มต้นยูนิตละ 3 ล้านบาท เนื้อที่ 50-70 ตารางวาราคาเริ่มต้นยูนิตละ 3 ล้านบาท ส่วนโครงการชวนชื่นกอล์ฟอเวนิวและชวนชื่นฟลอร่าวิลล์เป็นการขายที่ดินจัดสรร เนื้อที่ตั้งแต่ 100-400 ตารางวาขึ้นไป
ลุย 3 โครงการลงทุนแบบระวัง
กับแผนดำเนินธุรกิจปีนี้ "มั่นคงฯ"ภายใต้การนำของ "ชวน ตั้งมติธรรม"และทายาทอีก 2 คนคือ"ชุติมาชูเกียรติ"เดินหน้าพัฒนาโครงการใหม่แบบระมัดระวังมากขึ้น จากเดิมวางแผนจะเปิดตัวใหม่ในปีนี้ 5 โครงการ ปรับลดเหลือ 3 โครงการ รวมมูลค่า 1,900 ล้านบาท เน้นพัฒนาโครงการแนวราบทั้งหมด
3 โครงการที่ว่าคือ 1) ชวนชื่น โมดัสถนนรัตนาธิเบศร์ บ้านเดี่ยว 85 ยูนิตราคาเฉลี่ยยูนิตละ 4.7 ล้านบาท บนเนื้อที่ 18 ไร่ มูลค่าโครงการ 400 ล้านบาท 2) ชวนชื่น จรัญ 3 ทาวน์เฮาส์ 214 ยูนิต ราคาเฉลี่ยยูนิตละ 4.6 ล้านบาทบนเนื้อที่ 25 ไร่ มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท และ 3) ทาวน์โฮมโฮมออฟฟิศ 85 ยูนิต ราคาเฉลี่ย 5.88 ล้านบาท บนเนื้อที่ 14 ไร่ มูลค่าโครงการ500 ล้านบาท
ที่น่าสนใจคือ โครงการทาวน์เฮาส์สไตล์โมเดิร์นวินเทจ "ชวนชื่น จรัญ 3"ที่อยู่ถัดเข้ามาในซอยจรัญสนิทวงศ์ 3 ใกล้กับโครงการรถไฟฟ้าสีน้ำเงินสถานีท่าพระ ถือเป็นการขยับเข้ามาทำทาวน์เฮาส์ในเมืองมากขึ้น หลังจากเปิดพรีเซลมาได้กว่า 1 เดือน ทั้ง ๆ ที่บ้านตัวอย่างยังก่อสร้างไม่เสร็จ ผลตอบรับถือว่าดี มียอดจองเข้ามาแล้วเกือบ10 ยูนิต บริษัทเตรียมเปิดตัวเป็นทางการประมาณเดือนมิถุนายนนี้
"ถึงอยู่โซนจรัญฯ ติดกับคลองบางกอกใหญ่ แต่อยู่ในทำเลระหว่างแยกบางขุนนนท์และแยกท่าพระที่น้ำไม่ท่วมทำเลตรงนี้ถือว่ามีศักยภาพเพราะใกล้กับถนนกัลปพฤกษ์ที่ทะลุไปสาทรได้"ชุติมา ตั้งมติธรรม ผู้บริหารมั่นคงฯระบุ
เพิ่มสัดส่วนบ้านสร้างก่อนขาย
นอกจากการลงทุนเปิดตัวโครงการใหม่แบบระวัง ปีนี้มั่นคงได้เขย่าสัดส่วนการพัฒนา "บ้านสร้างก่อนขาย"และ"บ้านสั่งสร้าง"จากปี 2553 บ้านสร้างก่อนขายมีสัดส่วน 50% ปี 2554 เพิ่มขึ้นเป็น 73% มาถึงปีนี้ตั้งเป้าขยับขึ้นเป็น 80%
ข้อดีคือจะควบคุมการรับรู้รายได้ดีขึ้น เพราะหลังจากขายบ้านแล้วอีกไม่กี่เดือนก็สามารถโอนเพื่อบันทึกเป็นรายได้ทันที รวมถึงได้ลงทุนติดตั้งเครื่องสูบน้ำ ระบบเปิดปิดประตูน้ำ ถมที่ดินในโครงการใหม่ให้สูงขึ้นโดยใช้ระดับน้ำท่วมปลายปีที่ผ่านมาเป็นเกณฑ์เพื่อเพิ่มความมั่นใจ
ปีนี้กลุ่มมั่นคงฯจึงตั้งเป้าทวงคืนตัวเลขยอดขายและรายได้ที่หายไปในช่วงน้ำท่วม เป้าหมายคือมียอดขายและรายได้อย่างละ 3,000 ล้านบาท ขณะที่ปีก่อนทำยอดขายได้ 2,080 ล้านบาทต่ำกว่าเป้าเกือบ 800 ล้านบาท มีรายได้1,700 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้า 1,300 ล้านบาท
ส่วนยอดขายช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมาถือว่ายังออกตัวไม่แรง มียอดขาย170 ล้านบาท แต่จากการจัดแคมเปญ"ชวนชื่น สไมล์ แพ็กเกจ" ตลอดไตรมาสแรก ด้วยการนำบ้านพร้อมอยู่ประมาณ 150 ยูนิต รวมมูลค่าขาย 600 ล้านบาท ในโครงการบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ 6 โครงการ น่าจะช่วยเร่งยอดขายในช่วงครึ่งไตรมาสหลังให้กระเตื้องขึ้นมาได้บ้าง
ที่มา: หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ วันที่ 5 - 7 มี.ค. 2555
กับแผนดำเนินธุรกิจปีนี้ "มั่นคงฯ"ภายใต้การนำของ "ชวน ตั้งมติธรรม"และทายาทอีก 2 คนคือ"ชุติมาชูเกียรติ"เดินหน้าพัฒนาโครงการใหม่แบบระมัดระวังมากขึ้น จากเดิมวางแผนจะเปิดตัวใหม่ในปีนี้ 5 โครงการ ปรับลดเหลือ 3 โครงการ รวมมูลค่า 1,900 ล้านบาท เน้นพัฒนาโครงการแนวราบทั้งหมด
3 โครงการที่ว่าคือ 1) ชวนชื่น โมดัสถนนรัตนาธิเบศร์ บ้านเดี่ยว 85 ยูนิตราคาเฉลี่ยยูนิตละ 4.7 ล้านบาท บนเนื้อที่ 18 ไร่ มูลค่าโครงการ 400 ล้านบาท 2) ชวนชื่น จรัญ 3 ทาวน์เฮาส์ 214 ยูนิต ราคาเฉลี่ยยูนิตละ 4.6 ล้านบาทบนเนื้อที่ 25 ไร่ มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท และ 3) ทาวน์โฮมโฮมออฟฟิศ 85 ยูนิต ราคาเฉลี่ย 5.88 ล้านบาท บนเนื้อที่ 14 ไร่ มูลค่าโครงการ500 ล้านบาท
ที่น่าสนใจคือ โครงการทาวน์เฮาส์สไตล์โมเดิร์นวินเทจ "ชวนชื่น จรัญ 3"ที่อยู่ถัดเข้ามาในซอยจรัญสนิทวงศ์ 3 ใกล้กับโครงการรถไฟฟ้าสีน้ำเงินสถานีท่าพระ ถือเป็นการขยับเข้ามาทำทาวน์เฮาส์ในเมืองมากขึ้น หลังจากเปิดพรีเซลมาได้กว่า 1 เดือน ทั้ง ๆ ที่บ้านตัวอย่างยังก่อสร้างไม่เสร็จ ผลตอบรับถือว่าดี มียอดจองเข้ามาแล้วเกือบ10 ยูนิต บริษัทเตรียมเปิดตัวเป็นทางการประมาณเดือนมิถุนายนนี้
"ถึงอยู่โซนจรัญฯ ติดกับคลองบางกอกใหญ่ แต่อยู่ในทำเลระหว่างแยกบางขุนนนท์และแยกท่าพระที่น้ำไม่ท่วมทำเลตรงนี้ถือว่ามีศักยภาพเพราะใกล้กับถนนกัลปพฤกษ์ที่ทะลุไปสาทรได้"ชุติมา ตั้งมติธรรม ผู้บริหารมั่นคงฯระบุ
เพิ่มสัดส่วนบ้านสร้างก่อนขาย
นอกจากการลงทุนเปิดตัวโครงการใหม่แบบระวัง ปีนี้มั่นคงได้เขย่าสัดส่วนการพัฒนา "บ้านสร้างก่อนขาย"และ"บ้านสั่งสร้าง"จากปี 2553 บ้านสร้างก่อนขายมีสัดส่วน 50% ปี 2554 เพิ่มขึ้นเป็น 73% มาถึงปีนี้ตั้งเป้าขยับขึ้นเป็น 80%
ข้อดีคือจะควบคุมการรับรู้รายได้ดีขึ้น เพราะหลังจากขายบ้านแล้วอีกไม่กี่เดือนก็สามารถโอนเพื่อบันทึกเป็นรายได้ทันที รวมถึงได้ลงทุนติดตั้งเครื่องสูบน้ำ ระบบเปิดปิดประตูน้ำ ถมที่ดินในโครงการใหม่ให้สูงขึ้นโดยใช้ระดับน้ำท่วมปลายปีที่ผ่านมาเป็นเกณฑ์เพื่อเพิ่มความมั่นใจ
ปีนี้กลุ่มมั่นคงฯจึงตั้งเป้าทวงคืนตัวเลขยอดขายและรายได้ที่หายไปในช่วงน้ำท่วม เป้าหมายคือมียอดขายและรายได้อย่างละ 3,000 ล้านบาท ขณะที่ปีก่อนทำยอดขายได้ 2,080 ล้านบาทต่ำกว่าเป้าเกือบ 800 ล้านบาท มีรายได้1,700 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้า 1,300 ล้านบาท
ส่วนยอดขายช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมาถือว่ายังออกตัวไม่แรง มียอดขาย170 ล้านบาท แต่จากการจัดแคมเปญ"ชวนชื่น สไมล์ แพ็กเกจ" ตลอดไตรมาสแรก ด้วยการนำบ้านพร้อมอยู่ประมาณ 150 ยูนิต รวมมูลค่าขาย 600 ล้านบาท ในโครงการบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ 6 โครงการ น่าจะช่วยเร่งยอดขายในช่วงครึ่งไตรมาสหลังให้กระเตื้องขึ้นมาได้บ้าง
ที่มา: หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ วันที่ 5 - 7 มี.ค. 2555