นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า จากภาวะน้ำท่วมในหลายพื้นที่ของไทย ทำให้มีลูกค้าสินเชื่อบ้านกสิกรไทยที่ได้รับผลกระทบจากเหตุอุทกภัยทั่วประเทศมีถึง 69,000 ราย โดยขณะนี้มีลูกค้ายื่นความจำนงและเข้าร่วมมาตรการช่วยเหลือของธนาคารแล้วประมาณ 3,000 ราย และคาดว่าจะสูงถึง 7,500 รายเมื่อสิ้นสุดน้ำท่วม คิดเป็นวงเงิน 8,500 ล้านบาท
"จากทั้งระบบประเมินว่ามีบ้านที่ได้รับผลกระทบประมาณ 5 แสนหลัง เป็นลูกค้ากสิกรไทย69,000 หลัง คิดเป็นวงเงินสินเชื่อ 4 แสนล้านบาท คาดว่าจะมีวงเงินในการฟื้นฟูหลังละ 1 แสนบาท เท่ากับ 5 หมื่นล้านบาท ในส่วนนี้คาดว่าจะมีการกู้เงินเพื่อซ่อมแซม 10-20% คิดเป็นวงเงินกู้5,000-10,000 ล้านบาท ส่วนผลกระทบในเรื่องของเอ็นพีแอลนั้น คงจะมีเพิ่มขึ้นบ้าง คาดว่าประมาณ 15% ของเอ็นพีแอลรวม ซึ่งไม่ส่งผลกระทบต่อสถานะของธนาคารแต่อย่างใด"
ทั้งนี้ มาตรการช่วยเหลือลูกค้าสินเชื่อบ้านกสิกรไทยมี 3 รูปแบบ ได้แก่ แบบที่ 1 ลดยอดการผ่อนชำระรายเดือนสูงสุดไม่เกิน 40% ของยอดผ่อนชำระปกติเป็นเวลา 12 เดือน แบบที่ 2 เลือกผ่อนเฉพาะดอกเบี้ยเป็นระยะเวลาสูงสุด 6 เดือน และแบบที่ 3 พักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยระยะเวลาสูงสุด 3 เดือน และสินเชื่อบ้านอเนกประสงค์กสิกรไทย เพื่อซ่อมแซมบ้านได้สูงสุด 100% ของสินเชื่อบ้านที่ผ่อนชำระแล้ว คิดอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 0% นาน6 เดือน ผ่อนชำระสูงสุด 15 ปี และกรณีนำบ้านที่ปลอดภาระมาเปลี่ยนเป็นเงินกู้ คิดอัตราดอกเบี้ย 0% นาน 3 เดือน ผ่อนชำระสูงสุด 15 ปี
สำหรับสินเชื่อที่อยู่อาศัยในปี 2555 คาดว่าความต้องการที่อยู่อาศัยจะชะลอไปถึงกลางปี โดยคอนโดมิเนียมในพื้นที่ชั้นในและย่านธุรกิจของกรุงเทพฯ และบริเวณชานเมืองย่านศรีนครินทร์ บางนารวมถึงหัวเมือง เช่น พัทยา ชลบุรี หัวหิน เขาใหญ่ และกาญจนบุรี จะได้รับความนิยมมากขึ้น ในการเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยแห่งที่ 2 ทั้งนี้ ธนาคารได้ตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยในปีหน้าไว้ที่ 50,000 ล้านบาท โดยจะมีสินเชื่อเพิ่มสุทธิประมาณ 8% เติบโตลดลงจากปี 2554 ที่คาดว่าเมื่อถึงสิ้นปีจะมียอดสินเชื่อที่อยู่อาศัยรวมประมาณ 188,000 ล้านบาท คิดเป็นการเติบโตจากสิ้นปี 2553 ถึง 13%ขณะที่ในปีหน้าคาดว่าสินเชื่อบ้านทั้งระบบจะเติบโต 6-7% ซึ่งนับเป็นระดับที่ต่ำสุดในรอบ 10 ปี
"นับตั้งแต่เดือน ต.ค.ที่ผ่านมาสินเชื่อบ้านเริ่มชะลอตัวลง และอีก 2 เดือนที่เหลือก็คงจะไม่ต่างกันนัก ซึ่งคาดว่าช่วง 3 เดือนสุดท้ายสินเชื่อบ้านจะลดลงประมาณ 50% ส่วนปีหน้าในช่วงครึ่งปีแรกก็น่าจะยังชะลอตัวอยู่ เป็นช่วงของการฟื้นฟู แต่ครึ่งปีหลังก็น่าจะฟื้นตัวขึ้น"
นายชาติชายกล่าวอีกว่า ความต้องการที่อยู่อาศัยของประชาชนจะเปลี่ยนแปลงไป โดยจะนิยมซื้อคอนโดมิเนียมเพิ่มขึ้น รวมถึงจะให้ความสำคัญต่อการเลือกพื้นที่มากขึ้น โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีน้ำท่วมถึงในปีนี้จะมีราคาประเมินลดลง ซึ่งคาดว่าจะทำให้ราคาตลาดปรับตัวลดลงประมาณ 10-20% ขึ้นอยู่กับความสูงของระดับน้ำที่ท่วม และจะส่งผลให้ลูกค้าที่อยู่ระหว่างการโอนต้องมีภาระเพิ่มจากราคาประเมินที่ลดลง ขณะที่ราคาที่อยู่อาศัยในพื้นที่ที่น้ำไม่ท่วม เช่น บางนา ศรีนครินทร์ แบริ่ง ลุมพินี พระราม 9 พระราม 4 มีราคาที่สูงขึ้น
ที่มา : หนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน
"จากทั้งระบบประเมินว่ามีบ้านที่ได้รับผลกระทบประมาณ 5 แสนหลัง เป็นลูกค้ากสิกรไทย69,000 หลัง คิดเป็นวงเงินสินเชื่อ 4 แสนล้านบาท คาดว่าจะมีวงเงินในการฟื้นฟูหลังละ 1 แสนบาท เท่ากับ 5 หมื่นล้านบาท ในส่วนนี้คาดว่าจะมีการกู้เงินเพื่อซ่อมแซม 10-20% คิดเป็นวงเงินกู้5,000-10,000 ล้านบาท ส่วนผลกระทบในเรื่องของเอ็นพีแอลนั้น คงจะมีเพิ่มขึ้นบ้าง คาดว่าประมาณ 15% ของเอ็นพีแอลรวม ซึ่งไม่ส่งผลกระทบต่อสถานะของธนาคารแต่อย่างใด"
ทั้งนี้ มาตรการช่วยเหลือลูกค้าสินเชื่อบ้านกสิกรไทยมี 3 รูปแบบ ได้แก่ แบบที่ 1 ลดยอดการผ่อนชำระรายเดือนสูงสุดไม่เกิน 40% ของยอดผ่อนชำระปกติเป็นเวลา 12 เดือน แบบที่ 2 เลือกผ่อนเฉพาะดอกเบี้ยเป็นระยะเวลาสูงสุด 6 เดือน และแบบที่ 3 พักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยระยะเวลาสูงสุด 3 เดือน และสินเชื่อบ้านอเนกประสงค์กสิกรไทย เพื่อซ่อมแซมบ้านได้สูงสุด 100% ของสินเชื่อบ้านที่ผ่อนชำระแล้ว คิดอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 0% นาน6 เดือน ผ่อนชำระสูงสุด 15 ปี และกรณีนำบ้านที่ปลอดภาระมาเปลี่ยนเป็นเงินกู้ คิดอัตราดอกเบี้ย 0% นาน 3 เดือน ผ่อนชำระสูงสุด 15 ปี
สำหรับสินเชื่อที่อยู่อาศัยในปี 2555 คาดว่าความต้องการที่อยู่อาศัยจะชะลอไปถึงกลางปี โดยคอนโดมิเนียมในพื้นที่ชั้นในและย่านธุรกิจของกรุงเทพฯ และบริเวณชานเมืองย่านศรีนครินทร์ บางนารวมถึงหัวเมือง เช่น พัทยา ชลบุรี หัวหิน เขาใหญ่ และกาญจนบุรี จะได้รับความนิยมมากขึ้น ในการเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยแห่งที่ 2 ทั้งนี้ ธนาคารได้ตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยในปีหน้าไว้ที่ 50,000 ล้านบาท โดยจะมีสินเชื่อเพิ่มสุทธิประมาณ 8% เติบโตลดลงจากปี 2554 ที่คาดว่าเมื่อถึงสิ้นปีจะมียอดสินเชื่อที่อยู่อาศัยรวมประมาณ 188,000 ล้านบาท คิดเป็นการเติบโตจากสิ้นปี 2553 ถึง 13%ขณะที่ในปีหน้าคาดว่าสินเชื่อบ้านทั้งระบบจะเติบโต 6-7% ซึ่งนับเป็นระดับที่ต่ำสุดในรอบ 10 ปี
"นับตั้งแต่เดือน ต.ค.ที่ผ่านมาสินเชื่อบ้านเริ่มชะลอตัวลง และอีก 2 เดือนที่เหลือก็คงจะไม่ต่างกันนัก ซึ่งคาดว่าช่วง 3 เดือนสุดท้ายสินเชื่อบ้านจะลดลงประมาณ 50% ส่วนปีหน้าในช่วงครึ่งปีแรกก็น่าจะยังชะลอตัวอยู่ เป็นช่วงของการฟื้นฟู แต่ครึ่งปีหลังก็น่าจะฟื้นตัวขึ้น"
นายชาติชายกล่าวอีกว่า ความต้องการที่อยู่อาศัยของประชาชนจะเปลี่ยนแปลงไป โดยจะนิยมซื้อคอนโดมิเนียมเพิ่มขึ้น รวมถึงจะให้ความสำคัญต่อการเลือกพื้นที่มากขึ้น โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีน้ำท่วมถึงในปีนี้จะมีราคาประเมินลดลง ซึ่งคาดว่าจะทำให้ราคาตลาดปรับตัวลดลงประมาณ 10-20% ขึ้นอยู่กับความสูงของระดับน้ำที่ท่วม และจะส่งผลให้ลูกค้าที่อยู่ระหว่างการโอนต้องมีภาระเพิ่มจากราคาประเมินที่ลดลง ขณะที่ราคาที่อยู่อาศัยในพื้นที่ที่น้ำไม่ท่วม เช่น บางนา ศรีนครินทร์ แบริ่ง ลุมพินี พระราม 9 พระราม 4 มีราคาที่สูงขึ้น
ที่มา : หนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน