เมื่อศูนย์กลางธุรกิจของกรุงเทพมหานคร หรือย่าน CBD เช่นถนนสีลม ถนนสาทร และถนนสุขุมวิทเริ่มมีที่ดินที่เหลือในการพัฒนาน้อยลงเรื่อยๆ ผู้ประกอบการธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยจึงต้องมองหาทำเลใหม่เพื่อขยับขยายพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย บริเวณแยกรัชดาฯ-พระราม9 เป็นหนึ่งในพื้นที่ซึ่งผู้ประกอบการธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ทั้งที่อยู่อาศัย และอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ เช่น สำนักงาน และห้างสรรพสินค้าให้ความสนใจเป็นอย่างมากเนื่องจากสามารถเดินทางสัญจรได้สะดวกรวดเร็ว มีรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT ผ่าน อีกทั้งยังเชื่อมต่อกับย่านธุรกิจใหญ่ เช่น ถนนอโศกสามารถเดินทางเข้าใจกลางเมืองได้ภายในเวลาไม่ถึงสิบนาที อยู่ใกล้สถานที่อำนวยความสะดวกและสำนักงานต่างๆ เช่น โรงพยาบาล ห้างสรรพสินค้า และอาคารสำนักงานขนาดใหญ่นอกจากนี้ ยังมีโครงการก่อสร้างอาคารสำนักงานของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งจะแล้วเสร็จในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า
ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ รายงานผลสำรวจโครงการที่อยู่อาศัยในพื้นที่ดังกล่าวพบว่า ช่วงเวลา4-5 ปีที่ผ่านมา มีโครงการคอนโดมิเนียมที่อยู่ในรัศมี700 เมตรจากแยกรัชดาฯ-พระรามเก้าถึง10 โครง การ รวมประมาณ 8,900 หน่วยมียอดจองหรือขายแล้วเกือบ80%โดยผู้ซื้อส่วนใหญ่เป็นผู้ที่ทำงานในเมือง โดยเฉพาะย่านอโศก-รัชดาฯและนักลงทุนเพื่อซื้อไว้ปล่อยเช่าให้ทั้งชาวไทยและต่างชาติ
จากโครงการทั้งหมด 10 โครงการนั้น เป็นโครงการจากผู้ประกอบการที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯถึง 9 โครงการ รวมประมาณ 8,400 หน่วย คิดเป็นสัดส่วน 95% ของหน่วยทั้งหมดมียอดขายแล้วประมาณ80%ขณะที่โครงการจากผู้ประกอบการนอกตลาดมีเพียงโครงการเดียวเท่านั้น และมียอดขายแล้วมากกว่าครึ่งจะเห็นว่าผู้ประกอบการรายใหญ่มีส่วนแบ่งการตลาด มากทั้งนี้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะที่ดินในย่านนี้เริ่มมีราคาแพง จึงทำให้ผู้ประกอบการรายใหญ่ที่มีทุนทรัพย์มากกว่ามีความได้เปรียบ
โครงการอาคารชุดคอนโดมิเนียมเหล่านี้มีอัตราการขายเฉลี่ยตั้งแต่ 10-30 หน่วยต่อโครงการต่อเดือน สำหรับโครงการที่เปิดตัวเมื่อ4-5 ปีก่อนมีราคาขายประมาณตารางเมตรละ 45,000 บาท แต่ถึงปัจจุบัน ราคาขายสำหรับโครงการที่เพิ่งเปิดเมื่อปี2554 มีราคาขยับขึ้นไปอยู่ที่ประมาณตารางเมตรละ 80,000-1.35 แสนบาท
ราคาประเมินที่ดินของทางบริเวณถนนพระรามเก้าช่วงแยกพระรามเก้ารัชดาภิเษก อยู่ที่ประมาณ 1.5 -2.2 แสนบาทต่อตารางวา บริเวณถนนรัชดาภิเษกช่วงแยกพระรามเก้าถึงแยกห้วยขวางอยู่ที่ประมาณ1-2.5 แสนบาทต่อตารางวา อย่างไรก็ตาม ราคาซื้อขายจริงอาจสูงเป็นเท่าตัว แล้วแต่ที่ตั้งและทำเล
ทำเลรัชดาฯ-พระรามเก้า เป็นย่านที่ยังมีแนวโน้มการพัฒนาโครงการอาคารสำนักงานและศูนย์การค้าใหม่ ทั้งที่เพิ่งก่อสร้างเสร็จและอยู่ระหว่างการก่อสร้าง และอุปทานห้องชุดคอนโดมิเนียมในตลาดก็มีไม่น้อย นอกจากอุปทานปัจจุบันที่มีอยู่ในตลาดขณะนี้ ยังมีผู้ประกอบการรายใหญ่2 ราย ซึ่งมีแผนจะเปิดตัวโครงการในช่วงไตรมาสแรกของปี2555 โดยมีราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณตารางเมตรละ 80,000-1 แสนบาท ซึ่งจะทำให้หน่วยรวมของห้องชุดทั้งหมดในย่านดังกล่าวเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 10,000 หน่วยภายในต้นปีนี้
ที่มา: หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ วันที่ 22 - 25 ม.ค. 2555
จากโครงการทั้งหมด 10 โครงการนั้น เป็นโครงการจากผู้ประกอบการที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯถึง 9 โครงการ รวมประมาณ 8,400 หน่วย คิดเป็นสัดส่วน 95% ของหน่วยทั้งหมดมียอดขายแล้วประมาณ80%ขณะที่โครงการจากผู้ประกอบการนอกตลาดมีเพียงโครงการเดียวเท่านั้น และมียอดขายแล้วมากกว่าครึ่งจะเห็นว่าผู้ประกอบการรายใหญ่มีส่วนแบ่งการตลาด มากทั้งนี้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะที่ดินในย่านนี้เริ่มมีราคาแพง จึงทำให้ผู้ประกอบการรายใหญ่ที่มีทุนทรัพย์มากกว่ามีความได้เปรียบ
โครงการอาคารชุดคอนโดมิเนียมเหล่านี้มีอัตราการขายเฉลี่ยตั้งแต่ 10-30 หน่วยต่อโครงการต่อเดือน สำหรับโครงการที่เปิดตัวเมื่อ4-5 ปีก่อนมีราคาขายประมาณตารางเมตรละ 45,000 บาท แต่ถึงปัจจุบัน ราคาขายสำหรับโครงการที่เพิ่งเปิดเมื่อปี2554 มีราคาขยับขึ้นไปอยู่ที่ประมาณตารางเมตรละ 80,000-1.35 แสนบาท
ราคาประเมินที่ดินของทางบริเวณถนนพระรามเก้าช่วงแยกพระรามเก้ารัชดาภิเษก อยู่ที่ประมาณ 1.5 -2.2 แสนบาทต่อตารางวา บริเวณถนนรัชดาภิเษกช่วงแยกพระรามเก้าถึงแยกห้วยขวางอยู่ที่ประมาณ1-2.5 แสนบาทต่อตารางวา อย่างไรก็ตาม ราคาซื้อขายจริงอาจสูงเป็นเท่าตัว แล้วแต่ที่ตั้งและทำเล
ทำเลรัชดาฯ-พระรามเก้า เป็นย่านที่ยังมีแนวโน้มการพัฒนาโครงการอาคารสำนักงานและศูนย์การค้าใหม่ ทั้งที่เพิ่งก่อสร้างเสร็จและอยู่ระหว่างการก่อสร้าง และอุปทานห้องชุดคอนโดมิเนียมในตลาดก็มีไม่น้อย นอกจากอุปทานปัจจุบันที่มีอยู่ในตลาดขณะนี้ ยังมีผู้ประกอบการรายใหญ่2 ราย ซึ่งมีแผนจะเปิดตัวโครงการในช่วงไตรมาสแรกของปี2555 โดยมีราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณตารางเมตรละ 80,000-1 แสนบาท ซึ่งจะทำให้หน่วยรวมของห้องชุดทั้งหมดในย่านดังกล่าวเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 10,000 หน่วยภายในต้นปีนี้
ที่มา: หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ วันที่ 22 - 25 ม.ค. 2555