ไนท์แฟรงค์ ชี้ความต้องการคอนโดฯในเมืองชะลอ-ผู้ประกอบการหันลงทุนแหล่งท่องเที่ยว

นางสาวริษิณี สาริกบุตร ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและประเมินมูลค่าทรัพย์สิน บริษัทไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึง ผลวิจัยคอนโดฯในกรุงเทพฯในปี 54 ว่า เริ่มเข้าสู่จุดอิ่มตัว

โดย ณ ปลายปี 54 อุปทาน (ซัพพลาย) คอนโดฯสะสมมีอยู่ราว 261,616 ยูนิต อุปทานใหม่ในปีที่แล้วลดลงในอัตราร้อยละ 39 เมื่อเทียบกับปี 2553 ณ ไตรมาสที่ 3 จำนวนอุปทานใหม่เพิ่มขึ้นต่ำสุด กล่าวคือ มีอุปทานใหม่เพียง2,417 ยูนิต ขณะที่อุปทานคอนโดฯในไตรมาส4 มีคอนโดฯเปิดขายใหม่ราว 7,876 ยูนิต โดยทั้งปี 54 มีอุปทานคอนโดฯ เปิดขายใหม่ทั้งสิ้น42,842 ยูนิต ส่วนใหญ่ต้องอยู่บริเวณรอบนอกของกรุงเทพฯ คิดเป็นอัตราส่วนร้อยละ 65 ของอุปทานที่เปิดขายใหม่ รองมาได้แก่บริเวณรอบนอกซีบีดี สัดส่วนร้อยละ 19 และบริเวณซีบีดีมีอุปทานใหม่ร้อยละ 16 

ด้านอุปสงค์(ดีมานด์) คอนโดฯในกรุงเทพฯเริ่มชะลอตัว โดยอุปสงค์คอนโดฯเฉพาะที่เปิดขายใหม่มีเพียง 20,560 หน่วย ลดลงในอัตราร้อยละ 65 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยปัจจัยที่ทำให้อุปสงค์ลดลงมีหลายปัจจัย กล่าวคือ อุปทานที่เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากตั้งแต่ปี 2553 ก่อให้เกิดภาวะการแข่งขันด้านราคา ลดแลกแจกแถม และปัจจัยด้านภัยธรรมชาติ ทำให้ในปัจจุบันบริษัทพัฒนาอสังหาฯหลายบริษัท ปรับกลยุทธ์ในการลงทุน เพื่อกระจายความเสี่ยง บางรายหันไปศึกษาการลงทุนพัฒนาในเมืองท่องเที่ยว เช่น พัทยา หัวหิน ระยอง ขอนแก่น โคราช เชียงใหม่ เชียงราย และอื่นๆ

นอกจากนี้ ผู้ประกอบการบางรายเริ่มมองประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อหาช่องทางในการลงทุนพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เช่น จีน พม่า ฯลฯ ตัวอย่างเช่น บริษัท เซ็นทรัล รีเทลฯ ได้ประกาศเข้าซื้อห้างลารีนาเซนเร ห้างสรรพสินค้าที่เก่าแก่และยิ่งใหญ่ในประเทศอิตาลี บริษัทศุภาลัยหันไปให้ความสนใจลงทุนธุรกิจค้าปลีกในหาดใหญ่ เป็นต้น

ที่มา: ฐานเศรษฐกิจ