จากการที่กระทรวงการคลังเตรียมประกาศราคาประเมินที่ดินใหม่ 1 กรกฎาคม 2555 นี้ ส่งผลให้ภาพรวมราคาที่ดินทั่วประเทศสูงขึ้น แม้ในพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วมและหลายทำเลกลายเป็นเมืองใหม่ที่น่าสนใจและน่าอยู่ โดยเฉพาะ 10 ทำเลย่านชานเมือง
นายสัมมา คีตสิน ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์เปิดเผยถึงผลสำรวจทำเลต่างๆ ย่านชานเมืองหลังน้ำลด พบว่าทำเลที่น่าสนใจจะอยู่ในแนวเส้นทางคมนาคม อาทิ โครงการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา และโครงการรถ ไฟฟ้า BTS และรถไฟฟ้าMRT ที่มีกำหนดเสร็จในอนาคตจึงส่งผลให้ที่อยู่อาศัย ในจังหวัดนนทบุรี, ปทุมธานี ย่านแจ้งวัฒนะ,บางปะอิน, บางซื่อ, เกษตร-นวมินทร์, ตลิ่งชัน, ราษฎร์บูรณะ, บางกะปิ และมีนบุรี ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคและผู้ประกอบการมากขึ้น
“ผลจากน้ำท่วมทำให้ภาครัฐมีการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของพื้นที่ ที่เคยถูกน้ำท่วมขัง ทำให้ราคาที่ดินดังกล่าวปรับตัวสูงขึ้นในอนาคต เช่น ที่ดิน แถวบางบัวทองที่กำลังจะมีรถไฟฟ้า เมื่อมีการฟื้นฟูทำระบบป้องกันน้ำท่วมขนานใหญ่อาจทำให้ที่ดินบริเวณดังกล่าวเป็นเมืองใหม่”
นายสัมมา คีตสิน ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์เปิดเผยถึงผลสำรวจทำเลต่างๆ ย่านชานเมืองหลังน้ำลด พบว่าทำเลที่น่าสนใจจะอยู่ในแนวเส้นทางคมนาคม อาทิ โครงการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา และโครงการรถ ไฟฟ้า BTS และรถไฟฟ้าMRT ที่มีกำหนดเสร็จในอนาคตจึงส่งผลให้ที่อยู่อาศัย ในจังหวัดนนทบุรี, ปทุมธานี ย่านแจ้งวัฒนะ,บางปะอิน, บางซื่อ, เกษตร-นวมินทร์, ตลิ่งชัน, ราษฎร์บูรณะ, บางกะปิ และมีนบุรี ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคและผู้ประกอบการมากขึ้น
“ผลจากน้ำท่วมทำให้ภาครัฐมีการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของพื้นที่ ที่เคยถูกน้ำท่วมขัง ทำให้ราคาที่ดินดังกล่าวปรับตัวสูงขึ้นในอนาคต เช่น ที่ดิน แถวบางบัวทองที่กำลังจะมีรถไฟฟ้า เมื่อมีการฟื้นฟูทำระบบป้องกันน้ำท่วมขนานใหญ่อาจทำให้ที่ดินบริเวณดังกล่าวเป็นเมืองใหม่”
นายอิสระ บุญยัง ในฐานะนายกสมาคมบ้านจัดสรร เปิดเผย “สยามธุรกิจ” ถึงความเป็นไปได้ที่จังหวัดนนทบุรี ปทุมธานี พื้นที่บางปะอิน มีนบุรีและตลิ่งชัน ที่ในอนาคตจะเป็นเมืองที่น่าอยู่และมีการเติบโตรองจากกรุงเทพฯ ว่า มีความเป็นไปได้แน่นอน เพราะการเชื่อมโยงโครงข่ายคมนาคมของภาครัฐ ทั้งรถไฟฟ้าสายสีม่วง บางซื่อ-บางใหญ่ สาย สีชมพู แจ้งวัฒนะ-มีนบุรี และสายสีเขียว ที่จะต่อขยายไปถึงคูคต เหล่านี้เป็นการพัฒนาให้ที่อยู่อาศัยในย่านที่กล่าวมา ให้เป็นเมืองอยู่อาศัยอันดับ 2 รองจากกรุงเทพฯ ซึ่งนอกจากระบบรางที่กล่าว ยังมีระบบล้อ ถนนที่ขยายช่องทางเพิ่มและทางด่วน วงแหวนตะวันออก-ตะวันตก ทำให้เดินทางสะดวก รวดเร็ว
ประกอบกับหลังน้ำลด ได้มีการพัฒนาพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งถูกน้ำท่วมหนัก ไม่ว่าจะเป็นถนน คูคลอง แนวป้องกันน้ำ ทำให้กลายเป็นพื้นที่อยู่อาศัยที่มีการพัฒนา รวดเร็ว โดยเรื่องนี้สอดรับกับความเห็นของ นายรังสรรค์ นันทกาวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บมจ.เอ็น.ซี.เฮาส์ซิ่ง ที่กล่าวว่า ในพื้นที่ย่านปทุมธานี-รังสิตถึงคลอง 14 ณ วันนี้ มีบ้านเดี่ยวจัดสรรเกิดขึ้นมาก จากเดิมที่เป็นพื้นที่เกษตรกรรมเป็นหลัก ซึ่งหลังน้ำลด ก็ได้มีการขุดลอกคูคลอง ขยาย ถนน ซ่อมแซมถนนหลักและถนนซอย ซึ่งเงินส่วนหนึ่งได้จากงบฟื้นฟูของภาครัฐและส่วนหนึ่งเอกชนดำเนินการกันเอง
ทั้งนี้ ชี้ให้เห็นว่าราคาประเมินที่ดินใหม่ ที่กรมธนารักษ์จะเริ่มประกาศใช้นับตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2555 นี้ เพิ่มขึ้นและลดลง ตามการพัฒนาในแต่ละพื้นที่ ซึ่งจากผลสำรวจของกรมธนารักษ์ แจ้งว่า ราคาประเมินที่ดินใหม่ในจังหวัดนนทบุรี เพิ่มขึ้นตั้งแต่ 15-50% อยู่ที่ตร.ว.ละ 150,000-240,000 บาท โดยนายอิสระ บุญยัง กล่าวเสริมว่า ในพื้นที่นี้ ราคาซื้อ-ขายที่ดินจริง ณ วันนี้ แนวรถไฟฟ้าพุ่งขึ้นถึงไร่ละ 10 ล้านบาทขึ้นไป ส่วนพื้นที่ๆ สามารถทำบ้านจัดสรรประเภทบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ในตรอก ซอก ซอย อยู่ที่ไร่ละ 2-3 ล้านบาท ขณะที่แนวเขตผังเมืองสีส้ม ที่อยู่อาศัยหนาแน่นปานกลางอยู่ที่ ตร.ว.ละ 40,000-50,000 บาท
แต่อย่างไรก็ตาม ราคาประเมินสูงสุด ยังอยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ได้แก่ ถนนสีลม (แยกศาลาแดง-แยกนราธิวาสราชนครินทร์) ตารางวาละ 8.5 แสนบาท แต่การซื้อ-ขายจริง ขึ้นไปถึง ตร.ว.ละ 1.5 ล้านบาทแล้ว ในย่านเพลินจิต
ด้านดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการ บริหารศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บริษัท เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส จำกัด (AREA) แสดงความเห็นเกี่ยวกับราคาที่ดินหลังน้ำลดว่า สาเหตุน้ำท่วมไม่ได้ส่งผลต่อราคาที่ดินตกต่ำลงราคาที่ดินจะสูงหรือต่ำเป็นเรื่องที่ต้องตกลงกันระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายเป็นหลัก
ที่มา :หนังสือพิมพ์สยามธุรกิจ ฉบับวันที่ 26 - 29 พ.ค. 2555
ประกอบกับหลังน้ำลด ได้มีการพัฒนาพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งถูกน้ำท่วมหนัก ไม่ว่าจะเป็นถนน คูคลอง แนวป้องกันน้ำ ทำให้กลายเป็นพื้นที่อยู่อาศัยที่มีการพัฒนา รวดเร็ว โดยเรื่องนี้สอดรับกับความเห็นของ นายรังสรรค์ นันทกาวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บมจ.เอ็น.ซี.เฮาส์ซิ่ง ที่กล่าวว่า ในพื้นที่ย่านปทุมธานี-รังสิตถึงคลอง 14 ณ วันนี้ มีบ้านเดี่ยวจัดสรรเกิดขึ้นมาก จากเดิมที่เป็นพื้นที่เกษตรกรรมเป็นหลัก ซึ่งหลังน้ำลด ก็ได้มีการขุดลอกคูคลอง ขยาย ถนน ซ่อมแซมถนนหลักและถนนซอย ซึ่งเงินส่วนหนึ่งได้จากงบฟื้นฟูของภาครัฐและส่วนหนึ่งเอกชนดำเนินการกันเอง
ทั้งนี้ ชี้ให้เห็นว่าราคาประเมินที่ดินใหม่ ที่กรมธนารักษ์จะเริ่มประกาศใช้นับตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2555 นี้ เพิ่มขึ้นและลดลง ตามการพัฒนาในแต่ละพื้นที่ ซึ่งจากผลสำรวจของกรมธนารักษ์ แจ้งว่า ราคาประเมินที่ดินใหม่ในจังหวัดนนทบุรี เพิ่มขึ้นตั้งแต่ 15-50% อยู่ที่ตร.ว.ละ 150,000-240,000 บาท โดยนายอิสระ บุญยัง กล่าวเสริมว่า ในพื้นที่นี้ ราคาซื้อ-ขายที่ดินจริง ณ วันนี้ แนวรถไฟฟ้าพุ่งขึ้นถึงไร่ละ 10 ล้านบาทขึ้นไป ส่วนพื้นที่ๆ สามารถทำบ้านจัดสรรประเภทบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ในตรอก ซอก ซอย อยู่ที่ไร่ละ 2-3 ล้านบาท ขณะที่แนวเขตผังเมืองสีส้ม ที่อยู่อาศัยหนาแน่นปานกลางอยู่ที่ ตร.ว.ละ 40,000-50,000 บาท
แต่อย่างไรก็ตาม ราคาประเมินสูงสุด ยังอยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ได้แก่ ถนนสีลม (แยกศาลาแดง-แยกนราธิวาสราชนครินทร์) ตารางวาละ 8.5 แสนบาท แต่การซื้อ-ขายจริง ขึ้นไปถึง ตร.ว.ละ 1.5 ล้านบาทแล้ว ในย่านเพลินจิต
ด้านดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการ บริหารศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บริษัท เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส จำกัด (AREA) แสดงความเห็นเกี่ยวกับราคาที่ดินหลังน้ำลดว่า สาเหตุน้ำท่วมไม่ได้ส่งผลต่อราคาที่ดินตกต่ำลงราคาที่ดินจะสูงหรือต่ำเป็นเรื่องที่ต้องตกลงกันระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายเป็นหลัก
ที่มา :หนังสือพิมพ์สยามธุรกิจ ฉบับวันที่ 26 - 29 พ.ค. 2555