ธนารักษ์ ยัน 1 ก.ค.ใช้ราคาประเมินที่ดินใหม่ชัวร์ แจงปัญหาน้ำท่วมไม่กระทบราคาที่ดิน ระบุที่ดินตามแนวรถไฟฟ้าบีทีเอสขยับเพิ่มขึ้นถึง 39.20% ด้านสีลมยังครองแชมป์แพงสุดตารางวาละ 8.5 แสนบาท ด้าน "วิรุฬ" เดินหน้าศึกษาพัฒนาที่ดินตามแนวรถไฟฟ้า 473 ไร่ เป็นเชิงพาณิชย์ เผย 2 ทางเลือกพัฒนาเองหรือให้เอกชนดำเนินการ
นายนริศ ชัยสูตร อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการพิจารณาราคาที่ดิน เมื่อวันที่11 มิ.ย.2555 ที่ผ่านมา ได้หารือถึงกรณีการกำหนดราคาที่ดินใหม่พร้อมยืนยันว่าให้ใช้ราคาประเมินที่ดินใหม่ ในวันที่ 1 ก.ค.2555 เช่นเดิม หลังจากเลื่อนการประกาศใช้มา 6 เดือน คือ 1 ม.ค.-30 มิ.ย.2555 เนื่องจากผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วม ดังนั้น หากไม่มีประกาศเปลี่ยนแปลงใดๆ การกำหนดใช้ราคาที่ดินใหม่จะเป็นไปโดยอัตโนมัติคือ 1 ก.ค.2555-31 ธ.ค.2558
"ราคาประเมินที่ดินใหม่ที่ประกาศใช้นั้นจะเป็นอัตราที่กรมธนารักษ์ได้จัดทำบัญชีราคาประเมินที่ดินใหม่ทั่วประเทศเมื่อช่วงปลายปี 2554 โดยราคาจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด แม้ว่าใน ช่วงที่เลื่อนใช้มา6 เดือนแล้วก็ ตาม และได้มีการสำรวจราคาในพื้นที่น้ำท่วมเพื่อเตรียมไว้ปรับปรุงใหม่ แต่ไม่พบว่าราคาที่ดินในเขตน้ำท่วมลดต่ำลง โดยบางแห่งเช่น ใน จ.นครสวรรค์นั้น ราคากลับเพิ่มขึ้นด้วยซ้ำ" นายนริศ กล่าว
นายนริศ ชัยสูตร อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการพิจารณาราคาที่ดิน เมื่อวันที่11 มิ.ย.2555 ที่ผ่านมา ได้หารือถึงกรณีการกำหนดราคาที่ดินใหม่พร้อมยืนยันว่าให้ใช้ราคาประเมินที่ดินใหม่ ในวันที่ 1 ก.ค.2555 เช่นเดิม หลังจากเลื่อนการประกาศใช้มา 6 เดือน คือ 1 ม.ค.-30 มิ.ย.2555 เนื่องจากผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วม ดังนั้น หากไม่มีประกาศเปลี่ยนแปลงใดๆ การกำหนดใช้ราคาที่ดินใหม่จะเป็นไปโดยอัตโนมัติคือ 1 ก.ค.2555-31 ธ.ค.2558
"ราคาประเมินที่ดินใหม่ที่ประกาศใช้นั้นจะเป็นอัตราที่กรมธนารักษ์ได้จัดทำบัญชีราคาประเมินที่ดินใหม่ทั่วประเทศเมื่อช่วงปลายปี 2554 โดยราคาจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด แม้ว่าใน ช่วงที่เลื่อนใช้มา6 เดือนแล้วก็ ตาม และได้มีการสำรวจราคาในพื้นที่น้ำท่วมเพื่อเตรียมไว้ปรับปรุงใหม่ แต่ไม่พบว่าราคาที่ดินในเขตน้ำท่วมลดต่ำลง โดยบางแห่งเช่น ใน จ.นครสวรรค์นั้น ราคากลับเพิ่มขึ้นด้วยซ้ำ" นายนริศ กล่าว
สำหรับบัญชีราคาประเมินที่ดินที่จัดทำไว้นั้น เป็นการประเมินราคาที่ดินทั่วประเทศ 29.3 ล้านแปลง หรือคิดเป็นเนื้อที่ประมาณ 321 ล้านไร่ พบว่า ราคาที่ดินปรับสูงขึ้นเฉลี่ย 21.34% โดย ที่ดินในต่างจังหวัดปรับขึ้น 21.40% ส่วนในกทม.ปรับขึ้น 17.13%
นายนริศกล่าวว่า บริเวณที่ราคาประเมินที่ดินมีการเปลี่ยนแปลงมากที่สุดคือ พื้นที่เขตวัฒนา คลองเตย พระโขนง และบางนา ปรับตัวสูงขึ้นเฉลี่ย 39.20% โดยได้รับอิทธิพลจากการขยายเส้นทางรถไฟฟ้าบีทีเอส รองลงมาเป็นเขตบางกอกน้อย บางพลัด ตลิ่งชัน และทวีวัฒนา เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 33.06% และเขตบางขุนเทียน จอมทอง บาง บอน เฉลี่ย 29% ตามลำดับ ขณะที่ราคาที่ดินในเขต กทม.ที่มีราคาต่ำสุด อยู่ที่เขตบางขุนเทียน ตร.ว.ละ 500 บาท ซึ่งเป็นที่ตาบอด
นอกจากนี้ บริเวณที่มีราคาประเมินแพงที่สุดของประเทศยังอยู่ที่ถนนสีลม กทม. ตั้งแต่แยกศาลาแดงไปจนถึงแยกนราธิวาสราชนครินทร์ ตารางวา (ตร.ว.) ละ 8.5 แสนบาท จากเดิมอยู่ที่ 6.5 แสนบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 31%, รองลงมาคือถนนราชดำริ จากแยก ราชประสงค์ ถึงคลองแสนแสบ ถนนพระรามที่ 1 จากแยกปทุมวันถึงแยกราชประสงค์ และถนนเพลิน จิตตลอดสาย ตร.ว.ละ 8 แสนบาท จากเดิมอยู่ที่ 3.5-4.3 แสนบาท, อันดับ 3 แถวถนนราชดำริ จาก ช่วงศาลาแดงถึงแยกราชประสงค์ และถนนเยาวราชตลอดสาย ตร.ว. ละ 7 แสนบาท จากเดิมอยู่ที่ 3.5 แสนบาท และ 5.5 แสนบาทตามลำดับ
"การเลื่อนประกาศใช้ราคาที่ดินใหม่ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมานั้น ทำให้รายได้จากการโอนที่ดินหายไปประมาณ 6 พันล้านบาท จากเดิมเคยประเมินว่าหากจะประกาศใช้ราคาประเมินใหม่ในช่วงเดือน ม.ค.2555 รายได้ในการจดทะเบียนสิทธิ์และนิติกรรมเพิ่มขึ้น 1.2 หมื่นล้านบาทรวมเป็น 8 หมื่นล้านบาทจากปีที่ผ่านมาเก็บได้ประมาณ 6.7 หมื่นล้านบาท" นายนริศ กล่าว
นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ รมช.คลัง ในฐานะกำกับดูแลกรมธนารักษ์ กล่าวว่า อยู่ระหว่างการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการพัฒนาที่ราชพัสดุของกรมธนารักษ์ที่อยู่ในพื้นที่ต่างๆ ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) จำนวน 473 ไร่ เพื่อให้เกิดประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ โดยเน้นการพัฒนาให้เป็นลักษณะบูรณาการควบคู่กันไปกับการบริหารการเดินรถ นอกจากนี้ ต้องศึกษาถึงความเหมาะสมว่าจะมอบหมายให้ใครเป็นผู้พัฒนา ซึ่งแบ่งเป็นกรมธนารักษ์เป็นผู้บริหารเอง และให้กระ ทรวงคมนาคมดูเรื่องการเดินรถไฟฟ้าไป หรืออีกแนวทางคือเปิดให้เอกชนเข้ามาประมูล เพื่อบริหารจัดการพื้นที่ดังกล่าวในเชิงพาณิชย์
ที่มา: หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์
นายนริศกล่าวว่า บริเวณที่ราคาประเมินที่ดินมีการเปลี่ยนแปลงมากที่สุดคือ พื้นที่เขตวัฒนา คลองเตย พระโขนง และบางนา ปรับตัวสูงขึ้นเฉลี่ย 39.20% โดยได้รับอิทธิพลจากการขยายเส้นทางรถไฟฟ้าบีทีเอส รองลงมาเป็นเขตบางกอกน้อย บางพลัด ตลิ่งชัน และทวีวัฒนา เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 33.06% และเขตบางขุนเทียน จอมทอง บาง บอน เฉลี่ย 29% ตามลำดับ ขณะที่ราคาที่ดินในเขต กทม.ที่มีราคาต่ำสุด อยู่ที่เขตบางขุนเทียน ตร.ว.ละ 500 บาท ซึ่งเป็นที่ตาบอด
นอกจากนี้ บริเวณที่มีราคาประเมินแพงที่สุดของประเทศยังอยู่ที่ถนนสีลม กทม. ตั้งแต่แยกศาลาแดงไปจนถึงแยกนราธิวาสราชนครินทร์ ตารางวา (ตร.ว.) ละ 8.5 แสนบาท จากเดิมอยู่ที่ 6.5 แสนบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 31%, รองลงมาคือถนนราชดำริ จากแยก ราชประสงค์ ถึงคลองแสนแสบ ถนนพระรามที่ 1 จากแยกปทุมวันถึงแยกราชประสงค์ และถนนเพลิน จิตตลอดสาย ตร.ว.ละ 8 แสนบาท จากเดิมอยู่ที่ 3.5-4.3 แสนบาท, อันดับ 3 แถวถนนราชดำริ จาก ช่วงศาลาแดงถึงแยกราชประสงค์ และถนนเยาวราชตลอดสาย ตร.ว. ละ 7 แสนบาท จากเดิมอยู่ที่ 3.5 แสนบาท และ 5.5 แสนบาทตามลำดับ
"การเลื่อนประกาศใช้ราคาที่ดินใหม่ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมานั้น ทำให้รายได้จากการโอนที่ดินหายไปประมาณ 6 พันล้านบาท จากเดิมเคยประเมินว่าหากจะประกาศใช้ราคาประเมินใหม่ในช่วงเดือน ม.ค.2555 รายได้ในการจดทะเบียนสิทธิ์และนิติกรรมเพิ่มขึ้น 1.2 หมื่นล้านบาทรวมเป็น 8 หมื่นล้านบาทจากปีที่ผ่านมาเก็บได้ประมาณ 6.7 หมื่นล้านบาท" นายนริศ กล่าว
นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ รมช.คลัง ในฐานะกำกับดูแลกรมธนารักษ์ กล่าวว่า อยู่ระหว่างการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการพัฒนาที่ราชพัสดุของกรมธนารักษ์ที่อยู่ในพื้นที่ต่างๆ ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) จำนวน 473 ไร่ เพื่อให้เกิดประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ โดยเน้นการพัฒนาให้เป็นลักษณะบูรณาการควบคู่กันไปกับการบริหารการเดินรถ นอกจากนี้ ต้องศึกษาถึงความเหมาะสมว่าจะมอบหมายให้ใครเป็นผู้พัฒนา ซึ่งแบ่งเป็นกรมธนารักษ์เป็นผู้บริหารเอง และให้กระ ทรวงคมนาคมดูเรื่องการเดินรถไฟฟ้าไป หรืออีกแนวทางคือเปิดให้เอกชนเข้ามาประมูล เพื่อบริหารจัดการพื้นที่ดังกล่าวในเชิงพาณิชย์
ที่มา: หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์