ดีแพลนส์ เครือซีพี หวังลงทุนอสังหาในจีน อีก 3-5 ปีข้างหน้า หลังรับบริหารโครงการ มานาน 10 ปี
น.ส. วดี กฤปานันท์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ดีแพลนส์ (เซี่ยงไฮ้) คอนซัลติ้ง ในกลุ่มบริษัทดีที ผู้บริหารงานก่อสร้างโครงการอสังหาริมทรัพย์ และบริษัทที่ปรึกษาด้านการออกแบบ ในประเทศจีน เครือซีพี เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่บริษัทได้เข้าไปดำเนินธุรกิจในประเทศจีนในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาและยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยใน 3-5 ปีข้างหน้ามีแผนลงทุนทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เองทั้งหมด จากเดิมจะรับบริหารงานให้แก่บริษัทต่างๆ รวมแล้วไม่ต่ำกว่า 200 โครงการ
สำหรับโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่จะเข้าไปลงทุนเองนั้น คาดว่าจะใช้เงินลงทุนเบื้องต้นไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท แต่จากกฎหมายอสังหาริมทรัพย์ในประเทศจีนมีข้อจำกัดในหลายด้าน เช่น ไม่สามารถนำเงินลงทุนต่างชาติเข้าไปลงทุนในจีนได้โดยตรง ประกอบกับรูปแบบการลงทุนรัฐบาลจีนไม่เน้นให้ลงทุนธุรกิจอสังหาฯ ที่เป็นโครงการที่อยู่อาศัยอย่างเดียว แต่จะเน้นจะให้การสนับสนุนที่เน้นโครงการมิกซ์ยูส หรือโครงการที่รวมศูนย์การค้า โรงแรม และอาคารสำนักงาน เพราะเป็นโครงการระยะยาวให้ผลตอบแทนสูง
“การขออนุญาตดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในจีนถือว่ามีความซับซ้อนมาก ทำให้เราต้องศึกษาทุกเรื่อง เพราะกฎหมายไม่เหมือนกับบ้านเรา อย่างบ้านเราถ้ามีที่ดิน 1 แปลง อยากจะสร้างบ้าน 1 หลังทำแบบไหนก็ทำได้ แต่ในประเทศจีนทำไม่ได้ เพราะแบบบ้านต้องไปคุยกับภาครัฐก่อน ซึ่งภาครัฐจะเป็นคนกำหนดให้เราทำตาม”น.ส. วดีกล่าว
อย่างไรก็ตามในปีนี้บริษัทได้เข้าไปบริหารโครงการอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ในประเทศจีนรวม 5 โครงการ มูลค่าประมาณ 1 แสนล้านบาท รวม 5 เมือง ได้แก่ เมืองปักกิ่ง โครงการแบบผสม (มิกซ์ยูส) ออฟฟิศ โรงแรม และศูนย์การค้า มูลค่า 4 หมื่นล้านบาท, เมืองกวางเจา ศูนย์การค้า มูลค่า 5,000 ล้านบาท, เมืองลั่วหยาง โครงการมิกซ์ยูส มูลค่า 3 หมื่นล้านบาท, เมืองจี้โม่ โครงการศูนย์การค้า มูลค่า 6,500 ล้านบาท และเมือง ฉือซี ศูนย์การค้า มูลค่า 3.4 หมื่นล้านบาท โดยส่วนใหญ่โครงการที่บริหารจะเป็นเครือ ซีพี 60-70% ส่วนที่เหลือเป็นกลุ่มเอกชนรายอื่น
ส่วนแผนธุรกิจในปี 55 นั้นจะเข้าไปบริหารโครงการอสังหาริมทรัพย์แห่งใหม่อีก 3-5 โครงการ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการประเมินว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ในประเทศจีนยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมากในอนาคตตามการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศจีนที่ขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง ซึ่งหลังจากที่บริษัทขยายธุรกิจในจีนอย่างต่อเนื่องคาดว่าสิ้นปีนี้จะรายได้อยู่ที่ 200 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีรายได้รวม 100 ล้านบาท และในปี 55 คาดว่าจะมีรายได้ไม่ต่เกว่า 400 ล้านบาท เพราะมีโครงการใหม่ที่ได้รับบริหารงานอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้โอกาสที่เอกชนไทยจะเข้าไปขยายธุรกิจในจีนยังมีสูงอยู่ โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการออกแบบงานโครงการต่างๆ เพราะจุดแข็งของไทยด้านการออกแบบที่มีความโดดเด่นและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวสูงมาก จึงเห็นว่า กลุ่มนักออกแบบของไทยสามารถขยายธุรกิจไปในประเทศจีนได้มากในอนาคต
ข่าวจากโพสทูเดย์ 4 ตุลาคม 2554
น.ส. วดี กฤปานันท์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ดีแพลนส์ (เซี่ยงไฮ้) คอนซัลติ้ง ในกลุ่มบริษัทดีที ผู้บริหารงานก่อสร้างโครงการอสังหาริมทรัพย์ และบริษัทที่ปรึกษาด้านการออกแบบ ในประเทศจีน เครือซีพี เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่บริษัทได้เข้าไปดำเนินธุรกิจในประเทศจีนในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาและยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยใน 3-5 ปีข้างหน้ามีแผนลงทุนทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เองทั้งหมด จากเดิมจะรับบริหารงานให้แก่บริษัทต่างๆ รวมแล้วไม่ต่ำกว่า 200 โครงการ
สำหรับโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่จะเข้าไปลงทุนเองนั้น คาดว่าจะใช้เงินลงทุนเบื้องต้นไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท แต่จากกฎหมายอสังหาริมทรัพย์ในประเทศจีนมีข้อจำกัดในหลายด้าน เช่น ไม่สามารถนำเงินลงทุนต่างชาติเข้าไปลงทุนในจีนได้โดยตรง ประกอบกับรูปแบบการลงทุนรัฐบาลจีนไม่เน้นให้ลงทุนธุรกิจอสังหาฯ ที่เป็นโครงการที่อยู่อาศัยอย่างเดียว แต่จะเน้นจะให้การสนับสนุนที่เน้นโครงการมิกซ์ยูส หรือโครงการที่รวมศูนย์การค้า โรงแรม และอาคารสำนักงาน เพราะเป็นโครงการระยะยาวให้ผลตอบแทนสูง
“การขออนุญาตดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในจีนถือว่ามีความซับซ้อนมาก ทำให้เราต้องศึกษาทุกเรื่อง เพราะกฎหมายไม่เหมือนกับบ้านเรา อย่างบ้านเราถ้ามีที่ดิน 1 แปลง อยากจะสร้างบ้าน 1 หลังทำแบบไหนก็ทำได้ แต่ในประเทศจีนทำไม่ได้ เพราะแบบบ้านต้องไปคุยกับภาครัฐก่อน ซึ่งภาครัฐจะเป็นคนกำหนดให้เราทำตาม”น.ส. วดีกล่าว
อย่างไรก็ตามในปีนี้บริษัทได้เข้าไปบริหารโครงการอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ในประเทศจีนรวม 5 โครงการ มูลค่าประมาณ 1 แสนล้านบาท รวม 5 เมือง ได้แก่ เมืองปักกิ่ง โครงการแบบผสม (มิกซ์ยูส) ออฟฟิศ โรงแรม และศูนย์การค้า มูลค่า 4 หมื่นล้านบาท, เมืองกวางเจา ศูนย์การค้า มูลค่า 5,000 ล้านบาท, เมืองลั่วหยาง โครงการมิกซ์ยูส มูลค่า 3 หมื่นล้านบาท, เมืองจี้โม่ โครงการศูนย์การค้า มูลค่า 6,500 ล้านบาท และเมือง ฉือซี ศูนย์การค้า มูลค่า 3.4 หมื่นล้านบาท โดยส่วนใหญ่โครงการที่บริหารจะเป็นเครือ ซีพี 60-70% ส่วนที่เหลือเป็นกลุ่มเอกชนรายอื่น
ส่วนแผนธุรกิจในปี 55 นั้นจะเข้าไปบริหารโครงการอสังหาริมทรัพย์แห่งใหม่อีก 3-5 โครงการ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการประเมินว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ในประเทศจีนยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมากในอนาคตตามการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศจีนที่ขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง ซึ่งหลังจากที่บริษัทขยายธุรกิจในจีนอย่างต่อเนื่องคาดว่าสิ้นปีนี้จะรายได้อยู่ที่ 200 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีรายได้รวม 100 ล้านบาท และในปี 55 คาดว่าจะมีรายได้ไม่ต่เกว่า 400 ล้านบาท เพราะมีโครงการใหม่ที่ได้รับบริหารงานอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้โอกาสที่เอกชนไทยจะเข้าไปขยายธุรกิจในจีนยังมีสูงอยู่ โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการออกแบบงานโครงการต่างๆ เพราะจุดแข็งของไทยด้านการออกแบบที่มีความโดดเด่นและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวสูงมาก จึงเห็นว่า กลุ่มนักออกแบบของไทยสามารถขยายธุรกิจไปในประเทศจีนได้มากในอนาคต
ข่าวจากโพสทูเดย์ 4 ตุลาคม 2554