ช่วงสัปดาห์ที่ผ่าน ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ได้จัดสัมมนาอสังหาฝ่าวิกฤตน้ำท่วม ซึ่งส่วนหนึ่งของงานสัมมนาได้มีการนำเสนอข้อมูลการโอกรรมสิทธิ์บ้านจัดสรร ในพื้นที่อุทกภัยร้ายแรงในพื้นที่กรุงเทพฯ นนทบุรีและปทุมธานี ที่พบว่าเป็นพื้นที่ที่ถูกประกาศให้เป็นเขตอพยพ เนื่องจากน้ำได้ท่วมหนักสร้างความเดือนร้อนต่อประชาชนและสถานประกอบการธุรกิจต่างๆมากมาย
นับเวลาจากนี้ไปอีกไม่ต่ำกว่า 6 เดือน กว่าทุกอย่างจะเข้าสสู่ภาวะปกติเพราะเวลานี้คงเป็นช่วงเวลาของการซ่อมแซมและฟื้นฟูให้ทุกอย่างกลับมาเหมือนเดิม ธุรกิจอสังหาฯโดยเฉพาะโครงการแนวราบคงได้รับผลกระทบไม่ใช่น้อย ยอกขายใหม่คงชะลอตัวลงการโอนกรรมสิทธิ์ก็คงไม่แตกต่างกัน เพราะอารมณ์คนซื้อคงจะยังไม่อยู่ในช่วงเวลาที่จะโอนบ้าน บางส่วนเชื่อว่าจะคิดทบทวนใหม่สำหรับโครงการที่โดนน้ำท่วมหรืออยู่ในพื้นที่น้ำท่วม ซึ่งทางศูนย์ข้อมูล ได้น้ำเสนอข้อมูลยอดโอนกรรมสิทธิ์ตั้งแต่ช่วงต้นปีจนถึงช่วงที่เริ่มเกิดปัญหาน้ำท่วม เพื่อสะท้อนภาพของการซื้อขายที่เกิดขึ้นโดยใน 3 จังหวัดหลักที่ได้รับผลกระทบน้ำท่วมตามเขตต่างๆ ได้แก่กรุงเทพฯนนทบุรี และปทุมธานีตลอด 10 เดือนแรกของปี มียอดการโอนกรรมสิทธิ์บ้าน จัดสรร ซึ่งเป็นบ้านใหม่รวมกันถึง 14,678 หน่วย คิดเป็นมูลค่า 42,014 ล้านบาท
โดยในพื้นที่กรุงเทพมหานครตามเขตที่มีการประกาศให้เป็นเขตอพยพ 13 เขตนั้น มียอดโอนกรรมสิทธิ์ตลอด 10 เดือน (มกราคมถึงตุลาคม) รวม 5,492 หน่วย คิดเป็นมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ 20,632 ล้านบาท เขตที่มีการโอนกรรมสิทธิ์บ้านใหม่มากที่สุด 3 อันดับแรก คือ เขตคลองสามวา ด้วย จำนวน 1,217 หน่วย คิดเป็นมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ 3,265 ล้านบาท รองลงมาเป็นเขตสายไหม จำนวน 1,166 หน่วย คิดเป็นมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ 4,359 ล้านบาท ซึ่งทั้ง 3 เขต เป็นโซนที่มีการขยายตัวของการพัฒนาโครงการบ้านจัดสรรจำนวนมาก ทำให้ยอดโอนกรรมสิทธิ์มากที่สุดสำหรับพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วม
ส่วนในพื้นที่จังหวัดนนทบุรี มี 4 อำเภอที่อยู่พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ได้แก่ อำเภอไทรน้อย บางกรวย บางบัวทอง และบางใหญ่ มียอกโอนกรรมสิทธิ์บ้านจัดสรรรวม 4,567 หน่วย คิดเป็นมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ 12,153 ล้านบาท อำเภอบางใหญ่ มียอดโอนกรรมสิทธิ์มากที่สุด 2,248 หน่วย คิดเป็นมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ 4,671 ล้านบาท รองลงมาเป็นอำเภอบางบัวทองจำนวน 1,499 หน่วย คิดเป็นมูลค่า 2,971 ล้านบาท อำเภอบางกรวย มียอดโอน 1,045 หน่วย คิดเป็นมูลค่า 4,123 ล้านบาท และอำเภอไทรน้อยมียอดโอน 315 หน่วย คิดเป็นมูลค่า 387 ล้านบาท
สำหรับพื้นที่จังหวัดปทุมธานีที่เป็นอีกหนึ่งพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วมหนักในครั้งนี้ มีจำนวนหน่วยโอนกรรมสิทธิ์ 4,619 หน่วย คิดเป็นมูลค่า 9,229 ล้านบาท อำเภอที่มียอดโอนกรรมสิทธิ์มากที่สุด 3 อันดับ แรก ได้แก่ อำเภอลำลูกกา ด้วยยอดโอนกรรมสิทธิ์ 2,102 หน่วย คิดเป็นมูลค่า 3,729 ล้านบาท รองลงมาเป็นอำเภอเมืองปทุมธานี ด้วยยอดโอน 1,137 หน่วย คิดเป็นมูลค่า 2,440 ล้านบาท และอำเภอธัญบุรีด้วยยอดโอน 493 หน่วย คิดเป็นมูลค่า 2,330 ล้านบาท
ที่มา : หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ
นับเวลาจากนี้ไปอีกไม่ต่ำกว่า 6 เดือน กว่าทุกอย่างจะเข้าสสู่ภาวะปกติเพราะเวลานี้คงเป็นช่วงเวลาของการซ่อมแซมและฟื้นฟูให้ทุกอย่างกลับมาเหมือนเดิม ธุรกิจอสังหาฯโดยเฉพาะโครงการแนวราบคงได้รับผลกระทบไม่ใช่น้อย ยอกขายใหม่คงชะลอตัวลงการโอนกรรมสิทธิ์ก็คงไม่แตกต่างกัน เพราะอารมณ์คนซื้อคงจะยังไม่อยู่ในช่วงเวลาที่จะโอนบ้าน บางส่วนเชื่อว่าจะคิดทบทวนใหม่สำหรับโครงการที่โดนน้ำท่วมหรืออยู่ในพื้นที่น้ำท่วม ซึ่งทางศูนย์ข้อมูล ได้น้ำเสนอข้อมูลยอดโอนกรรมสิทธิ์ตั้งแต่ช่วงต้นปีจนถึงช่วงที่เริ่มเกิดปัญหาน้ำท่วม เพื่อสะท้อนภาพของการซื้อขายที่เกิดขึ้นโดยใน 3 จังหวัดหลักที่ได้รับผลกระทบน้ำท่วมตามเขตต่างๆ ได้แก่กรุงเทพฯนนทบุรี และปทุมธานีตลอด 10 เดือนแรกของปี มียอดการโอนกรรมสิทธิ์บ้าน จัดสรร ซึ่งเป็นบ้านใหม่รวมกันถึง 14,678 หน่วย คิดเป็นมูลค่า 42,014 ล้านบาท
โดยในพื้นที่กรุงเทพมหานครตามเขตที่มีการประกาศให้เป็นเขตอพยพ 13 เขตนั้น มียอดโอนกรรมสิทธิ์ตลอด 10 เดือน (มกราคมถึงตุลาคม) รวม 5,492 หน่วย คิดเป็นมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ 20,632 ล้านบาท เขตที่มีการโอนกรรมสิทธิ์บ้านใหม่มากที่สุด 3 อันดับแรก คือ เขตคลองสามวา ด้วย จำนวน 1,217 หน่วย คิดเป็นมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ 3,265 ล้านบาท รองลงมาเป็นเขตสายไหม จำนวน 1,166 หน่วย คิดเป็นมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ 4,359 ล้านบาท ซึ่งทั้ง 3 เขต เป็นโซนที่มีการขยายตัวของการพัฒนาโครงการบ้านจัดสรรจำนวนมาก ทำให้ยอดโอนกรรมสิทธิ์มากที่สุดสำหรับพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วม
ส่วนในพื้นที่จังหวัดนนทบุรี มี 4 อำเภอที่อยู่พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ได้แก่ อำเภอไทรน้อย บางกรวย บางบัวทอง และบางใหญ่ มียอกโอนกรรมสิทธิ์บ้านจัดสรรรวม 4,567 หน่วย คิดเป็นมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ 12,153 ล้านบาท อำเภอบางใหญ่ มียอดโอนกรรมสิทธิ์มากที่สุด 2,248 หน่วย คิดเป็นมูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์ 4,671 ล้านบาท รองลงมาเป็นอำเภอบางบัวทองจำนวน 1,499 หน่วย คิดเป็นมูลค่า 2,971 ล้านบาท อำเภอบางกรวย มียอดโอน 1,045 หน่วย คิดเป็นมูลค่า 4,123 ล้านบาท และอำเภอไทรน้อยมียอดโอน 315 หน่วย คิดเป็นมูลค่า 387 ล้านบาท
สำหรับพื้นที่จังหวัดปทุมธานีที่เป็นอีกหนึ่งพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วมหนักในครั้งนี้ มีจำนวนหน่วยโอนกรรมสิทธิ์ 4,619 หน่วย คิดเป็นมูลค่า 9,229 ล้านบาท อำเภอที่มียอดโอนกรรมสิทธิ์มากที่สุด 3 อันดับ แรก ได้แก่ อำเภอลำลูกกา ด้วยยอดโอนกรรมสิทธิ์ 2,102 หน่วย คิดเป็นมูลค่า 3,729 ล้านบาท รองลงมาเป็นอำเภอเมืองปทุมธานี ด้วยยอดโอน 1,137 หน่วย คิดเป็นมูลค่า 2,440 ล้านบาท และอำเภอธัญบุรีด้วยยอดโอน 493 หน่วย คิดเป็นมูลค่า 2,330 ล้านบาท
ที่มา : หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ