ก.คมนาคม >> ปลุก “มักกะสันคอมเพล็กซ์” อีกรอบ “ชัจจ์” สั่งเร่งสรุปรูปแบบการลงทุนก่อน จะเสนอครม. มั่นใจโครงการนี้ หารายได้เข้าคลัง-ร.ฟ.ท.หลายหมื่นล้าน วงในเผยนักลงทุนต่าง ชาติให้ความสนใจเพียบ มีทั้ง จีน-แคนาดา-นอร์เวย์-สวีเดน ขณะ จีนมาแรงขอลงทุนเอง 100% แต่ ขอสิทธิพิเศษเพียบ ส่อเอาเปรียบ ผู้ค้าคนไทย
พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงแผนการพัฒนาที่ดินย่านมักกะสัน ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ว่า จะเร่งเสนอโครงการมักกะสันคอมเพล็กซ์ให้รัฐบาลพิจารณาโดยเร็ว เนื่องจากโครงการดังกล่าวจะช่วยให้การรถไฟฯ มีรายได้มาพัฒนากิจการของตัวเองได้ ทั้งยังสามารถนำรายได้มาพัฒนาในด้านการให้บริการของการรถไฟฯให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ จะต้องเร่งผลักดันให้เกิดโครงการที่อยู่อาศัยประเภท คอนโดมิเนียม รอบสถานีรถไฟฟ้าหลายๆ จุดด้วย
“โครงการนี้ได้ทำการศึกษาไว้แล้ว และจากผลการศึกษามั่นใจว่า จะช่วยให้การพัฒนาที่ดินย่านมักกะสันสร้างผลตอบแทนกลับให้การรถไฟฯ ได้หลายหมื่นล้านบาท อย่างไรก็ดี จะเร่งดำเนินการหาข้อสรุปรูปแบบการดำเนินโครงการดังกล่าวโดยเร็ว ส่วนจะดำเนินการในรูปแบบไหนก็ต้องพิจารณาตามความเหมาะสม คาดว่าจะสามารถดำเนินโครงการได้ในอีกไม่กี่เดือนนับจากนี้ เพื่อเตรียมผลักดันเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุม ครม.ให้เร็วที่สุด” พล.ต.ท.ชัจจ์ กล่าว
แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคม กล่าวกับ “สยามธุรกิจ” ว่า ที่ผ่านมามีกลุ่มนักลงทุนต่างชาติจากหลายประเทศให้ความสนใจเข้ามาลงทุนจำนวนมาก อาทิ จีน แคนาดา นอร์เวย์ สวีเดน โดยเฉพาะประเทศจีนที่เสนอจะลงทุน 100% แต่ขอสิทธิในการบริหารศูนย์การค้าทั้งหมด และเสนอขออายุสัญญาสัมปทานสูงสุด 70 ปี แต่ยังมีความเสี่ยง เนื่องจากไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าการบริหารงานของจีนเป็นเช่นใดและมีรายได้เท่าไร
“หากนักลงทุนจีนได้รับสิทธิในการกำหนดค่าเช่า อาจส่งผลกระทบต่อผู้ค้าที่จะต้องเสียค่าเช่าแพง ซึ่งจะขัดกับนโยบายของกระทรวงคมนาคมที่ต้องการให้ทั้ง 2 ฝ่าย ทั้งนักลงทุนและผู้ค้าได้สิทธิที่เหมาะสมและเป็นธรรม ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคมยังไม่ทราบแผนของนักลงทุนจากจีนว่าจะออกมาอย่างไร ซึ่งต้องรอดูแผนการบริหารของนักลงทุนจากจีนก่อน”
อย่างไรก็ดี ความคืบหน้าดังกล่าวยังเป็นแค่ความสนใจในเบื้องต้น และเป็นเพียงข้อเสนอของกลุ่มทุนเท่านั้น และทางการรถไฟฯ ยังไม่มีการสรุปว่าการลงทุนจะเป็นรูปแบบใด ดังนั้นการบริหารอาจเป็นไป 3 แนวทาง คือ 1.ใช้เงินลงทุนเอง 2.ร่วมลงทุน และ3.เอกชนลงทุนเอง 100% ซึ่งทุกแนวทางเป็นไปได้หมดแต่ต้องอยู่บนเงื่อนไขที่ประเทศชาติได้ประโยชน์สูงสุด
ที่มา สยามธุรกิจ
พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงแผนการพัฒนาที่ดินย่านมักกะสัน ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ว่า จะเร่งเสนอโครงการมักกะสันคอมเพล็กซ์ให้รัฐบาลพิจารณาโดยเร็ว เนื่องจากโครงการดังกล่าวจะช่วยให้การรถไฟฯ มีรายได้มาพัฒนากิจการของตัวเองได้ ทั้งยังสามารถนำรายได้มาพัฒนาในด้านการให้บริการของการรถไฟฯให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ จะต้องเร่งผลักดันให้เกิดโครงการที่อยู่อาศัยประเภท คอนโดมิเนียม รอบสถานีรถไฟฟ้าหลายๆ จุดด้วย
“โครงการนี้ได้ทำการศึกษาไว้แล้ว และจากผลการศึกษามั่นใจว่า จะช่วยให้การพัฒนาที่ดินย่านมักกะสันสร้างผลตอบแทนกลับให้การรถไฟฯ ได้หลายหมื่นล้านบาท อย่างไรก็ดี จะเร่งดำเนินการหาข้อสรุปรูปแบบการดำเนินโครงการดังกล่าวโดยเร็ว ส่วนจะดำเนินการในรูปแบบไหนก็ต้องพิจารณาตามความเหมาะสม คาดว่าจะสามารถดำเนินโครงการได้ในอีกไม่กี่เดือนนับจากนี้ เพื่อเตรียมผลักดันเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุม ครม.ให้เร็วที่สุด” พล.ต.ท.ชัจจ์ กล่าว
แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคม กล่าวกับ “สยามธุรกิจ” ว่า ที่ผ่านมามีกลุ่มนักลงทุนต่างชาติจากหลายประเทศให้ความสนใจเข้ามาลงทุนจำนวนมาก อาทิ จีน แคนาดา นอร์เวย์ สวีเดน โดยเฉพาะประเทศจีนที่เสนอจะลงทุน 100% แต่ขอสิทธิในการบริหารศูนย์การค้าทั้งหมด และเสนอขออายุสัญญาสัมปทานสูงสุด 70 ปี แต่ยังมีความเสี่ยง เนื่องจากไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าการบริหารงานของจีนเป็นเช่นใดและมีรายได้เท่าไร
“หากนักลงทุนจีนได้รับสิทธิในการกำหนดค่าเช่า อาจส่งผลกระทบต่อผู้ค้าที่จะต้องเสียค่าเช่าแพง ซึ่งจะขัดกับนโยบายของกระทรวงคมนาคมที่ต้องการให้ทั้ง 2 ฝ่าย ทั้งนักลงทุนและผู้ค้าได้สิทธิที่เหมาะสมและเป็นธรรม ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคมยังไม่ทราบแผนของนักลงทุนจากจีนว่าจะออกมาอย่างไร ซึ่งต้องรอดูแผนการบริหารของนักลงทุนจากจีนก่อน”
อย่างไรก็ดี ความคืบหน้าดังกล่าวยังเป็นแค่ความสนใจในเบื้องต้น และเป็นเพียงข้อเสนอของกลุ่มทุนเท่านั้น และทางการรถไฟฯ ยังไม่มีการสรุปว่าการลงทุนจะเป็นรูปแบบใด ดังนั้นการบริหารอาจเป็นไป 3 แนวทาง คือ 1.ใช้เงินลงทุนเอง 2.ร่วมลงทุน และ3.เอกชนลงทุนเอง 100% ซึ่งทุกแนวทางเป็นไปได้หมดแต่ต้องอยู่บนเงื่อนไขที่ประเทศชาติได้ประโยชน์สูงสุด
ที่มา สยามธุรกิจ