พฤกษา หวั่นปัจจัยร่างผังเมืองใหม่เข้ม-น้ำท่วมซ้ำ ชะลอแผนลงทุน-ซื้อที่ดิน เปิดใหม่ปีนี้แค่ 49 โครงการ มูลค่า 2.3 หมื่นล้านบาท
นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากร่างผังเมืองรวมกรุงเทพมหานครฉบับใหม่ที่ออกมายังไม่มีความชัดเจน ทำให้ปีนี้บริษัทต้องชะลอแผนซื้อที่ดินโดยเฉพาะที่ดินในเมืองสำหรับการพัฒนาคอนโดมิเนียมไว้ก่อน รวมทั้งการซื้อที่ดินสำหรับการพัฒนาโครงการแนวราบด้วยเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ เพื่อรอดูความมั่นใจของผู้บริโภคก่อนว่ามีความมั่นใจบ้านแนวราบในแต่ละทำเลอย่างไร
พร้อมทั้งลดการพัฒนาโครงการปีนี้เปิดแค่ 49 โครงการ จากปีที่แล้ววางแผนเปิด 78 โครงการ เนื่องจากปัญหาน้ำท่วมที่ผ่านมา ทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ชะลอตัวลงอย่างมาก โดยมองว่าความต้องซื้อทาวน์เฮ้าส์และบ้านเดี่ยวยังไม่กลับมาในไตรมาสแรก สำหรับโครงการเปิดใหม่ทั้ง 49 โครงการ นั้น มีที่ดินพร้อมพัฒนาแล้ว 28 โครงการ และจะซื้อที่ดินเพิ่มอีก 21 โครงการ ใช้งบซื้อที่ดิน 5,000-10,000 ล้านบาท แบ่งออกเป็นทาวน์เฮ้าส์ 28 โครงการ บ้านเดี่ยวกว่า 15 โครงการ คอนโดมิเนียม 4 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 34,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ดี ในปีนี้ บริษัทยังมั่นใจว่า จะยังสามารถครองความเป็นเบอร์ 1 ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ได้ติดต่อเป็นปีที่ 4 เนื่องจากมียอดขายรอรับรู้รายได้ (แบ็คล็อก) ปีนี้มากถึง 19,510 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นผู้มีแบ็คล็อกปีนี้มากที่สุดในตลาด ทิ้งห่างเบอร์ 2 ที่มีแบ็คล็อกรับรู้ปีนี้ประมาณ 15,000 ล้านบาท โดยแม้ปีนี้จะเกิดปัญหาน้ำท่วมใหญ่ซ้ำอีกรอบ ก็ยังเชื่อว่าจะครองตำแหน่งเบอร์ 1 ไว้ได้
ทั้งนี้ ปัจจัยที่น่ากังวลสำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้ นอกจากน้ำท่วม ยังมีเรื่องผังเมืองฉบับใหม่ที่ออกมา มีการกำหนดเพิ่มขนาดความกว้างถนนในการก่อสร้างอาคารขนาดใหญ่พิเศษ (10,000 ตร.ม.ขึ้นไป) จากเดิมที่กำหนดไว้เพียง 10 เมตรเป็น 16 เมตร ทำให้ทำเลศักยภาพหลายพื้นที่ที่เดิมใช้ขึ้นอาคารขนาดใหญ่พิเศษไม่สามารถทำได้ อาทิเช่น สุขุมวิท ลาดพร้าว เมื่อไปไล่ดูตามซอยต่างๆ แทบไม่พบซอยที่มีความกว้างถนนถึงเกณฑ์ที่สามารถก่อสร้างได้เลย
"ในมุมมองของตนมองว่า การกำหนดผังเมืองในลักษณะดังกล่าว ไม่ได้คำนึงถึงสภาพความเป็นจริงของพื้นที่ ไม่คำนึงถึงสาธารณูปโภคในพื้นที่ที่ต้องการให้ขยายตัว โดยพฤกษาได้ยื่นหนังสือผ่านไปทางสมาคมอาคารชุดไทย เพื่อให้สมาคมเป็นตัวแทนในการชี้แจงไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิเช่น กทม. กระทรวงมหาดไทย แล้ว โดยเสนอให้ใช้เกณฑ์ความกว้างถนนตามเกณฑ์ผังเมืองรวมฉบับเดิม ทั้งในส่วนของอาคารขนาดใหญ่ให้คงไว้ที่ 6 เมตร และขนาดใหญ่พิเศษให้คงไว้ที่ 10 เมตร" นายประเสริฐกล่าว
ยังไม่เห็นสัญญาณการฟื้นตัวนายประเสริฐ กล่าวว่า ช่วง 1 เดือนครึ่งของปีนี้ยังไม่เห็นสัญญาณการฟื้นตัวของธุรกิจและกำลังซื้อมากนัก เมื่อเทียบกับยอดขายช่วงเดียวกันกับปีที่แล้ว ทั้งนี้ วัดจากยอดการขายโครงการเปิดอยู่ 141 โครงการในทุกทำเล โดยคาดว่าตลาดยังคงช็อกจากปัญหาน้ำท่วมเมื่อปลายปีที่แล้วอยู่พอสมควร ประกอบกับอาจต้องใช้งบเพื่อการซ่อมแซมที่อยู่อาศัยเดิม
สำหรับภาพรวมของธุรกิจอสังหาฯ ในปีนี้ เชื่อว่าผู้ประกอบการจะเน้นพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมเป็นหลักในช่วงครึ่งปีแรก เนื่องจากผู้ประกอบการส่วนใหญ่ยังไม่มั่นใจเรื่องทำเลที่เหมาะสมสำหรับทำตลาดแนวราบ และความมั่นใจของผู้บริโภคด้วย อีกทั้งหลายบริษัทก็เลื่อนเปิดโครงการคอนโดมิเนียมจากปีที่แล้วมาปีนี้ ดังจะเห็นได้ว่าเพียงแค่ช่วงเดือนครึ่งมีการเปิดโครงการคอนโดมิเนียมไปแล้วมาก 17-18 โครงการ
“เชื่อว่าผู้ประกอบการจะไม่ทำคอนโดมิเนียมกันทั้งปี เพราะการพัฒนาคอนโดมิเนียมนั้นต้องใช้เวลาในก่อสร้าง 2 ปี ไม่ได้รับรู้รายได้ทันทีเหมือนบ้านแนวราบ หากผู้ประกอบการเน้นทำแต่คอนโดมิเนียมจะส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนในช่วง 1-2 ปีข้างหน้าสูง กระทบต่อความมั่นคงทางการเงินของบริษัท ครึ่งปีหลังจึงน่าจะเห็นผู้ประกอบการส่วนใหญ่กลับมาทำตลาดแนวราบเหมือนเดิม
อย่างไรก็ดี เชื่อว่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้ จะทรงตัวเท่ากับปีที่แล้ว แต่แง่ความมั่นใจของผู้บริโภคมีมากขึ้น จากการบริหารจัดการน้ำที่เริ่มเป็นรูปธรรม อาทิเช่น มีการทยอยปล่อยน้ำในเขื่อนออกมาเป็นระยะ ทำให้เชื่อได้ว่าน่าจะไม่เกิดปัญหาน้ำท่วมใหญ่เช่นเดียวกับปีที่แล้วปี 54 ปิดยอด 2.3 หมื่นล้าน
ส่วนผลประกอบการในปี 2554 มีรายได้ 23,422 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2553 ซึ่งมีรายได้ 23,280 ล้านบาท ทั้งนี้ แม้ว่าทำรายได้เติบโตไม่ถึง 32,000 ล้านบาทตามเป้าหมาย แต่ก็เห็นสัญญาณชัดว่า การทยอยปรับพอร์ตธุรกิจกระจายทำเล และประเภทธุรกิจ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ช่วยให้พฤกษาสามารถรักษายอดรายได้จนไม่ติดลบจากปัญหาน้ำท่วมได้ และสามารถครองความเป็นเบอร์ 1 ของธุรกิจอสังหาฯ ติดต่อกันเป็นปีที่ 3 สำหรับกำไรสุทธินั้น อยู่ที่ 2,835 ล้านบาท หรืออยู่ที่ 12% ลดลงจากปีที่ผ่านมาเล็กน้อย ซึ่งมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 15%
ที่มา: กรุงเทพธุรกิจ
นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากร่างผังเมืองรวมกรุงเทพมหานครฉบับใหม่ที่ออกมายังไม่มีความชัดเจน ทำให้ปีนี้บริษัทต้องชะลอแผนซื้อที่ดินโดยเฉพาะที่ดินในเมืองสำหรับการพัฒนาคอนโดมิเนียมไว้ก่อน รวมทั้งการซื้อที่ดินสำหรับการพัฒนาโครงการแนวราบด้วยเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ เพื่อรอดูความมั่นใจของผู้บริโภคก่อนว่ามีความมั่นใจบ้านแนวราบในแต่ละทำเลอย่างไร
พร้อมทั้งลดการพัฒนาโครงการปีนี้เปิดแค่ 49 โครงการ จากปีที่แล้ววางแผนเปิด 78 โครงการ เนื่องจากปัญหาน้ำท่วมที่ผ่านมา ทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ชะลอตัวลงอย่างมาก โดยมองว่าความต้องซื้อทาวน์เฮ้าส์และบ้านเดี่ยวยังไม่กลับมาในไตรมาสแรก สำหรับโครงการเปิดใหม่ทั้ง 49 โครงการ นั้น มีที่ดินพร้อมพัฒนาแล้ว 28 โครงการ และจะซื้อที่ดินเพิ่มอีก 21 โครงการ ใช้งบซื้อที่ดิน 5,000-10,000 ล้านบาท แบ่งออกเป็นทาวน์เฮ้าส์ 28 โครงการ บ้านเดี่ยวกว่า 15 โครงการ คอนโดมิเนียม 4 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 34,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ดี ในปีนี้ บริษัทยังมั่นใจว่า จะยังสามารถครองความเป็นเบอร์ 1 ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ได้ติดต่อเป็นปีที่ 4 เนื่องจากมียอดขายรอรับรู้รายได้ (แบ็คล็อก) ปีนี้มากถึง 19,510 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นผู้มีแบ็คล็อกปีนี้มากที่สุดในตลาด ทิ้งห่างเบอร์ 2 ที่มีแบ็คล็อกรับรู้ปีนี้ประมาณ 15,000 ล้านบาท โดยแม้ปีนี้จะเกิดปัญหาน้ำท่วมใหญ่ซ้ำอีกรอบ ก็ยังเชื่อว่าจะครองตำแหน่งเบอร์ 1 ไว้ได้
ทั้งนี้ ปัจจัยที่น่ากังวลสำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้ นอกจากน้ำท่วม ยังมีเรื่องผังเมืองฉบับใหม่ที่ออกมา มีการกำหนดเพิ่มขนาดความกว้างถนนในการก่อสร้างอาคารขนาดใหญ่พิเศษ (10,000 ตร.ม.ขึ้นไป) จากเดิมที่กำหนดไว้เพียง 10 เมตรเป็น 16 เมตร ทำให้ทำเลศักยภาพหลายพื้นที่ที่เดิมใช้ขึ้นอาคารขนาดใหญ่พิเศษไม่สามารถทำได้ อาทิเช่น สุขุมวิท ลาดพร้าว เมื่อไปไล่ดูตามซอยต่างๆ แทบไม่พบซอยที่มีความกว้างถนนถึงเกณฑ์ที่สามารถก่อสร้างได้เลย
"ในมุมมองของตนมองว่า การกำหนดผังเมืองในลักษณะดังกล่าว ไม่ได้คำนึงถึงสภาพความเป็นจริงของพื้นที่ ไม่คำนึงถึงสาธารณูปโภคในพื้นที่ที่ต้องการให้ขยายตัว โดยพฤกษาได้ยื่นหนังสือผ่านไปทางสมาคมอาคารชุดไทย เพื่อให้สมาคมเป็นตัวแทนในการชี้แจงไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิเช่น กทม. กระทรวงมหาดไทย แล้ว โดยเสนอให้ใช้เกณฑ์ความกว้างถนนตามเกณฑ์ผังเมืองรวมฉบับเดิม ทั้งในส่วนของอาคารขนาดใหญ่ให้คงไว้ที่ 6 เมตร และขนาดใหญ่พิเศษให้คงไว้ที่ 10 เมตร" นายประเสริฐกล่าว
ยังไม่เห็นสัญญาณการฟื้นตัวนายประเสริฐ กล่าวว่า ช่วง 1 เดือนครึ่งของปีนี้ยังไม่เห็นสัญญาณการฟื้นตัวของธุรกิจและกำลังซื้อมากนัก เมื่อเทียบกับยอดขายช่วงเดียวกันกับปีที่แล้ว ทั้งนี้ วัดจากยอดการขายโครงการเปิดอยู่ 141 โครงการในทุกทำเล โดยคาดว่าตลาดยังคงช็อกจากปัญหาน้ำท่วมเมื่อปลายปีที่แล้วอยู่พอสมควร ประกอบกับอาจต้องใช้งบเพื่อการซ่อมแซมที่อยู่อาศัยเดิม
สำหรับภาพรวมของธุรกิจอสังหาฯ ในปีนี้ เชื่อว่าผู้ประกอบการจะเน้นพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมเป็นหลักในช่วงครึ่งปีแรก เนื่องจากผู้ประกอบการส่วนใหญ่ยังไม่มั่นใจเรื่องทำเลที่เหมาะสมสำหรับทำตลาดแนวราบ และความมั่นใจของผู้บริโภคด้วย อีกทั้งหลายบริษัทก็เลื่อนเปิดโครงการคอนโดมิเนียมจากปีที่แล้วมาปีนี้ ดังจะเห็นได้ว่าเพียงแค่ช่วงเดือนครึ่งมีการเปิดโครงการคอนโดมิเนียมไปแล้วมาก 17-18 โครงการ
“เชื่อว่าผู้ประกอบการจะไม่ทำคอนโดมิเนียมกันทั้งปี เพราะการพัฒนาคอนโดมิเนียมนั้นต้องใช้เวลาในก่อสร้าง 2 ปี ไม่ได้รับรู้รายได้ทันทีเหมือนบ้านแนวราบ หากผู้ประกอบการเน้นทำแต่คอนโดมิเนียมจะส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนในช่วง 1-2 ปีข้างหน้าสูง กระทบต่อความมั่นคงทางการเงินของบริษัท ครึ่งปีหลังจึงน่าจะเห็นผู้ประกอบการส่วนใหญ่กลับมาทำตลาดแนวราบเหมือนเดิม
อย่างไรก็ดี เชื่อว่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้ จะทรงตัวเท่ากับปีที่แล้ว แต่แง่ความมั่นใจของผู้บริโภคมีมากขึ้น จากการบริหารจัดการน้ำที่เริ่มเป็นรูปธรรม อาทิเช่น มีการทยอยปล่อยน้ำในเขื่อนออกมาเป็นระยะ ทำให้เชื่อได้ว่าน่าจะไม่เกิดปัญหาน้ำท่วมใหญ่เช่นเดียวกับปีที่แล้วปี 54 ปิดยอด 2.3 หมื่นล้าน
ส่วนผลประกอบการในปี 2554 มีรายได้ 23,422 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2553 ซึ่งมีรายได้ 23,280 ล้านบาท ทั้งนี้ แม้ว่าทำรายได้เติบโตไม่ถึง 32,000 ล้านบาทตามเป้าหมาย แต่ก็เห็นสัญญาณชัดว่า การทยอยปรับพอร์ตธุรกิจกระจายทำเล และประเภทธุรกิจ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ช่วยให้พฤกษาสามารถรักษายอดรายได้จนไม่ติดลบจากปัญหาน้ำท่วมได้ และสามารถครองความเป็นเบอร์ 1 ของธุรกิจอสังหาฯ ติดต่อกันเป็นปีที่ 3 สำหรับกำไรสุทธินั้น อยู่ที่ 2,835 ล้านบาท หรืออยู่ที่ 12% ลดลงจากปีที่ผ่านมาเล็กน้อย ซึ่งมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 15%
ที่มา: กรุงเทพธุรกิจ