ภาวะน้ำท่วม ยังคงเป็นวิกฤตใหญ่ที่ต้องจับตามอง โดยในส่วนของผลกระทบที่มีต่อภาคอสังหาริมทรัพย์ขยายวงกว้าง จากการที่หลายโครงการจัดสรรถูกน้ำกลืนแบบยกโครงการ ยิ่งน้ำเริ่มเคลื่อนเข้าหลายพื้นที่รอบกรุง ซึ่งเป็นตลาดหลักใกล้เมืองกรุง คนยิ่งตื่นตระหนกในการเร่งหาทางป้องกัน ส่งผลให้สถานการณ์วัสดุก่อสร้างไม่เพียงแต่ราคาปรับขึ้นมาก แต่บางรายการยังขาดแคลนอย่างหนัก เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องชะลอการก่อสร้างโดยปริยาย
อิสระ บุญยัง นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร กล่าวว่า งานก่อสร้างโครงการที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยง คงต้องชะลอการก่อสร้างโดยปริยาย เพราะนอกจากจะต้องเร่งทำปราการป้องกันไม่ให้น้ำเข้าพื้นที่โครงการต่างๆ แล้ว วัสดุก่อสร้างเกือบ 10 รายการเริ่มขาดแคลน เช่น อิฐบล็อก อิฐมอญเบา หิน ทราย คอนกรีตผสมเสร็จ เป็นต้น ซึ่งวัตถุดิบดังกล่าวทำให้หล่อเสาเข็มไม่ได้ ถมดินไม่สะดวก ส่วนบางรายการ โรงงานไม่ได้หยุดผลิต แต่ติดปัญหาด้านการขนส่ง เช่น ประตู ปูนซีเมนต์ถุง
ปัจจัยดังกล่าว จึงเชื่อว่าหลังน้ำท่วมแล้วจะปรับตัวดีขึ้น แต่เชื่อว่าความต้องการใช้วัสดุก่อสร้างหลังน้ำลดจะสูงขึ้น ซึ่งคงต้องรอให้เหตุการณ์เริ่มนิ่ง จึงจะพอประเมินความเสียหายได้ โดยเมื่อน้ำลดลงแล้ว แน่นอนว่าความต้องการวัสดุก่อสร้างต้องสูงขึ้น ราคามีโอกาสที่จะปรับขึ้น ซึ่งภาครัฐควรเข้ามาดูแลราคาไม่ให้สูงเกินควร
จัดสรรรอบกรุงลุ้นระทึก
กิตติพล ปราโมช ณ อยุธยา นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย และกรรมการผู้จัดการ บริษัท สัมมากร กล่าวว่า สถานการณ์เวลานี้ พื้นที่รอบนอกกรุงเทพฯ ทั้งฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตกมี ความเสี่ยงสูงมาก ในส่วนของบริษัทเองเน้นการ เฝ้าระวังโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง และโครงการที่มีผู้อยู่อาศัยแล้วที่ยังไม่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม โดยขณะนี้ยังไม่ได้มีการปรับแผน การลงทุนใดๆ รวมถึงแผนที่จะปรับแนวการ ขายจากบ้านสั่งสร้าง เป็นบ้านสร้างเสร็จก่อนขาย ในปีหน้า ซึ่งจะทำให้ต้องเร่งสร้างในปีนี้ ยังคงยืนยันที่จะเดินหน้าการขายด้วยกลยุทธ์บ้านพร้อมอยู่ เช่นเดิม
ชะลอโอนขอดูทำเลเสี่ยงต่ำน้ำท่วม
สำหรับบรรยากาศการซื้อขายเวลานี้ เกือบ ทุกโครงการบ้านแนวราบล้วนเจอกับภาวะที่ลูกค้าส่วนใหญ่ รอให้น้ำลดจึงจะตัดสินใจจอง ซึ่งนอกจากเหตุผลเรื่องอารมณ์ในการจับจ่ายใช้สอยแล้ว ยังเป็นเรื่องที่ลูกค้าส่วนใหญ่ต้องการรอดูว่าโครงการที่สนใจจะซื้อนั้นเสี่ยงน้ำท่วมหรือไม่ ท่วมมาก หรือท่วมน้อย หากเป็นไปได้ จะเลือกทำเลที่เสี่ยงกับน้ำท่วมน้อยที่สุด ซึ่งส่งผลให้ยอดขายเดือน ต.ค.ลดลงมาก จนอาจกล่าวได้ว่าแทบไม่มียอดขายเลย
ด้านคอนโดมิเนียมที่เป็นอาคารสูง (High Rise) ได้รับความสนใจมากขึ้น แต่ลูกค้าบางส่วนจะยังไม่รีบตัดสินใจ เพราะต้องการรอดูว่าพื้นที่ใกล้เคียงกับคอนโดมิเนียมที่สนใจจะท่วมหรือไม่ และท่วมมากน้อยแค่ไหน อยู่ในระดับที่รับได้แค่ไหน ส่วนลูกค้าที่ซื้อแล้วรอโอน ก็แจ้งกับพนักงานขายว่า ขอชะลอโอนบ้านชั่วคราวเช่นกัน ซึ่งคาดว่าจะกระทบต่อภาพรวมตลาดยาวไปถึงปลายไตรมาสแรก ซึ่งจากวิกฤตน้ำท่วม
หวั่นทิ้งดาวน์บ้านหันเข้าเมือง
มานพ พงศทัต อาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า สิ่งที่จะเห็นหลังจากนี้ คือผู้ที่ซื้อบ้าน ในโครงการจัดสรรในย่านที่ได้รับผลกระทบจาก น้ำท่วม อาทิ บริเวณบางบัวทอง บางใหญ่ นนทบุรี สายไหม ปทุมธานี คือจะมีการทิ้งเงินดาวน์มากขึ้นในกลุ่มบ้านใหม่
ขณะเดียวกันจะมีการขอยืดหนี้เพื่อผ่อนชำระออกกับสถาบันการเงินออกไป เนื่องจากได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมอาจได้รับผลกระทบทางธุรกิจ จนไม่สามารถผ่อนชำระบ้านได้ต่อ และบางส่วนต้องการย้ายออกจากทำเลดังกล่าว และหันมาพิจารณาเลือกซื้อโครงการคอนโดมิเนียมในเมืองมากขึ้น เนื่องจากไม่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม พร้อมกันนี้คาดว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ประเภทโครงการจัดสรรประเภทแนวราบอาจจะซบเซายาว 1 ปี เพราะผู้บริโภคชะลอซื้อเนื่องจากเศรษฐกิจ ซบเซา
ขณะเดียวกันวัสดุก่อสร้างโดยเฉพาะวัสดุประเภทอิฐแดง อิฐมวลเบา หิน ทราย ปูนซีเมนต์นั้นขาดแคลนอย่างมาก เนื่องจากความต้องการ ใช้โดยเฉพาะในเขตภาคกลางและภาคเหนือ ตอนล่างนั้นจะมีสูงมาก เพื่อนำมาใช้ปรับปรุงและซ่อมบ้านเรือน ผนวกกับแรงงานภาคก่อสร้างก็จะขาดแคลนเช่นกัน เนื่องจากแรงงานบางส่วนต้องกลับไปช่วยฟื้นฟูบ้านเรือนและต้องอาศัย แรงงานต่างด้าว
“หลังจากน้ำลดวัสดุก่อสร้างหลักๆ นั้น ความต้องการใช้จะมีสูงมาก ขณะที่ราคาวัสดุนั้นจะปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากความต้องการใช้งานที่เพิ่มขึ้น แต่ก็เชื่อว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะเป็นปัญหาในระยะสั้น เชื่อว่ารัฐบาลและผู้ประกอบการรายใหญ่จะเข้ามาช่วยดูแลไม่ให้สินค้ามีราคาแพงเกินไปจนเป็นภาระกลับผู้บริโภค” มานพ กล่าว
ด้านชัยรัตน์ โกวิทจินดาชัย ผู้อำนวยการฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท ปริญสิริ กล่าวว่า จะมีผู้ที่ซื้อบ้านไปแล้วและได้รับผลกระทบบางส่วน จะมีการทิ้งเงินดาวน์หากมีการผ่อนชำระเงินงวดไม่มาก และบางส่วนอาจจะต้องมีการเจรจากับผู้ประกอบการเพื่อขอย้ายทำเล ไปผ่อนต่อโครงการในทำเลอื่น ที่ผู้ประกอบการรายนั้นพัฒนาอยู่เนื่องจากโครงการที่ซื้อไปก่อนหน้านั้นประสบกับภาวะน้ำท่วมใหญ่
“เชื่อว่าผู้บริโภคบางส่วน จะไม่ต้องการอยู่บ้านในทำเลที่เสี่ยงกับภาวะน้ำท่วมอีกต่อไป ทำให้มาเลือกซื้อที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียมในเมืองมากขึ้น จะทำให้ตลาดคอนโดมิเนียมกลับมาคึกคักอีกครั้ง อย่างไรก็ตามแผนการพัฒนาโครงการของบริษัทยังไม่ได้มีการปรับเปลี่ยนเพื่อหันไปพัฒนาโครงการแนวสูงมากขึ้น โดยจะต้องพิจารณาในหลายปัจจัย” ชัยรัตน์ กล่าว
ข่าวจากโพสทูเดย์ 9 พฤศจิกายน 2554
อิสระ บุญยัง นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร กล่าวว่า งานก่อสร้างโครงการที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยง คงต้องชะลอการก่อสร้างโดยปริยาย เพราะนอกจากจะต้องเร่งทำปราการป้องกันไม่ให้น้ำเข้าพื้นที่โครงการต่างๆ แล้ว วัสดุก่อสร้างเกือบ 10 รายการเริ่มขาดแคลน เช่น อิฐบล็อก อิฐมอญเบา หิน ทราย คอนกรีตผสมเสร็จ เป็นต้น ซึ่งวัตถุดิบดังกล่าวทำให้หล่อเสาเข็มไม่ได้ ถมดินไม่สะดวก ส่วนบางรายการ โรงงานไม่ได้หยุดผลิต แต่ติดปัญหาด้านการขนส่ง เช่น ประตู ปูนซีเมนต์ถุง
ปัจจัยดังกล่าว จึงเชื่อว่าหลังน้ำท่วมแล้วจะปรับตัวดีขึ้น แต่เชื่อว่าความต้องการใช้วัสดุก่อสร้างหลังน้ำลดจะสูงขึ้น ซึ่งคงต้องรอให้เหตุการณ์เริ่มนิ่ง จึงจะพอประเมินความเสียหายได้ โดยเมื่อน้ำลดลงแล้ว แน่นอนว่าความต้องการวัสดุก่อสร้างต้องสูงขึ้น ราคามีโอกาสที่จะปรับขึ้น ซึ่งภาครัฐควรเข้ามาดูแลราคาไม่ให้สูงเกินควร
จัดสรรรอบกรุงลุ้นระทึก
กิตติพล ปราโมช ณ อยุธยา นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย และกรรมการผู้จัดการ บริษัท สัมมากร กล่าวว่า สถานการณ์เวลานี้ พื้นที่รอบนอกกรุงเทพฯ ทั้งฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตกมี ความเสี่ยงสูงมาก ในส่วนของบริษัทเองเน้นการ เฝ้าระวังโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง และโครงการที่มีผู้อยู่อาศัยแล้วที่ยังไม่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม โดยขณะนี้ยังไม่ได้มีการปรับแผน การลงทุนใดๆ รวมถึงแผนที่จะปรับแนวการ ขายจากบ้านสั่งสร้าง เป็นบ้านสร้างเสร็จก่อนขาย ในปีหน้า ซึ่งจะทำให้ต้องเร่งสร้างในปีนี้ ยังคงยืนยันที่จะเดินหน้าการขายด้วยกลยุทธ์บ้านพร้อมอยู่ เช่นเดิม
ชะลอโอนขอดูทำเลเสี่ยงต่ำน้ำท่วม
สำหรับบรรยากาศการซื้อขายเวลานี้ เกือบ ทุกโครงการบ้านแนวราบล้วนเจอกับภาวะที่ลูกค้าส่วนใหญ่ รอให้น้ำลดจึงจะตัดสินใจจอง ซึ่งนอกจากเหตุผลเรื่องอารมณ์ในการจับจ่ายใช้สอยแล้ว ยังเป็นเรื่องที่ลูกค้าส่วนใหญ่ต้องการรอดูว่าโครงการที่สนใจจะซื้อนั้นเสี่ยงน้ำท่วมหรือไม่ ท่วมมาก หรือท่วมน้อย หากเป็นไปได้ จะเลือกทำเลที่เสี่ยงกับน้ำท่วมน้อยที่สุด ซึ่งส่งผลให้ยอดขายเดือน ต.ค.ลดลงมาก จนอาจกล่าวได้ว่าแทบไม่มียอดขายเลย
ด้านคอนโดมิเนียมที่เป็นอาคารสูง (High Rise) ได้รับความสนใจมากขึ้น แต่ลูกค้าบางส่วนจะยังไม่รีบตัดสินใจ เพราะต้องการรอดูว่าพื้นที่ใกล้เคียงกับคอนโดมิเนียมที่สนใจจะท่วมหรือไม่ และท่วมมากน้อยแค่ไหน อยู่ในระดับที่รับได้แค่ไหน ส่วนลูกค้าที่ซื้อแล้วรอโอน ก็แจ้งกับพนักงานขายว่า ขอชะลอโอนบ้านชั่วคราวเช่นกัน ซึ่งคาดว่าจะกระทบต่อภาพรวมตลาดยาวไปถึงปลายไตรมาสแรก ซึ่งจากวิกฤตน้ำท่วม
หวั่นทิ้งดาวน์บ้านหันเข้าเมือง
มานพ พงศทัต อาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า สิ่งที่จะเห็นหลังจากนี้ คือผู้ที่ซื้อบ้าน ในโครงการจัดสรรในย่านที่ได้รับผลกระทบจาก น้ำท่วม อาทิ บริเวณบางบัวทอง บางใหญ่ นนทบุรี สายไหม ปทุมธานี คือจะมีการทิ้งเงินดาวน์มากขึ้นในกลุ่มบ้านใหม่
ขณะเดียวกันจะมีการขอยืดหนี้เพื่อผ่อนชำระออกกับสถาบันการเงินออกไป เนื่องจากได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมอาจได้รับผลกระทบทางธุรกิจ จนไม่สามารถผ่อนชำระบ้านได้ต่อ และบางส่วนต้องการย้ายออกจากทำเลดังกล่าว และหันมาพิจารณาเลือกซื้อโครงการคอนโดมิเนียมในเมืองมากขึ้น เนื่องจากไม่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม พร้อมกันนี้คาดว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ประเภทโครงการจัดสรรประเภทแนวราบอาจจะซบเซายาว 1 ปี เพราะผู้บริโภคชะลอซื้อเนื่องจากเศรษฐกิจ ซบเซา
ขณะเดียวกันวัสดุก่อสร้างโดยเฉพาะวัสดุประเภทอิฐแดง อิฐมวลเบา หิน ทราย ปูนซีเมนต์นั้นขาดแคลนอย่างมาก เนื่องจากความต้องการ ใช้โดยเฉพาะในเขตภาคกลางและภาคเหนือ ตอนล่างนั้นจะมีสูงมาก เพื่อนำมาใช้ปรับปรุงและซ่อมบ้านเรือน ผนวกกับแรงงานภาคก่อสร้างก็จะขาดแคลนเช่นกัน เนื่องจากแรงงานบางส่วนต้องกลับไปช่วยฟื้นฟูบ้านเรือนและต้องอาศัย แรงงานต่างด้าว
“หลังจากน้ำลดวัสดุก่อสร้างหลักๆ นั้น ความต้องการใช้จะมีสูงมาก ขณะที่ราคาวัสดุนั้นจะปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากความต้องการใช้งานที่เพิ่มขึ้น แต่ก็เชื่อว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะเป็นปัญหาในระยะสั้น เชื่อว่ารัฐบาลและผู้ประกอบการรายใหญ่จะเข้ามาช่วยดูแลไม่ให้สินค้ามีราคาแพงเกินไปจนเป็นภาระกลับผู้บริโภค” มานพ กล่าว
ด้านชัยรัตน์ โกวิทจินดาชัย ผู้อำนวยการฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท ปริญสิริ กล่าวว่า จะมีผู้ที่ซื้อบ้านไปแล้วและได้รับผลกระทบบางส่วน จะมีการทิ้งเงินดาวน์หากมีการผ่อนชำระเงินงวดไม่มาก และบางส่วนอาจจะต้องมีการเจรจากับผู้ประกอบการเพื่อขอย้ายทำเล ไปผ่อนต่อโครงการในทำเลอื่น ที่ผู้ประกอบการรายนั้นพัฒนาอยู่เนื่องจากโครงการที่ซื้อไปก่อนหน้านั้นประสบกับภาวะน้ำท่วมใหญ่
“เชื่อว่าผู้บริโภคบางส่วน จะไม่ต้องการอยู่บ้านในทำเลที่เสี่ยงกับภาวะน้ำท่วมอีกต่อไป ทำให้มาเลือกซื้อที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียมในเมืองมากขึ้น จะทำให้ตลาดคอนโดมิเนียมกลับมาคึกคักอีกครั้ง อย่างไรก็ตามแผนการพัฒนาโครงการของบริษัทยังไม่ได้มีการปรับเปลี่ยนเพื่อหันไปพัฒนาโครงการแนวสูงมากขึ้น โดยจะต้องพิจารณาในหลายปัจจัย” ชัยรัตน์ กล่าว
ข่าวจากโพสทูเดย์ 9 พฤศจิกายน 2554