"เสนาฯ"มองข้ามช็อตศึกษาแผนดัน 2 คอมมูนิตีมอลล์ ระดมทุนผ่านกองทุนอสังหาฯ หวังต่อยอดทางการเงิน เดินหน้าปรับปรุงบ้านเดี่ยวและสนามกอล์ฟใน จ.ชลบุรีรีโนเวตบ้านเก่า 40-50 หลัง เคาะขาย 3 ล้านบาทส่วนบ้านใหม่พัฒนาปลายปี 55 พร้อมเดินหน้าโครงการคอนโดฯบีโอเอ เปิด เดอะ คิทท์ลำลูกกา คลอง 2 ยันตลาดแข่งขันน้อย ทำแล้วขายง่าย
ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการบริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าในปี 55 ทางบริษัทยังคงยืนเป้าเปิด 6 โครงการใหม่ แยกเป็นโครงการที่สร้างรายได้จากการเช่า 3 โครงการ ได้แก่ โครงการโรงแรมและสนามกอล์ฟใน จ.ชลบุรี และโครงการคอมมูนิตีมอลล์ที่เจริญนครและที่รามอินทราส่วนโครงการที่สร้างรายได้จากการขายที่อยู่อาศัยจะมี 3 โครงการ แยกเป็นโครงการแนวราบ 2 โครงการ และโครงการคอนโดมิเนียมบีโอไอที่ลำลูกกาคลอง 2 ภายใต้แบรนด์ เดอะ คิทท์ลำลูกกา คลอง 2 พื้นที่ใช้สอย 23-28 ตารางเมตรราคาเริ่มต้น 6 แสนบาท
"ในมุมมองแล้ว การมีโครงการคอมมูนิตีมอลล์นั้น น่าจะเป็นผลดีในระยะข้างหน้าของเสนาฯ โดยจะสามารถนำมาต่อยอดทางการเงินนำระดมทุนผ่านกองทุนอสังหาริมทรัพย์ได้ ซึ่งมั่นใจว่าในระยะ 2-3 ปี น่าจะคืนทุนได้ ซึ่งที่ตั้งของโครงการ ล้วนแล้วแต่อยู่แหล่งกำลังซื้อ ที่มีโครงการที่อยู่อาศัย ชุมชน สถาบันศึกษา รองรับ"
สำหรับความคืบหน้าการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยและสนามกอล์ฟในโครงการพัทยาคันทรี คลับ แอนด์ รีสอร์ท จ.ชลบุรี ซึ่งมีเนื้อที่รวม 1,000 ไร่ นั้น ทางบริษัทจะทยอยการพัฒนาเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มอย่างต่อเนื่อง โดยในส่วนโครงการสนามกอล์ฟได้เริ่มปรับปรุงคลับเฮาส์ปรับปรุงสนาม จำนวน 9 หลุม คาดว่าจะใช้เวลากว่าปีจะแล้วเสร็จ ส่วนโครงการบ้านเดี่ยวริมสนามกอล์ฟ ส่วนแรกจะนำบ้านเดี่ยวชั้นเดียวมาปรับใหม่ประมาณ 40-50 หลัง ราคาขายเริ่มต้น 3 ล้านบาท แต่หากเป็นบ้านเดี่ยวรูปแบบใหม่น่าจะเริ่มดำเนินการได้ปลายปี 55 เนื้อที่ประมาณ60-70 ตารางวา ราคาจะปรับสูงขึ้น จะมีการเพิ่มรายละเอียดภายในตัวบ้าน เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่มาพักและใช้บริการ
ส่วนโครงการคอนโดฯที่จะเปิดตัวในปีนี้จะเป็นแบรนด์เดอะคิทท์คอนโดฯหรือคอนโดฯบีโอไอ ที่ลำลูกกาคลอง 2 ระดับราคาเริ่มต้น 6 แสนบาท เน้นกลุ่มลูกค้าโซนดังกล่าว ที่มีรายได้ประมาณ 10,000-20,000 ต่อเดือน
"เราเชื่อและมั่นใจคอนโดฯบีโอไอยังสามารถแข่งขันได้ เพราะคู่แข่งไม่มาก ทำแล้วขายได้เร็ว ความต้องการซื้อสูง"
อนึ่ง ทางบริษัทเสนาฯได้แจ้งผลประกอบการรอบปี 2555 บริษัทฯและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ เท่ากับ 418.20 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิร้อยละ 19.12 ของรายได้รวม ซึ่งมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 101.51 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ 32.05 จากปีก่อน เนื่องจากมีรายได้รวม2,187.24 ล้านบาท ซึ่งเกิดจากรายได้จากการขายที่อยู่อาศัยเท่ากับ 2,101.77 ล้านบาท แบ่งเป็นการรับรู้รายได้จากการขายโครงการแนวราบและโครงการแนวสูงเท่ากับ 491.15 ล้านบาท และ1,610.62 ล้านบาท
รายได้จากค่าเช่าและบริการ เท่ากับ 19.03 ล้านบาท รายได้ค่าตกแต่งเท่ากับ 25.74 ล้านบาทรายได้จากการขายที่ดินเท่ากับ 0.31 ล้านบาทและรายได้อื่นเท่ากับ 40.40 ล้านบาท รายได้จากการขายเพิ่มขึ้นจำนวน 873.14 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้นร้อยละ 71.07 จากปีก่อน ขณะเดียวกันรายได้อื่นลดลงจากปีก่อนเท่ากับ 71.61 ล้านบาท เนื่องจากปีก่อนมีการขายทรัพย์สินดำเนินงาน
ที่มา: หนังสือพิมพ์ ASTV ผู้จัดการรายวัน
"ในมุมมองแล้ว การมีโครงการคอมมูนิตีมอลล์นั้น น่าจะเป็นผลดีในระยะข้างหน้าของเสนาฯ โดยจะสามารถนำมาต่อยอดทางการเงินนำระดมทุนผ่านกองทุนอสังหาริมทรัพย์ได้ ซึ่งมั่นใจว่าในระยะ 2-3 ปี น่าจะคืนทุนได้ ซึ่งที่ตั้งของโครงการ ล้วนแล้วแต่อยู่แหล่งกำลังซื้อ ที่มีโครงการที่อยู่อาศัย ชุมชน สถาบันศึกษา รองรับ"
สำหรับความคืบหน้าการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยและสนามกอล์ฟในโครงการพัทยาคันทรี คลับ แอนด์ รีสอร์ท จ.ชลบุรี ซึ่งมีเนื้อที่รวม 1,000 ไร่ นั้น ทางบริษัทจะทยอยการพัฒนาเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มอย่างต่อเนื่อง โดยในส่วนโครงการสนามกอล์ฟได้เริ่มปรับปรุงคลับเฮาส์ปรับปรุงสนาม จำนวน 9 หลุม คาดว่าจะใช้เวลากว่าปีจะแล้วเสร็จ ส่วนโครงการบ้านเดี่ยวริมสนามกอล์ฟ ส่วนแรกจะนำบ้านเดี่ยวชั้นเดียวมาปรับใหม่ประมาณ 40-50 หลัง ราคาขายเริ่มต้น 3 ล้านบาท แต่หากเป็นบ้านเดี่ยวรูปแบบใหม่น่าจะเริ่มดำเนินการได้ปลายปี 55 เนื้อที่ประมาณ60-70 ตารางวา ราคาจะปรับสูงขึ้น จะมีการเพิ่มรายละเอียดภายในตัวบ้าน เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่มาพักและใช้บริการ
ส่วนโครงการคอนโดฯที่จะเปิดตัวในปีนี้จะเป็นแบรนด์เดอะคิทท์คอนโดฯหรือคอนโดฯบีโอไอ ที่ลำลูกกาคลอง 2 ระดับราคาเริ่มต้น 6 แสนบาท เน้นกลุ่มลูกค้าโซนดังกล่าว ที่มีรายได้ประมาณ 10,000-20,000 ต่อเดือน
"เราเชื่อและมั่นใจคอนโดฯบีโอไอยังสามารถแข่งขันได้ เพราะคู่แข่งไม่มาก ทำแล้วขายได้เร็ว ความต้องการซื้อสูง"
อนึ่ง ทางบริษัทเสนาฯได้แจ้งผลประกอบการรอบปี 2555 บริษัทฯและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ เท่ากับ 418.20 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิร้อยละ 19.12 ของรายได้รวม ซึ่งมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 101.51 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ 32.05 จากปีก่อน เนื่องจากมีรายได้รวม2,187.24 ล้านบาท ซึ่งเกิดจากรายได้จากการขายที่อยู่อาศัยเท่ากับ 2,101.77 ล้านบาท แบ่งเป็นการรับรู้รายได้จากการขายโครงการแนวราบและโครงการแนวสูงเท่ากับ 491.15 ล้านบาท และ1,610.62 ล้านบาท
รายได้จากค่าเช่าและบริการ เท่ากับ 19.03 ล้านบาท รายได้ค่าตกแต่งเท่ากับ 25.74 ล้านบาทรายได้จากการขายที่ดินเท่ากับ 0.31 ล้านบาทและรายได้อื่นเท่ากับ 40.40 ล้านบาท รายได้จากการขายเพิ่มขึ้นจำนวน 873.14 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้นร้อยละ 71.07 จากปีก่อน ขณะเดียวกันรายได้อื่นลดลงจากปีก่อนเท่ากับ 71.61 ล้านบาท เนื่องจากปีก่อนมีการขายทรัพย์สินดำเนินงาน
ที่มา: หนังสือพิมพ์ ASTV ผู้จัดการรายวัน