ทิศทางธุรกิจบ้านจัดสรรในรอบปี 2555 หลายคนประเมินว่าจะฟื้นตัวกลับมาเป็นปกติได้ ก็ช่วงเข้าสู่ครึ่งปีหลังแล้ว ส่วนความต้องการที่อยู่อาศัยและพฤติกรรมการเลือกซื้อที่อยู่อาศัยของผู้บริโภคในปีนี้จะเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมหรือไม่นั้น ทางศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ได้ทำการวิเคราะห์ข้อมูลจากผู้ตอบแบบสอบถามที่เข้าชมงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 25 ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 29 กันยายน- 2 ตุลาคม 2554 ที่ผ่านมา ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ แม้ว่าการสอบถามข้อมูลดังกล่าวจะเกิดขึ้นก่อนที่ปัญหาน้ำท่วมใหญ่จะเกิดขึ้นช่วงปลายปีที่ผ่านมา แต่ทางศูนย์ข้อมูลฯเชื่อว่าไม่ได้มีผลโดยรวมต่อการวิเคราะห์แนวโน้มในอนาคตมากนักจะมีก็เพียงแต่เรื่องของการเลือกทำเลที่อยู่อาศัย ที่อาจจะมีการเปลี่ยน แปลงไปบ้างแต่คงไม่ถึงกับมีนัยสำคัญจนทำให้ข้อมูลเบี่ยงเบนไปจากข้อเท็จจริงมากนัก
การสำรวจดังกล่าว ได้สอบถามกลุ่มตัวอย่างจำนวนทั้งสิ้น10,399 ราย พบว่ากว่า 90% ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยสร้างใหม่ มีเพียง10% เท่านั้นที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยมือสอง นอกจากนี้ ยังพบว่าลักษณะที่อยู่อาศัยเดิมรายได้ครอบครัวต่อเดือนมีผลต่อความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยในอนาคตอย่างมีนัยสำคัญ
ลักษณะที่อยู่อาศัยที่ต้องการซื้อ 32% ต้องการซื้อบ้านเดี่ยว 23%ต้องการซื้อคอนโดมิเนียม20%ต้องการซื้อทาวน์เฮาส์ 15% ต้องการซื้อบ้านแฝด และ 10% ต้องการซื้ออาคารพาณิชย์ ซึ่งที่อยู่อาศัยในระดับราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ยังคงเป็นตลาดหลักที่คนส่วนใหญ่ต้องการ ซื้อสูงสุด40%เป็นกลุ่มคนที่ต้องการซื้อบ้านในระดับราคา 1.1-2 ล้านบาท และ 26%ต้องการซื้อบ้านในระดับราคา 2.1-3 ล้านบาท 80% ของผู้เข้าชมงานส่วนใหญ่ต้องการซื้อโดยใช้เงินกู้จากธนาคาร และอีก 20% ซื้อด้วยเงินออม ซึ่ง 41% มีความสามารถในการผ่อนชำระต่อเดือน10,000-20,000 บาท และ 33% มีความสามารถในการผ่อนชำระต่อเดือนไม่เกิน10,000 บาท
ทำเลที่ผู้เข้าชมงานมีความต้องการซื้อมากที่สุด คือ ในเขตกรุงเทพมหานคร
โดยมีเขตที่ต้องการซื้อมาก5 อันดับแรก ได้แก่ เขตจตุจักรบางนา คลองเตย ลาดพร้าวและดอนเมือง ส่วนในพื้นที่จังหวัดนนทบุรี3อันดับแรกที่มีผู้ต้องการซื้อมาก ที่สุดได้แก่ อำเภอบางบัวทอง อำเภอเมือง และอำเภอปากเกร็ดจังหวัดสมุทรปราการ ต้องการซื้อในพื้นที่อำเภอบางพลี อำเภอเมืองและอำเภอพระประแดง ส่วนจังหวัดปทุมธานีพื้นที่ใน 3 อันดับแรกที่ต้องการซื้อที่อยู่มากที่สุด คืออำเภอคลองหลวง อำเภอลำลูกกา และอำเภอธัญบุรีส่วนจังหวัดนครปฐม ผู้ตอบแบบ สอบถามต้องการซื้อที่อยู่อาศัยในอำเภอพุทธมณฑลมากที่สุดเป็นอันดับแรกรองลงมาเป็นอำเภอเมือง และตามมาด้วยอำเภอนครชัยศรี
ความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยส่วนใหญ่สัดส่วน 35% ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยใกล้รถไฟฟ้า รองลงมาต้องการซื้อใกล้ที่ทำงานด้วยสัดส่วน29%และอีก20% ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยใกล้ห้างสรรพสินค้า ส่วนสาเหตุที่ต้องการที่อยู่อาศัยใหม่เป็นเพราะต้องการที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองด้วยสัดส่วน 33% และอีก 18% ต้องการซื้อเป็นทรัพย์สิน อีก 17% ต้องการความสะดวกในการเดินทาง
ทางศูนย์ข้อมูลฯได้ทำการวิเคราะห์ข้อมูลประเภทบ้านที่ต้องการซื้อและงบประมาณ เปรียบเทียบข้อมูล 3 ปีย้อนหลังโดยอ้างอิงผลสำรวจจากผู้เข้าชมงาน "มหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 20-25" หรือระหว่างปี2552-2554พบว่าที่อยู่อาศัยในระดับราคา 1.1 -3 ล้านบาท ยังคงเป็นที่ต้องการซื้อของตลาดอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี2552 มาจนถึงปัจจุบัน โดยแต่ละประเภทที่อยู่อาศัยในบางช่วงเวลาความต้องการซื้อจะเปลี่ยนแปลงไปบ้างเล็กน้อย และเป็นที่น่าสังเกตว่ามาตรการรัฐไม่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกประเภทที่อยู่อาศัยที่ต้องการซื้อ รวมถึงระดับราคาที่ต้องการซื้อด้วย
ในกลุ่มบ้านเดี่ยว มีสัดส่วน37% ที่ต้องการซื้อระดับราคา 1.1-2 ล้านบาท มีเพียงช่วงครึ่งแรกของปี 2553 ที่สัดส่วนความต้องการซื้อบ้านเดี่ยวในระดับราคาดังกล่าวสูงถึง 40% โดยช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงโค้งสุดท้ายของการประกาศใช้มาตรการลดหย่อนค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์และค่าจดจำนอง ส่วนบ้านเดี่ยวระดับ 2.1-3 ล้านบาท มีความต้องการซื้อโดยเฉลี่ย 26% และบ้านเดี่ยวในระดับราคาไม่เกิน1 ล้านบาท มีความต้องการซื้อโดยเฉลี่ยประมาณ10% แม้ว่าในช่วงปลายไตรมาสที่3รัฐบาลจะประกาศมาตรการส่งเสริมการซื้อบ้านหลังแรกราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท และมาตรการทางภาษีเพื่อช่วยเหลือประชาชนให้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองแต่ก็ไม่ช่วยกระตุ้นความต้องการซื้อบ้านในกลุ่มราคาดังกล่าวให้เพิ่มขึ้นได้อย่างเป็นรูปธรรม
ส่วนที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิ-เนียม โดยเฉลี่ย 44% ผู้ซื้อห้องชุดต้อง การซื้อในระดับราคา 1.1-2 ล้านบาท ซึ่งความต้องการในระดับราคาดังกล่าวสูงขึ้นถึง 50% ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2554 ในขณะที่คอนโดฯ ระดับราคา 2.1-3 ล้านบาท มีความต้องการซื้อเฉลี่ย 21%และเพิ่มขึ้นเป็น 26% ในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ส่วนคอนโดฯ ระดับราคาไม่เกินล้านบาทความต้องการซื้อเฉลี่ยมีประมาณ 15% ในช่วงปลายปี 2552 และเพิ่มขึ้นเป็น 32%
สำหรับที่อยู่ประเภททาวน์เฮาส์ความต้องการระดับราคา 1.1-2 ล้านบาท มีประมาณ 48% รองลงมาเป็นระดับราคา 2.1-3 ล้านบาท มีความต้องการซื้อเฉลี่ย 20% และในระดับราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท มีความต้องการซื้อโดยเฉลี่ย17% มีเพียงในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2552 ที่ความต้องการซื้อทาวน์เฮาส์ในกลุ่มราคาดังกล่าวเพิ่มสูงขึ้นเป็น35% คาดว่าน่าจะมีผลจากมาตรการลดหย่อนค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์ และค่าจดจำนอง และการนำเสนอขายทาวน์เฮาส์ของกลุ่มผู้ประกอบการในตลาดที่เร่งระบายสินค้าเพื่อเร่งยอดขายและยอดโอนกรรมสิทธิ์ก่อนหมดมาตรการในช่วงกลางปี 2553
ที่มา: หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับวันที่ 5 - 7 ม.ค. 2555
การสำรวจดังกล่าว ได้สอบถามกลุ่มตัวอย่างจำนวนทั้งสิ้น10,399 ราย พบว่ากว่า 90% ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยสร้างใหม่ มีเพียง10% เท่านั้นที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยมือสอง นอกจากนี้ ยังพบว่าลักษณะที่อยู่อาศัยเดิมรายได้ครอบครัวต่อเดือนมีผลต่อความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยในอนาคตอย่างมีนัยสำคัญ
ลักษณะที่อยู่อาศัยที่ต้องการซื้อ 32% ต้องการซื้อบ้านเดี่ยว 23%ต้องการซื้อคอนโดมิเนียม20%ต้องการซื้อทาวน์เฮาส์ 15% ต้องการซื้อบ้านแฝด และ 10% ต้องการซื้ออาคารพาณิชย์ ซึ่งที่อยู่อาศัยในระดับราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ยังคงเป็นตลาดหลักที่คนส่วนใหญ่ต้องการ ซื้อสูงสุด40%เป็นกลุ่มคนที่ต้องการซื้อบ้านในระดับราคา 1.1-2 ล้านบาท และ 26%ต้องการซื้อบ้านในระดับราคา 2.1-3 ล้านบาท 80% ของผู้เข้าชมงานส่วนใหญ่ต้องการซื้อโดยใช้เงินกู้จากธนาคาร และอีก 20% ซื้อด้วยเงินออม ซึ่ง 41% มีความสามารถในการผ่อนชำระต่อเดือน10,000-20,000 บาท และ 33% มีความสามารถในการผ่อนชำระต่อเดือนไม่เกิน10,000 บาท
ทำเลที่ผู้เข้าชมงานมีความต้องการซื้อมากที่สุด คือ ในเขตกรุงเทพมหานคร
โดยมีเขตที่ต้องการซื้อมาก5 อันดับแรก ได้แก่ เขตจตุจักรบางนา คลองเตย ลาดพร้าวและดอนเมือง ส่วนในพื้นที่จังหวัดนนทบุรี3อันดับแรกที่มีผู้ต้องการซื้อมาก ที่สุดได้แก่ อำเภอบางบัวทอง อำเภอเมือง และอำเภอปากเกร็ดจังหวัดสมุทรปราการ ต้องการซื้อในพื้นที่อำเภอบางพลี อำเภอเมืองและอำเภอพระประแดง ส่วนจังหวัดปทุมธานีพื้นที่ใน 3 อันดับแรกที่ต้องการซื้อที่อยู่มากที่สุด คืออำเภอคลองหลวง อำเภอลำลูกกา และอำเภอธัญบุรีส่วนจังหวัดนครปฐม ผู้ตอบแบบ สอบถามต้องการซื้อที่อยู่อาศัยในอำเภอพุทธมณฑลมากที่สุดเป็นอันดับแรกรองลงมาเป็นอำเภอเมือง และตามมาด้วยอำเภอนครชัยศรี
ความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยส่วนใหญ่สัดส่วน 35% ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยใกล้รถไฟฟ้า รองลงมาต้องการซื้อใกล้ที่ทำงานด้วยสัดส่วน29%และอีก20% ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยใกล้ห้างสรรพสินค้า ส่วนสาเหตุที่ต้องการที่อยู่อาศัยใหม่เป็นเพราะต้องการที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองด้วยสัดส่วน 33% และอีก 18% ต้องการซื้อเป็นทรัพย์สิน อีก 17% ต้องการความสะดวกในการเดินทาง
ทางศูนย์ข้อมูลฯได้ทำการวิเคราะห์ข้อมูลประเภทบ้านที่ต้องการซื้อและงบประมาณ เปรียบเทียบข้อมูล 3 ปีย้อนหลังโดยอ้างอิงผลสำรวจจากผู้เข้าชมงาน "มหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 20-25" หรือระหว่างปี2552-2554พบว่าที่อยู่อาศัยในระดับราคา 1.1 -3 ล้านบาท ยังคงเป็นที่ต้องการซื้อของตลาดอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี2552 มาจนถึงปัจจุบัน โดยแต่ละประเภทที่อยู่อาศัยในบางช่วงเวลาความต้องการซื้อจะเปลี่ยนแปลงไปบ้างเล็กน้อย และเป็นที่น่าสังเกตว่ามาตรการรัฐไม่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกประเภทที่อยู่อาศัยที่ต้องการซื้อ รวมถึงระดับราคาที่ต้องการซื้อด้วย
ในกลุ่มบ้านเดี่ยว มีสัดส่วน37% ที่ต้องการซื้อระดับราคา 1.1-2 ล้านบาท มีเพียงช่วงครึ่งแรกของปี 2553 ที่สัดส่วนความต้องการซื้อบ้านเดี่ยวในระดับราคาดังกล่าวสูงถึง 40% โดยช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงโค้งสุดท้ายของการประกาศใช้มาตรการลดหย่อนค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์และค่าจดจำนอง ส่วนบ้านเดี่ยวระดับ 2.1-3 ล้านบาท มีความต้องการซื้อโดยเฉลี่ย 26% และบ้านเดี่ยวในระดับราคาไม่เกิน1 ล้านบาท มีความต้องการซื้อโดยเฉลี่ยประมาณ10% แม้ว่าในช่วงปลายไตรมาสที่3รัฐบาลจะประกาศมาตรการส่งเสริมการซื้อบ้านหลังแรกราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท และมาตรการทางภาษีเพื่อช่วยเหลือประชาชนให้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองแต่ก็ไม่ช่วยกระตุ้นความต้องการซื้อบ้านในกลุ่มราคาดังกล่าวให้เพิ่มขึ้นได้อย่างเป็นรูปธรรม
ส่วนที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิ-เนียม โดยเฉลี่ย 44% ผู้ซื้อห้องชุดต้อง การซื้อในระดับราคา 1.1-2 ล้านบาท ซึ่งความต้องการในระดับราคาดังกล่าวสูงขึ้นถึง 50% ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2554 ในขณะที่คอนโดฯ ระดับราคา 2.1-3 ล้านบาท มีความต้องการซื้อเฉลี่ย 21%และเพิ่มขึ้นเป็น 26% ในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ส่วนคอนโดฯ ระดับราคาไม่เกินล้านบาทความต้องการซื้อเฉลี่ยมีประมาณ 15% ในช่วงปลายปี 2552 และเพิ่มขึ้นเป็น 32%
สำหรับที่อยู่ประเภททาวน์เฮาส์ความต้องการระดับราคา 1.1-2 ล้านบาท มีประมาณ 48% รองลงมาเป็นระดับราคา 2.1-3 ล้านบาท มีความต้องการซื้อเฉลี่ย 20% และในระดับราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท มีความต้องการซื้อโดยเฉลี่ย17% มีเพียงในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2552 ที่ความต้องการซื้อทาวน์เฮาส์ในกลุ่มราคาดังกล่าวเพิ่มสูงขึ้นเป็น35% คาดว่าน่าจะมีผลจากมาตรการลดหย่อนค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์ และค่าจดจำนอง และการนำเสนอขายทาวน์เฮาส์ของกลุ่มผู้ประกอบการในตลาดที่เร่งระบายสินค้าเพื่อเร่งยอดขายและยอดโอนกรรมสิทธิ์ก่อนหมดมาตรการในช่วงกลางปี 2553
ที่มา: หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับวันที่ 5 - 7 ม.ค. 2555